วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ย้อนรอย "ชายชุดดำ" ใครเผาเซ็นทรัลเวิร์ล

 


เมื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีนี้ไม่ใช่ ′ชายชุดดำ′ อย่างที่มีการกล่าวอ้างกัน 

โดยการแถลงความคืบหน้าคดีวางเพลิง เผาทรัพย์ และลักทรัพย์ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ย่านราชประสงค์ จากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา 

นายธาริตระบุชัดเจนว่า ไม่มีชายชุดดำเข้ามาเกี่ยว ข้อง แต่มีผู้ต้องหา 9 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาล ซึ่งจำเลยบางรายศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว

ส่วนเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นมีชายชุดดำด้วยหรือไม่นั้น นายธาริตบอกว่า จำไม่ได้ 

แต่ยืนยันยันว่า การเอ่ยถึงชายชุดดำจะมีเฉพาะสำนวนการก่อการร้ายเท่า นั้น ไม่เกี่ยวกับสำนวนการวางเพลิงเผาทรัพย์, เผาศาลากลางจังหวัด, เผาตู้เอทีเอ็ม ร้านค้าย่อยหลายแห่งแต่อย่างใด 

พร้อมแจกแจงว่า การสืบสวนดังกล่าวไม่ได้เป็นการเปลี่ยนสำนวนให้ข้อกล่าวหาในคดีก่อการร้ายอ่อนลง เหลือเพียงคดีเผา-ลักทรัพย์อย่างแน่นอน

′เรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกับก่อการร้าย คดีก่อการร้ายเป็นมิติภาพรวม คดีนี้เป็นส่วนแยกต่างหาก′

′ผู้ต้องหาจะได้ประกันตัวตามนโยบายปรองดองหรือไม่ ไม่ตอบ เพราะคดีวางเพลิงเผาทรัพย์เซ็นทรัลฯ มีการตัดสินลงโทษ บางส่วนเหมือนคดีสิ้นสุดแล้ว มีผลออกมาแล้ว เราแยกคดีออกมาชัดเจน′

′เรื่องวางเพลิงไม่มีมูลเหตุชัดเจนว่าการเผาเพื่อจะปล้นทรัพย์′ นายธาริตสรุป 

คล้อยหลังการแถลงไม่นาน นอกจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ถึงสถานะและจุดยืนที่เปลี่ยนไปของอธิบดีดีเอสไอแล้ว 

นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเห็นในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกด้วย

ระบุไม่ติดใจว่าคนชุดดำเผาจริงหรือเปล่า เพราะใส่ชุดไหนก็เผาได้ทั้งนั้น แต่ยังเชื่อว่าต้องมีชายชุดดำแน่ๆ ที่สำคัญต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามเจ้าหน้าที่ซึ่งขณะปฏิบัติงานจะใส่ชุดทหาร ไม่ใช่ชุดดำ 

ซึ่งคำพูดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกหรือตื่นเต้นอะไร นายธาริตก็บอกตอนแถลงไปแล้วว่า เรื่องชายชุดดำมีการเอ่ยถึงในสำนวนก่อการร้าย แต่ไม่เกี่ยวกับสำนวนเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลากลางจังหวัด ฯลฯ 

นั่นก็ยิ่งชัดเข้าไปอีกถึงเรื่องชายชุดดำกับคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ 

ระหว่างที่ความจริงค่อยๆ ปรากฏ ทนายความได้เข้าไปช่วยเหลือติดต่อขอประกันตัวผู้ต้องขังในคดีนี้ ซึ่งพ่วงข้อหาละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วยรวม 6 คน 

ทั้งหมดถูกคุมขังในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ ภายในโรงเรียนพลตำรวจนครบาล บางเขน 

โดยใช้เงินกองทุนยุติธรรมของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นหลักทรัพย์ยื่นต่อศาลรายละ 1 ล้านบาท เพื่อออกมาสู้คดีหลังจากติดคุกนาน 2 ปีกว่า 

โดยเฉพาะนายสายชล แพบัว อายุ 28 ปี หนึ่งในจำเลยคดีดังกล่าว มีอาการเป็นโรคความดันโลหิตสูง บางครั้งมีอาการปากเบี้ยวปรากฏให้เห็น 

สําหรับรายละเอียดของคดีนั้น แบ่งเป็น คดีลักทรัพย์กับ คดีวางเพลิง 

ดีเอสไอระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 คน พร้อมดำเนินคดีลักทรัพย์ ประกอบด้วย 

นายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 26 ปี, นายวิศิษฏ์ แกล้วกล้า อายุ 33 ปี, นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม อายุ 42 ปี, นายอาทิตย์ เบ้าสุวรรณ อายุ 29 ปี 

นายพรชัย โลหิตดี อายุ 35 ปี, นายยุทธชัย สีน้อย อายุ 23 ปี, นางเจียม ทองมาก อายุ 45 ปี และ เยาวชนอีก 2 คน

จากนั้นโอนมาเป็นคดีพิเศษให้กับดีเอสไอ สรุปความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ส่งพนักงานอัยการแล้ว ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ในสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย และฝ่าฝืนพ.ร.ก. ฉุกเฉิน 

โดยศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 7 คน ในความผิดฐานฝ่าฝืนพ.ร.ก.คนละ 6 เดือน และลงโทษ นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม ความผิดฐานลักทรัพย์ 3 ปี ซึ่งพนักงานอัยการไม่อุทธรณ์และคดีถึงที่สุดแล้ว 

สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน 2 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลเยาวชนฯ

ส่วนคดีวางเพลิงเซ็นทรัลเวิลด์ เหตุเกิดเมื่อ 19 พ.ค.2553 สน.ปทุมวันสืบสวนสอบสวนและออกหมายจับผู้ต้องหา 9 คน ประกอบด้วย 

ชายไทยไม่ทราบชื่อ 5 คน, นายสายชล แพบัว อายุ 28 ปี, นายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 26 ปี, นายอัตพล วรรณโต อายุ 17 ปี, และ นายภาสกร ไชยสีเทา อายุ 17 ปี 

โดยมีรปภ.ของห้างชี้ตัวยืนยันว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดลงมือวางเพลิง และได้โอนคดีมาเป็นคดีพิเศษให้กับ ดีเอสไอสอบสวน และสรุปความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปแล้ว 

มีมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินของห้างฯ และผู้เสียหายรายย่อย 8,890 ล้านบาท และมีคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุคือ นายกิตติพงษ์ สมสุข อายุ 19 ปี ซึ่งแพทย์ชันสูตรลงความเห็นว่า สาเหตุการตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ 

คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ นัดสืบพยานในเดือนส.ค.2555

ที่ผ่านมาหลายฝ่ายพยายามทำความจริงให้ปรากฏ โดยเฉพาะประเด็น ′ชายชุดดำ′ ที่บางพรรคพยายามตอกย้ำและนำไปขยายผลให้เป็นประเด็นการเมือง

กรณีดังกล่าวได้รับการตรวจสอบจาก กมธ.ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ที่เคยเรียกผู้บริหารเซ็นทรัลเวิลด์มาชี้แจง 

ได้รับข้อมูลว่า การพยายามลอบวางเพลิงไม่ได้เกิดขึ้นขณะกลุ่มเสื้อแดงชุมนุม แต่เกิดขึ้นหลังจากแกนนำเข้ามอบตัวแล้ว 

และตลอดเวลาการชุมนุมบริเวณดังกล่าว ผู้ชุมนุมก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางห้าง โดยทางห้างอำนวยความสะดวก ให้ผู้ชุมนุมใช้ห้องน้ำด้วย 

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ แกนนำเสื้อแดง ย้อนหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค.2553 ว่า ช่วงบ่ายโมงแกนนำประกาศยุติการชุมนุม และเดินไปมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ตนยืนอยู่บนเวทีและประกาศเป็นคนสุดท้ายเพื่อบอกให้พี่น้องทุกคนไปรวมตัวที่สนามกีฬาปทุมวัน ซึ่งจะมีรถมารับกลับภูมิลำเนา จากนั้นลงจากเวทีทันที 

หลังประกาศไม่มีใครชุมนุมอยู่อีก ผู้ชุมนุมบางส่วนเคลื่อนตัวไปที่วัดปทุมวนาราม กำลังทหารก็รุกคืบเข้ามายึดครองพื้นที่เวทีปราศรัยทั้งหมด ใช้กำลังทั้งภาคพื้นดินและบนรางรถไฟฟ้า

สถานการณ์ขณะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้าไปเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะต้องผ่านแนวล้อมทหารและต้องเจอหน่วยป้องกันอัคคีภัยของห้างที่มีกำลัง 400 กว่าคน 

การผ่าน 2 ด่านเข้าไปก่อเหตุเผาห้างขนาดนั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่เดินไปใช้ไม้ขีดจุดไหม้เลย มันต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ทำให้เกิดเพลิงไหม้ เป็นไปไม่ได้ที่ชายชุดดำหรือใครจะเข้าไปจุดไฟเผา 

ยกเว้นทหารที่ล้อมอยู่และหน่วยป้องกันของห้างทั้ง 400 กว่าคนยินยอม 

ทราบภายหลังว่า หน่วยป้องกันอัคคีภัยของห้างทั้งหมดถูกบังคับให้ออกจากห้างก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ ต่อมามีการจับกุมชายคนหนึ่งและตกเป็นจำเลยคดีเผา โดยถูกจับช่วงบ่าย 3 โมง แต่ไฟไหม้ตอน 6 โมงเย็น 

และจำเลยอีกรายถูกจับที่สนามหลวง จะเห็นว่าการบันทึกการจับกุมเป็นไปไม่ได้เลยที่คนพวกนี้จะเข้าไปจุดไฟเผา 

เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล 

ไม่มีความคิดเห็น: