30 เมษายน 2557 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00น. ที่ผ่านมา นายเสรี วงษ์มณฑา หรือ "เจ๊อี๊ด" แม่ยกประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัว โจมตีพรรคประชาธิปัตย์อย่างเผ็ดร้อน ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจำนวนมากเชื่อว่าพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ "เจ๊อี๊ด" โพสต์ข้อความแฉเป็นเรื่องจริง แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ "เจ๊อี๊ด" ว่าจะตัดขาดจากพรรคประชาธิปัตย์ได้
ทั้งนี้ ข้อความของนายเสรี วงษ์มณฑา หรือ เจ๊อี๊ด มีเนื้อหาดังนี้
"แต่ทุกครั้งที่ออกมาวิพากษ์พรรคประชาธิปัตย์และอภิสิทธ์ด้วยความสุจริตและปรารถนาดี ก็จะต้องเจอกับคนของประชาธิปัตย์บางคนที่จุดยืนเลยสถานะของการเป็นสมาชิกพรรคแต่ทำตัวเป็นสาวกผู้พิทักษ์(curators) ในลักษณะที่ว่าพรรคของข้า หัวหน้าข้าใครอย่าแตะ แทนที่จะพินิจพิจาณาก่อนว่าคนที่เขาวิพากษ์วิจารณ์นั้นเขาทำในนามของกัลยาณมิตรหรือศัตรู ถ้าหากมีคนอย่างนี้ในพรรคประชาธิปัตย์มากๆ อีกหน่อยประชาธิปัตย์จะถูกโดดเดี่ยว ปล่อยให้สู้กับพรรคเพื่อไทยตามลำพัง ไม่มีใครช่วย ไม่มีใครเตือน เพราะคงไม่มีใครอยากจะอยู่ในสภาพ "เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ต้องเอากระดูกมาแขวนคอ" ไปเรื่อยๆ
คนท่ีจะเตือนคนพวกนี้ได้ก็เห็นจะมีอภิสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว บอกให้คนพวกนี้หัดใจกว้างรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากกัลยาณมิตรผู้หวังดีกันบ้าง ประชาธิปัตย์หรือตัวอภิสิทธิ์เองไม่ใช่ว่าจะเป็นคนที่ทำถูกทุกเรื่อง ดังนั้นเวลามีคนที่คนท้วงติงด้วยความปรารถนาดีเยี่ยงกัลยาณมิตรก็ต้องฟังเขาบ้าง อย่าออกมาเป็นสาวกผู้พิทักษ์ด่าทุกคนที่ออกมาวิพากษ์โดยไม่แยกว่าใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู ขืนเป็นอย่างนี้ระวังนะ เมื่อแนวร่วมหายไปจะกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านตลอดกาล เพราะเลือกตั้งไม่มีวันจะชนะ เหมือนอย่างที่แกนนำ นปช. ปรามาสเอาไว้
มีทฤษฎการสื่อสารทฤษฎีหนึ่งชื่อทฤษฎี Social Judgment and Individual Involvement กล่าวว่าถ้าคนเรารู้สึกว่าเรื่องใดเกี่ยวข้องกับตนเอง (Individual Involvement) มากเท่าใด ก็จะกลายเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบในการฟังข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเรื่องนั้น ทำให้เปลี่ยนความคิดเห็น (Social Judgment) ไม่ค่อยได้ มิหนำซำซ้ำยังจะมองคำพูดของคนที่คิดต่างจากตนที่แตกต่างไม่มากนักกลายเป็นความแตกต่างที่มากมายจนไม่อาจจะยอมรับได้ ถ้าหากคนพวกนี้รักษาระยะของความรักความชอบประชาธิปัตย์ให้ห่างออกมาสักนิดก็จะดี จะทำให้เป็นคนที่ใจกว้างขึ้น รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าประชาธิปัตย์ได้มากขึ้น เปิดโอกาสให้มีการนำคำวิพากษ์เหล่านั้นมาวิเคราะห์และได้ปรับปรุงการทำงานของพรรค
ณ บัดนี้จะขอเรียนรู้บทเรียนจากประสบการณ์ที่ออกมาวิพากษ์การทำงานของอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์เยี่ยงกัลยาณมิตรผู้หวังดีว่า ต่อไปนี้จะไม่ขอข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆทั้งสิ้น ถูกก็จะไม่ชม ผิดก็จะไม่วิจารณ์ ขออวยพรให้ประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านอย่างมีความสุขกับสาวกผู้พิทักษ์ที่ได้ช่วยกันผลักมิตรให้เป็นศัตรูต่อไปเรื่อยๆจนกว่าฟ้าดินสลายก็แล้วกัน น่าเสียดายพรรคที่เราคิดว่าพอจะเป็นบัวโผล่พ้นน้ำได้บ้าง กลับมีผู้พิทักษ์ที่รักมากขนาดไม่รับฟังคำวิพากษ์จากมิตร ยอมที่เป็นบัวใต้น้ำต่อไป"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น