กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างว่า มาปกป้องคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ |
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ก.ค.) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์เพื่อรับฟังคำไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้อง กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่แล้ว โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง ทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง จำนวนมาก ซึ่งในส่วนของพยานฝ่ายผู้ร้องมีจำนวน 7 ปาก ประกอบด้วย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายวันธงชัย ชำนาญกิจ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมทนายความของพรรคประชาธิปัตย์ นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายวรินทร์ เทียมจรัส และ นายบวร ยสินทร โดยศาลเริ่มการไต่สวน พล.อ.สมเจตน์ ในฐานะพยานและผู้ร้องเป็นคนแรก ทั้งนี้ ก่อนชี้แจง พล.อ.สมเจตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยไม่มีเบื้องหลัง แต่เห็นว่า น่าจะเป็นการล้มล้างการปกครอง
นายวิรัตน์ ในฐานะผู้ร้อง เปิดเผยว่า ได้เตรียมหลักฐานเข้าชี้แจงต่อศาล ประกอบด้วยเอกสารกว่า 100 หน้า รวมถึง VCD ที่บันทึกคำพูดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายใจ อึ๊งภากรณ์ และ นายจักรภพ เพ็ญแข ที่เคยพูดก้าวล่วงสถาบัน และการจัดตั้งรัฐไทยใหม่ ล้มล้างการปกครอง นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ถูกนำมาเผยแพร่ล่าสุด เพื่อยืนยันต่อศาลว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลต้องการล้มล้างการปกครองจริง และผู้ร้องไม่ได้จินตนาการไปเอง
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตทนายความพรรคพลังประชาชน มั่นใจว่า คลิปเสียงของ นายสมศักดิ์ จะไม่มีผลต่อคดีนี้ ส่วนอำนาจของประธานสภา ในการวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ เอง ก็ยืนยันว่า จะใช้รูปแบบตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ขณะเดียวกันข้อกล่าวหาของผู้ร้องก็ยังไม่เกิดขึ้น เพราะไม่เข้าองค์ประกอบของรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรค 2
นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่า คลิปเสียงของประธานสภา ไม่น่านำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาครั้งนี้ได้ เนื่องจากศาลได้พิจารณาให้ส่งพยานหลักฐานเสร็จสิ้นไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ถ้ามีการแถลงในวันนี้ เพื่อขอให้นำคลิปเสียงมาใช้ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในศาลรัฐธรรมนูญว่า ได้มีการติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิดเพื่อถ่ายทอดการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้อง เนื่องจากในห้องพิจารณาคดีมีขนาดเล็ก และรองรับปริมาณผู้เข้าฟังได้จำนวนจำกัด และมีผู้สนใจ รวมทั้งสื่อมวลชนที่มาติดตามการไต่สวนพยานในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล 1 กองร้อย ตำรวจจาก สน.ทุ่งสองห้อง 50 นาย และตำรวจนอกเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการตรวจตราบุคคลเข้า-ออกอย่างละเอียด และต้องแลกบัตรประจำตัวเมื่อเข้ามาภายในอาคารศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังตัดสัญญาณโทรศัพท์บริเวณห้องพิจารณาคดีด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการไต่สวนพยานในวันนี้ ยังไม่พบว่ามีกลุ่มใดเดินทางมาปักหลักบริเวณศาลรัฐธรรมนูญ นอกจาก กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธย ที่เดินทางมาให้กำลังใจคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในการทำหน้าที่พิจารณาคดี โดยเดินทางมาและพักค้างคืนตั้งแต่เมื่อวานนี้ (4 ก.ค.).