วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

“พานทองแท้” FB เปรียบ “สุเทพ” ไม่ต่างอะไรจาก “หมาป่าที่เอาชุดขนแกะมาสวมใส่”

17 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra (https://www.facebook.com/oakpanthongtae) โดยมีเนื้อหาดังนี้



"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจาก "หมาป่าที่เอาชุดขนแกะมาสวมใส่" ครับ

เป็น สส.มา35ปี ถอดหัวโขน ส.ส. ออกได้ไม่กี่วัน "ทำเนียน" บอกว่าตัวเองแอนตี้ระบบการเมือง นักการเมืองชนะเลือกตั้งเพราะการซื้อเสียง ต้องห้ามนักการเมืองทั้งหมด(นอกจากตัวเอง) มายุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ปลุกม็อบมาบังคับให้ประเทศไทยเปลี่ยนจาก ระบอบเลือกตั้งไปเป็น "ระบอบเทือกตั้ง" ฟังแล้วผมนึกถึงสำนวน ทึ่หลายประเทศนิยมใช้กันคือ

"The Wolf in Sheeps Clothing" หรือ "หมาป่าคลุมชุดขนแกะ" ครับ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ยอมรับออกมาเอง บนเวทีของม็อบประชาธิปัตย์ ในวันที่ประกาศลาออกจาก ส.ส.ว่า ตนเป็น ส.ส.มา35ปี และตลอดทั้งชีวิตไม่เคยทำงานอื่นใด นอกจากเป็นนักการเมือง(ท้องถิ่น+ส.ส.)เพียงอย่างเดียว เปรียบเสมือนหมาป่าที่โชกโชน และช่ำชองในสนามเลือกตั้งเป็นอย่างดี จู่ๆก็บรรลุโสดาบันขึ้นมาเฉยๆ ผันตัวเองจากนักการเมืองผู้ช่ำชอง มาเป็นคนดีที่ต่อต้านนักการเมือง

เพิ่งจะมาสำนึกตัวได้จึงลาออกจากสส. หลังจากพรรคฯของตนแพ้เลือกตั้งมา 20 ปี แต่นายสุเทพฯลืมคิดไปว่า ตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่ตนเองปล้นชัยชนะคนอื่น จนได้เป็นรัฐบาลมาตั้งหลายครั้ง ตัวเองมัวแต่หลงระเริงอยู่กับ ปรส., สปก.4-01, งบไทยเข้มแข็ง, 396 โรงพัก, น้ำมันสวาปาล์ม ฯลฯ เพลิดเพลินจนไม่เคยมีใครได้ยิน คำว่าปฏิรูปหลุดออกมาจากปากนายสุเทพฯ แม้แต่สักครั้งเดียว...!!

เปรียบกับสำนวนก็คือ หมาป่าที่เป็นหมามาชั่วชีวิตหลายสิบปี อยู่ๆหยิบเอาชุดขนแกะมาสวมใส่ไม่กี่วัน แล้วก็มาบอกคนอื่นว่า ตนเองเป็นแกะที่เกลียดหมาป่า เพราะหมาป่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องไม่ให้มีที่ยืนอยู่ในป่าใหญ่ ซึ่งแท้จริงแล้วคือการพรางตัว แล้วกระโดดเข้าไปอยู่ในฝูงแกะ กลายเป็นหมาป่าตัวเดียว ที่อิ่มหมีพีมันอยู่กับแกะทั้งฝูง โดยที่ไม่มีหมาป่าตัวอื่น มาเป็นก้างขวางคอเหมือนที่ผ่านมา

หมาป่าที่คลุมขนแกะ ยังไงก็คือหมาป่าวันยังค่ำ แกะตัวไหนเผลอไปยืนข้างๆ มันก็ตะครุบกินเป็นอาหาร ถ้ามัวแต่ไม่รู้เท่าทัน แป๊บเดียวมันก็กินเรียบหมดฝูง เช่นเดียวกับนักการเมือง ยังไงก็คือนักการเมืองวันยังค่ำครับ ถึงแม้จะลาออกมานำม็อบ อ้างให้ตายว่าเป็นมวลมหาประชาชน ดูยังไงก็เป็นมวลมหาประชาธิปัตย์ ม็อบที่ว่านี้ก็ย่อมต้องเป็นม็อบการเมือง ทหารเขาถึงส่ายหน้าไม่เข้าข้าง แถมบอกว่า "การเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมือง" ยังไงครับ

อย่ามาขอให้รัฐบาลและนายกฯ ลาออกและเลิกรักษาการเลยครับ รัฐบาลเขาไม่ได้หวงอำนาจ และได้คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชนไปแล้ว ใครจะมาเป็นนายกฯเป็นรัฐบาลต่อไป ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาล ไม่ได้ขึ้นกับพรรคเพื่อไทย แต่ขึ้นอยู่กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ จะเป็นคนออกไปเลือกในวันที่ 2 กุมภาฯปีหน้านี้ ใครที่ล้มการเลือกตั้งมันผู้นั้น คือคนที่ปล้นอำนาจของประชาชนไป ไม่ใช่ปล้นอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยครับ

อย่าลืมว่า ทหารไม่ออกมายุ่งเกี่ยว ในเรื่องที่นักการเมืองทะเลาะแย่งชิงอำนาจกัน แต่หากมีความพยายามล้มการเลือกตั้ง นั่นเป็นเรื่องของการฝ่าฝืนกฏหมาย การเสนอวิธี "เทือกตั้ง" ย่อมไม่ใช่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่กรณีของนักการเมืองทะเลาะกัน แต่เป็นการล้มล้างการปกครองของไทย ซึ่งทหารทุกเหล่าทัพคงไม่อาจนิ่งเฉย ปล่อยให้มีการกระทำเช่นนี้ในบ้านเมืองเราได้เป็นแน่

คิดผิด-คิดใหม่ นะครับ อดีตสส.ทั้ง 9 แห่งพรรคประชาธิปัตย์..!

ไม่มีความคิดเห็น: