วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คาร์บอมมัดถังน้ำมัน ถล่มตึกกลางเมืองยะลา เจ็บ18

22282546.jpg
kesto.jpg
42rxo.jpg

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณถนน ณ นคร เยื้องธนาคารนครหลวง เขตเทศบาลนครยะลา มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานให้ พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี ผกก.สภ.เมืองยะลา รับทราบ จากนั้นจึงนำกำลังตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บที่เป็นทหาร และประชาชนจำนวน 18 คน ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อคือ ส.อ.ชานนท์ สองแก้ว พลทหารวรินรันต์ จันทร์ดี ส.ต.ชาติชาย ประไมยะ ทหารสังกัด

ฉก.ยะลา 14 นายเดชณรงค์ พันโท น.ส.อังคณาค์ ภัทรพงศ์ น.ส.ชลัยพร เรือนธรรม นายสมศักดิ์ รักพงษ์ นางศิริพร เรือนธรรม นางทักษิณา วงศ์จุมปู ด.ช.นิลพัทธ แก้วเกาะสะบ้า นายหมู แซ่เสี้ยว นายสุวัฒน์ ไตยรงค์เจริญสุข นายสมมาตร บุญรุ่ง นางปภาดา ผิวเกลี้ยง นายธนันต์ ฉั่วพานิชย์ นางเตือนใจ กลัดทอง และยังไม่ทราบชื่ออีก 1 คน

จากนั้นจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า แรงระเบิดทำให้ไฟลุกไหม้อาคารร้านค้าบริเวณจุดเกิดเหตุเสียหายจำนวน 12 หลัง เจ้าหน้าที่จึงวิทยุระดมขอรถดับเพลิงจากเทศบาลนครยะลา เทศบาลตำบลลำใหม่ และเทศบาลตำบลโกตาบารูเข้ามาดับไฟที่กำลังโหมไหม้อย่างหนัก เนื่องจากในละแวกดังกล่าวเป็นบ้านไม้ค่อนข้างเก่า จึงไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้

นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณดังกล่าวเสียหาย 10 คัน รถกระบะเสียหาย 2 คัน ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังพบรถยนต์น 1 คัน สภาพไฟลุกท่วมทั้งคันที่บริเวณกลางถนน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้คาร์บอมบ์เพื่อก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุ จึงระดมกำลังฉีดน้ำ เพื่อดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้อาคารบ้านเรือน โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนระบุว่า การก่อเหตุของคนร้ายครั้งนี้ กล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุสามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุไว้ได้ทั้งหมด โดยเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. คนร้ายขับรถกระบะดีแมคซ์มาจอดตรงจุดเกิดเหตุ จากนั้นลงจากรถเดินข้ามฝั่งไปยังด้านหน้าธนาคารนครหลวงไทย สาขายะลา กระทั่งเวลาประมาณ 09.50 น. ขณะที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 14 ขับรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน บต 6817 ปัตตานี ผ่านมา คนร้ายจึงกดระเบิด ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้านบาดเจ็บดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเทียบกับกลุ่มคนร้ายเป้าหมายแล้ว

“ส่วนระเบิดที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนอยู่ในรถคันดังกล่าว เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิคนิค 3 ลูก น้ำหนักรวมไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม เนื่องจากยังมีถังแก๊สปิคนิคบรรจุระเบิดกระเด็นออกจากตัวรถอีก 1 ถัง และไม่เกิดระเบิดขึ้น ส่วนการจุดชนวนเชื่อว่าเป็นระบบรีโมทคอนโทรล หรือระบบมือถือ” แหล่งข่าวคนเดิม กล่าว

พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า การตอบโต้ของคนร้ายต่อเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น ก่อนหน้านี้มีข่าวแจ้งเตือนมาตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามติดตามเรื่องดังกล่าว แต่อาจจะมีจุดอ่อนที่ผิดพลาดจนได้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ปรับแผนการรักษาความปลอดภัย และการเผชิญเหตุใหม่ทั้งหมด เพื่อให้คนที่หลงผิดออกมาทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่รัฐ

ด้านนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 12 คูหา โดยทางจังหวัดยะลาพร้อมให้การเยียวยาผู้เสียในทุกๆ ด้าน ส่วนการเกิดเหตุในครั้งนี้ พบว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวแจ้งเตือนมาโดยตลอด ตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลตรุษจีน ซึ่งทางจังหวัดได้ดูแลระมัดระวังมาโดยตลอด กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว

“วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีข่าวแจ้งเตือนจากหน่วยงานความมั่นคงว่า จะมีการก่อนเหตุ โดยวันนี้คนร้ายใช้วิธีการหาเหยื่อเอารถมาจอดไว้ เมื่อมีรถเจ้าหน้าที่ขับผ่านจึงกดระเบิดขึ้น แต่บังเอิญว่ามีเศษไฟจากวัตถุระเบิดปลิวเข้าไปในบ้านเรือนราษฎร จึงทำให้เกิดเพลิงไหม้ ผมขอแสดงความเสียใจ และขอโทษประชาชนชาวยะลาด้วยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้" นายกฤษฎา กล่าว

ส่วนเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลากล่าวว่า ได้กำชัยได้เจ้าหน้าที่ตั้งด่านจุดตรวจ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ซึ่งทางจังหวัดได้กำหนดพื้นที่ในย่านชุมชน ย่านการค้า ย่านธุรกิจของชาวจีนกับชาวไทยพุทธเป็นกรณีพิเศษ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายมุ่งให้เกิดความแตกแยก โดยมุ่งมาทำร้ายชุมชนชาวไทยพุทธกับชุมชนคนจีน เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องดูแลคนไทยพุทธ และคนจีนเป็นกรณีพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก

ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยว่า ได้ระดมรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ร้านค้าใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เบื้องต้นพบว่า บ้านเรือนของชาวบ้านถูกเพลิงไหม้จำนวน 12 หลัง ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงได้ประสานขอความร่วมมือตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคานครหลวงไทย สาขายะลา ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพของผู้ต้องสงสัยและรถยนต์ต้องสงสัยไว้ได้ระดับหนึ่ง ขณะได้นำรถที่ซุกซ่อนวัตถุระเบิดคันดังกล่าวมาจอดไว้เวลาประมาณ 07.30 น. ก่อนที่จะเดินออกจากจุดเกิดเหตุ
"เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ไปขยายผลหากลุ่มคนร้ายแล้ว พร้อมกันนี้ได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ต่างๆ เพื่อแกะรอยหาเส้นทางที่มาที่ไปของรถที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนวัตถุระเบิดว่ามาจากเส้นทางใด อีกทั้งหลังจากคนร้ายนำรถมาจอดทิ้งไว้แล้วใช้พาหนะใดในการหลบหนีเพื่อติดตามไปยังแหล่งนัดหมายหรือแหล่งกบดาน เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายพุ่งเป้าทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยตรง" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว


ไม่มีความคิดเห็น: