เป็นเรื่องขบขัน ที่พรรคประชาธิปัตย์
และเหล่าอำมาตย์ทุกภาคส่วนพยายามที่จะล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ เด็กรุ่นใหม่ไม่เคยรู้ว่า ข้ออ้าง “ปฏิรูป”
ที่ตัวเองเห่อตามแกนนำม็อบนั้น จริงๆ เป็นแค่ “วาทกรรมเครื่องมือล้มประชาธิปไตย”
เท่านั้น และวันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของการปฏิรูป
การเมืองไทยนั้น เคยปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่มาก่อนหน้านี้ ล่าสุด
ก็คือการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 2540
ซึ่งถือว่าเป็นฉบับประชาธิปไตยที่สุด แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ถูกฉีกทิ้งไปด้วยฝีมือ
คมช. ได้รับการสนับสนุนโดยพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะเดียวกัน ข้ออ้างว่าจะ “ปฏิรูป”
นั้น ปีนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรก
หลักฐานหนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 4 มีนาคม 2549 ก่อนการรัฐประหาร 6 เดือน พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศบอยคอตการเลือกตั้งเดือนเมษายน ด้วยข้ออ้างว่า
“ต้องการปฏิรูปการเมืองก่อน” โดยมีข้อความว่า
“มันเป็นการตัดสินใจเพื่อแสดงจุดยืน เพื่อจุดประกายความคิดให้มาช่วยกันแก้ระบบของประเทศ
ที่มีปัญหามากขึ้นทุกวัน อย่างน้อยที่สุด หลังจากที่เราได้ตัดสินใจตรงนี้ไป
สิ่งหนึ่งคือ ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องการปฏิรูปการเมืองอีกต่อไปแล้ว” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ได้กล่าวถึงกรณีการไม่ส่งผู้สมัคร
ถามว่า 7 ปีที่ผ่าน นายอภิสิทธิ์ ได้ผ่านการเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
ผ่านการคิดการทำอะไรต่างๆ มากมาย ทำไมไม่ “หยิบการปฏิรูปการเมือง”
ที่ตัวเองเคยใช้เป็นข้ออ้างล้มการเลือกตั้ง
มาทำให้สำเร็จในสมัยตนเองเป็นรัฐบาล 7 ปีที่ผ่านมาทำอะไรอยู่
จนกระทั่งวันนี้ นึกอะไรไม่ออก ก็ยกเหตุผล “ปฏิรูป” ขึ้นมา
ทั้งที่มันแค่ข้ออ้างที่เคยใช้ และทิ้งลงขยะไปแล้วหลังการเป็นนายกรัฐมนตรี
และขยี้คำว่าปฏิรูปซ้ำ
อีกครั้งเมื่อตนได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรควาระล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 เพราะนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ
ได้ใช้กำลังทั้งหมด “เขี่ย” สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์สายปฏิรูปทิ้งลงขยะทั้งหมด
จนนายอลงกรณ์ พลบุตร ต้องออกมาเขียนลงเฟสบุ้คระบายความในใจสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า
“เราแพ้แล้ว”
งานนี้ไม่ใช่นายอลงกรณ์แพ้
แต่ “ประเทศชาติ” ที่นายอภิสิทธิ์ และม็อบกบฏกำลังเอาเป็นตัวประกัน
กำลังแพ้ยับเยินทั้งชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น