วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

The most powerful images from the protests against President Hosni Mubarak in Egypt on Feb 4, 2011


The most powerful images from the protests against President Hosni Mubarak in Egypt on Feb 4, 2011.

ประชาชนชาวอียิปต์ที่ต่อต้านประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ยังคงออกมารวมตัวเคลื่อนไหวกันอย่างเหนียวแน่นเพื่อขับไล่ผู้นำรายนี้ออกจากตำแหน่ง เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


ขณะเดียวกัน กองทัพก็ได้เพิ่มกำลังทหารเข้าไปดูแลจัตุรัสตาห์รีร์ในกรุงไคโร หลังเกิดเหตุความไม่สงบจากการปะทะกันระหว่างกลุ่มสนับสนุนและต่อต้านนายมูบารัค ซึ่งผลให้ให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 800 ราย


อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีสัญญาณว่ากลุ่มผู้สนับสนุนนายมูบารัคจะออกมาก่อกวนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านเช่นดังเหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมา


ก่อนหน้านี้ นายมูบารัคเพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้สึก "หมดเรี่ยวแรง" ที่จะอยู่ในตำแหน่งประาธานาธิบดีอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องต่อต้านแรงกดดันที่บีบคั้นให้ตนเองลาออกจากตำแหน่ง เพราะวิตกว่าหากเขาลาออกแล้ว ประเทศอียิปต์ก็จะต้องตกอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวายไร้ระเบียบ


ขณะเดียวกัน อยาโตลลาห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้ออกมาระบุว่าการลุกฮือของประชาชนในอียิปต์และตูนิเซียถือเป็น "ขบวนการปลดปล่อยอิสลาม"


โดยคาเมนีกล่าวระหว่างเข้าร่วมพิธีละหมาดในมหาวิทยาลัยเตหะรานว่า ประชาชนกำลังได้เห็นถึงการสะท้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่งของเหตุการณ์ปฏิวัติอิสลามในประเทศอิหร่าน เมื่อปี พ.ศ.2522


"การตื่นตัวของชาวมุสลิมในอียิปต์ คือ ขบวนการปลดปล่อยอิสลาม และข้าพเจ้า ในนามของรัฐบาลอิหร่าน ขอแสดงความเคารพต่อประชาชนชาวอียิปต์และตูนิเซีย" ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวและกระตุ้นให้ กลุ่มผู้ประท้วงชาวอียิปต์เดินตามรอยการปฏิวัติอิหร่าน ซึ่งทำการโค่นล้มผู้นำที่เอียงข้างสหรัฐอเมริกา และสถานปนาสาธารณรัฐอิสลามขึ้นมาแทนที่


คาเมนีระบุอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตูนิเซียและอียิปต์ถือเป็นสัญญาณแห่ง "การตระหนักรู้ของอิสลามิกชน" ในภูมิภาคอาหรับ นอกจากนี้ ขบวนการเคลื่อนไหวเหล่านั้นยังแสดงให้เห็นถึง "ความพ่ายแพ้ที่หมดทางเยียวยา" ของสหรัฐฯ

ไม่มีความคิดเห็น: