วันนี้ (8
ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยระบุว่าตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. จนถึงปัจจุบัน
มีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นถือเป็นวิกฤติประเทศรัฐบาลเสียใจที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ซึ่งรัฐบาลพร้อมเปิดเวทีรับฟังข้อเสนอจากทุกภาคส่วนแต่การตั้งสภาประชาชนหรือนายกฯ
พระราชทานยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนและไม่มีกฎหมายรองรับ
ทั้งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ โดยรัฐบาลยืนยันพร้อมยุบสภาหากเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่
แต่หากผู้ชุมนุมยังไม่ยอมรับความขัดแย้งดังกล่าวก็จะเป็นเหมือนปี 2549 นำไปสู่การรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า
รัฐบาลขอเสนอให้มีการตั้งเวทีหารือข้อเสนอของผู้ชุมนุมและอยากให้ทำประชามติเพื่อให้เสียงของประชาชนเป็นผู้ตัดสินพร้อมสรุปแนวทางเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติรรมทำ
เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนและเป็นตามกติกาและระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ตนนั้นพร้อมลาออก หรือยุบสภาฯ
หากผู้ชุมนุมยอมรับเงื่อนไขให้จัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน แต่ขอให้เป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
โดยยินดีทำตามมติของเสียงส่วนใหญ่
ส่วนข้อเสนอของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เลขาธิการ กปปส. ที่ไม่เอาทั้งการยุบสภาและลาออก
แต่ต้องการให้คืนอำนาจให้ประชาชนโดยไม่มีการเลือกตั้งนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
ถือเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
ถือเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งมีผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศอย่างมาก
แต่การทำประชามติถือว่ามีในบทญัตติของรัฐธรรมนูญ
ตนเชื่อว่าเราทุกคนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันและรักประเทศชาติไม่แพ้กัน
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประเทศบอบช้ำไปมากกว่านี้ตนอยากเห็นทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกันโดยในวันจันทร์นี้รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุมเพื่อมาหาทางออกร่วมกันวันนี้ไม่มีใครแพ้
แต่ประเทศและประชาชนชนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น