16 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ
"พีมูฟ" ประกอบด้วยเครือข่ายสลัม 4 ภาค
สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน สัมชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูล
เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้
เครือข่ายเกษตรพันธสัญญา เครือข่ายสิทธิสถานะบุคคล และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล
แถลงการณ์ฉบับที่ 41 เรื่อง "ผ่าวิกฤติประเทศไทย
เดินหน้าเลือกตั้ง ควบคู่การปฏิรูปประเทศไทย"
นางอำพร จำปาทอง ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค เปิดเผยว่า ตามที่สถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในสภาวะวิกฤติในขณะนี้ โดยมีสาเหตุหลักคือความไม่เชื่อมั่นต่อพฤติกรรมของนักการเมือง และระบบการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภาคส่วนต่างๆในสังคมได้ออกมาเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่นั้น ขปส.ซึ่งเป็นเครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและคนจนี่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาประเทศที่ผิดพลาดในอดีต อันเป็นปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ปัญหาที่เกิดจากการสร้างเขื่อน ปัญหาการไร้สิทธิสถานะและชาติพันธุ์ ปัญหาจากการสร้างเหมืองและโรงไฟฟ้า ปัญหาการทำเกษตรพันธะสัญญา รวมทั้งปัญหาความไม่เป็นธรรมจาก กระบวนการยุติธรรม ทั้งจากคนจนในชนบทและคนจนในเมืองดังนั้นในฐานะหุ้นส่วนทางสังคมมีความเห็นต่อสถานการณ์วิกฤติทางการเมือง ดังนี้
นางอำพร จำปาทอง ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค เปิดเผยว่า ตามที่สถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในสภาวะวิกฤติในขณะนี้ โดยมีสาเหตุหลักคือความไม่เชื่อมั่นต่อพฤติกรรมของนักการเมือง และระบบการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ภาคส่วนต่างๆในสังคมได้ออกมาเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่นั้น ขปส.ซึ่งเป็นเครือข่ายของเกษตรกรรายย่อยและคนจนี่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาประเทศที่ผิดพลาดในอดีต อันเป็นปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ปัญหาที่เกิดจากการสร้างเขื่อน ปัญหาการไร้สิทธิสถานะและชาติพันธุ์ ปัญหาจากการสร้างเหมืองและโรงไฟฟ้า ปัญหาการทำเกษตรพันธะสัญญา รวมทั้งปัญหาความไม่เป็นธรรมจาก กระบวนการยุติธรรม ทั้งจากคนจนในชนบทและคนจนในเมืองดังนั้นในฐานะหุ้นส่วนทางสังคมมีความเห็นต่อสถานการณ์วิกฤติทางการเมือง ดังนี้
1.การคอรัปชั่นที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย
เกิดขึ้นจากการกระชับอำนาจไว้ที่นักการเมืองเพียงไม่กี่กลุ่ม
ที่พากันฉกฉวยโอกาสและแย่งชิงทรัพยากรส่วนรวมไป กลุ่มคนจน คนรากหญ้า
คนชายขอบตกอยู่ในสภาพของผู้ถูกกระทำมาตลอด
คนเหล่านี้ถูกบังคับให้จำนนต่อการเอาเปรียบมายาวนานในสังคมไทย
2.มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ ทั้งการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การปฏิรูปเป็นการปรับเปลี่ยนและยกระดับแนวคิด เนื้อหาและกฎเกณฑ์ต่างๆในอดีตที่ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงของสังคม
2.มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ ทั้งการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การปฏิรูปเป็นการปรับเปลี่ยนและยกระดับแนวคิด เนื้อหาและกฎเกณฑ์ต่างๆในอดีตที่ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงของสังคม
3.การปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้
คงไม่สามารถที่จะสำเร็จได้ในช่วงเวลา 1 หรือ 2 ปี
เพราะการปฏิรูปต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในทุกภาคส่วนของสังคม
ซึ่งเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน โดยไม่ขัดแย้งต่อระบอบประชาธิปไตย
และกติกาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งการปฏิรูปอาจนำไปสู่การปรับปรุงกติกาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปด้วยต่อสถานการณ์ดังกล่าว
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
(ขปส.) หรือ "พีมูฟ" ขอแสดงจุดยืน ดังนี้
1.สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2
กุมภาพันธ์ 2557 เพราะเป็นขั้นตอนสำคัญของระบอบประชาธิปไตยและกติกาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
2.สนับสนุนให้มีการปฏิรูปทางโครงสร้างครั้งใหญ่
ดังนี้
2.1 การปฏิรูปการเมือง
ซึ่งขปส.ไม่เชื่อว่าการปฏิรูปการเมือง เช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
การจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
หรือแม้แต่การจัดตั้งองค์กรทางการเมืองเพื่อถ่วงดุลอำนาจจะเป็นหนทางเดียวที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างโดยรวมของสังคมไทย
ถึงแม้จะมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปฏิรูปการเมือง
แต่หากขาดการปฏิรูปโครงสร้างอื่นๆที่สำคัญ ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมที่เป็นธรรมได้
2.2 การปฏิรูปเพื่อกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นและชุมชน
2.3 การปฏิรูปการจัดการและการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ
2.4การปฏิรูปอำนาจตุลาการและกระบวนการยุติธรรม
ด้านนายกฤษกร ศิลารักษ์ ผู้ประสานงาน ขปส. กล่าวว่า "จากการประชุมหารือกันของขปส. มีมติร่วมกันว่า ทางออกของประเทศไทยขณะนี้ต้องมุ่งไปสู่กระบวนการเลือกตั้ง ควบคู่ไปกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้างใหญ่ทางสังคม เพื่อเป็นหลักประกันสำคัญที่ยืนยันว่าเสียงของประชน จะไม่หมดความหมายลงหลังการหย่อนบัตรเลือกตั้ง ในเบื้องต้น ขปส. จึงเห็นด้วยตามข้อเสนอของหลายฝ่าย ที่ต้องการให้มีการตั้งคนกลางขึ้นมาควบคุมดูแลกระบวนการเลือกตั้ง แต่เนื่องจากขณะนี้ความเห็นของประชาชนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ดังนั้นกระบวนการสรรหาคนกลางจะต้องเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันกระบวนการสร้างความร่วมมือในสังคมไทย ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรผลักดันให้เกิดขึ้น เพราะในระยะยาวจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในภาพรวมได้"
นายกฤษกร กล่าวต่อว่า "ก่อนหน้านี้ทาง ขปส. ได้รับเชิญทั้งจากรัฐบาลและ กปปส. ให้เข้าร่วมในเวทีปฏิรูปต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเราเห็นว่า การเข้าร่วมในเวทีดังกล่าวนั้นมุ่งไปที่การปฏิรูปแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพียงอย่างเดียว จึงขอสงวนท่าทีในการเข้าร่วมเวทีต่างๆ เพราะเราเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ ต้องปฏิรูป 3 อย่าง ควบคู่กันไป คือ 1.การเมือง โดยเฉพาะการได้มาซึ่งอำนาจและการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม 2.เศรษฐกิจ โดยเฉพาะการสร้างหลักประกันรายได้ของเกษตรกร และ 3.สังคม โดยเฉพาะการถ่วงดุลอำนาจทั้ง 3 ฝ่าย แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าขาดความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับสมัครเลือกตั้ง ในช่วงปลายเดือน ม.ค. 2557 ทางขปส.จะประสานไปยังพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อนำเสนอรายละเอียดและรูปแบบแนวทางปฏิรูปเชิงโครงสร้างใหญ่ ที่ภาคประชาชนได้จัดเวทีขึ้นอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการแสดงจุดยืนของภาคประชาชนว่า การปฏิรูปเชิงโครงสร้างนั้นควรต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น