วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นิวยอร์กไทมส์ ชี้ “ม็อบเสียงข้างน้อย” ในไทย พาประชาธิปไตยถอยหลัง ต้านการเลือกตั้ง


วันที่ 17 ธันวาคม 2556 (go6TV)- บทวิเคราะห์ ชื่อ "In Thailand, Standing Up for Less Democracy" เขียนโดย Thomas Fuller ระบุว่า ขณะที่ทั่วโลกเกิดขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย เช่น ปรากฏการณ์อาหรับสปริง, การปฏิวัติสีส้มในยูเครน และการปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์ในเมียนมาร์ ในประเทศไทย ผู้ประท้วงกลับลุกฮือเรียกร้องให้ลดทอนความเป็นประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าว ทอมัส ฟุลเลอร์ รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกร้องให้มี "สภาประชาชน" จากการคัดเลือกบุคคลในสายขาอาชีพต่างๆ ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้ง แม้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เสนอให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพื่อยุติวิกฤตทางการเมือง แต่กลับเป็นสิ่งที่ผู้ประท้วงไม่ต้องการ

ฟุลเลอร์ บอกว่า ในประเทศไทยซึ่งกำลังเกิดความแตกแยก ประชาชนฝ่ายเสียงข้างมากต้องการเสริมสร้างประชาธิปไตย หากแต่ประชาชนฝ่ายเสียงข้างน้อย ซึ่งมีเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลเข้าร่วมการชุมนุม กลับหวาดผวากับประชาธิปไตย

นักสังเกตการณ์พูดกันว่า ด้วยเหตุที่ตระกูลมหาเศรษฐีได้เข้ามาเป็นแกนนำการประท้วงในครั้งนี้ จึงเกิดภาพกลับกันกับขบวนการอ็อกคิวพาย วอลสตรีท นั่นคือ ในกรณีของไทย คน 1% ของสังคมกำลังต่อต้านคน 99%

ผู้ชุมนุมมีทั้งคนจนและคนรวย ชาวกรุงเทพ และประชาชนจากภาคใต้ของไทย แต่คนเหล่านี้มีจุดร่วมตรงกัน คือ ต้องการทำลายพรรคเพื่อไทยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งชนะเลือกตั้งทุกครั้งนับแต่ปี 2544 เป็นต้นมา

บทวิเคราะห์ บอกว่า ปรากฏการณ์ที่ประเทศไทยกำลังถูกสร้างความปั่นป่วนโดยขบวนการต่อต้านประชาธิปไตย นับว่าน่าประหลาดใจ ไทยเป็นประเทศแรกๆในเอเชียที่มีประชาธิปไตย หญิงชายมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเลือกตั้งท้องถิ่นตั้งแต่ปี พ.ศ.2440 หรือก่อนที่สหรัฐจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ห้ามกีดกันสิทธิเลือกตั้งของสตรี ถึง 2 ทศวรรษ

ความคิดต่อต้านประชาธิปไตยของแกนนำการประท้วง ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของไทยที่เป็นประเทศเปิด ในทุกๆคืน ผู้ปราศรัยบนเวทีจะแสดงความกังขาต่อหลักการ หนึ่งคน หนึ่งเสียง

@  นักท่องเที่ยวชาวตะวันตก ในย่านถนนข้าวสาร เดินผ่านด่านตรวจของผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2556

รายงานบอกว่า เมื่อมองโดยผิวเผิน การประท้วงครั้งนี้เป็นการแย่งชิงอำนาจระหว่างประชาชนฝ่ายเสียงข้างมาก กับประชาชนฝ่ายเสียงข้างน้อยซึ่งไม่พอใจที่แพ้เลือกตั้งมาโดยตลอด และไม่สามารถกำหนดนโยบายในประเทศที่มีการรวมศูนย์อำนาจอย่างมากได้

ทว่าวิกฤตของไทยในรอบนี้มีหลายด้าน และเชื่อมโยงกับประเด็นสถานะและบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ปราศรัยบางรายบอกว่า การล้มเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เมื่อพ.ศ.2475 เป็นความผิดพลาด แกนนำหลายคนเรียกร้องให้มีนายกรัฐมนตรีจากการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งของพระมหากษัตริย์

ดาราละครทีวี "โอ" อนุชิต สพันธุ์พงษ์ โพสต์ทางเฟซบุ๊คว่า เขาไม่ชอบนักการเมืองคอรัปชั่น อยากเกิดมาในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์

"ผมไม่คิดว่า เราเหมาะกับประชาธิปไตยในตอนนี้ เราไม่เข้าใจประชาธิปไตยกันนัก รวมทั้งตัวผมเองด้วย".



ที่มา : New York Times
ภาพ : AFP

ไม่มีความคิดเห็น: