จากลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สู่ท้องสนามหลวง
เคลื่อนไปยังถนนราชดำเนิน
และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ไปถึงทำเนียบรัฐบาล และหน้ารัฐสภา
ข้ามไปสู่โซนเศรษฐกิจสำคัญ
อย่างแยกราชประสงค์-ปทุมวัน และสวนลุมพินี
รวมทั้งโยกไปยังศูนย์ราชการแห่งใหม่ที่แจ้งวัฒนะ
เหล่านี้คือ "พื้นที่"
ในการชุมนุมทางการเมืองครั้งสำคัญๆ ของประเทศไทย หรือจริงๆ แล้ว คือ กรุงเทพฯ
ซึ่งไหลเลื่อนเคลื่อนไหวมีพลวัตเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอดเวลา
และพื้นที่ล่าสุด
ที่จะถูกนำมาใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยกลุ่มนปช. ในวันที่ 5 เมษายน ก็คือ
ถนนอุทยาน หรือ ถนนอักษะ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ให้เหตุผลที่เลือกถนนอักษะว่า
เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด และมีความสวยงาม
ขอให้นึกถึงภาพคนเสื้อแดงมารวมตัวกันเป็นสีแดงเต็มทั้งถนน
ขณะที่นางธิดาโตจิราการ ประธานที่ปรึกษานปช.
ให้เหตุผลว่า การนัดชุมนุมที่ถนนอักษะ เป็นสถานที่ที่บ่งบอกถึงความสงบ สันติ
เป็นสถานที่กว้างขวาง ไม่ใช่สถานที่ราชการ เป็นพื้นที่มีประโยชน์
ประชาชนทั้งประเทศจะได้เห็นภาพคลื่นมวลชนหลายแสนคนอย่างแน่นอน
ถนนอักษะเป็นถนนเชื่อมระหว่างถนนพุทธมณฑลสาย3
ในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร กับถนนพุทธมณฑลสาย 4 ในอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
มีระยะทาง 3.98 กิโลเมตร พร้อมด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ
เสาโคมไฟรูปหงส์ 979 ต้น ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง
จนบางคนขนานนามให้เป็นถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทย
ถนนอักษะมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัยอยู่ไม่น้อย
ถนนสายดังกล่าวเป็นหนทางที่สร้างมุ่งไปสู่ "พุทธมณฑล"
ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างใน พ.ศ. 2498 เพื่อเฉลิมฉลองวาระกึ่งพุทธกาล หรือ 25
พุทธศตวรรษ ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยเริ่มดำเนินการเวนคืนที่ดินของราษฎรเพื่อสร้างถนนตั้งแต่ พ.ศ. 2494
แต่การก่อสร้างพุทธมณฑลและถนนอักษะได้หยุดชะงักลง เมื่อจอมพล ป.พิบูลสงคราม
ถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารยึดอำนาจใน พ.ศ. 2500
ต่อมาในสมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เริ่มรื้อฟื้นโครงการพุทธมณฑลขึ้น
เนื่องจากใกล้การเฉลิมฉลองวาระสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี ใน พ.ศ.2525
ก่อนที่พุทธมณฑลจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ส่วนถนนอักษะนั้นได้รับอนุมัติให้ลงมือก่อสร้างในสมัยที่นายบรรหาร
ศิลปอาชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โครงการก่อสร้างถนนอักษะเป็นโครงการหนึ่งที่กรุงเทพมหานครดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระฉลองสิริราชสมบัติครบ
50 ปี ใน พ.ศ.2539 เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสง่างามแก่พุทธมณฑล
ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์และอำนวยความสะดวกในพระราชพิธีที่พุทธมณฑล
ใช้งบประมาณการก่อสร้าง 1,068,987,571 บาท
และเสร็จสมบูรณ์เปิดให้ประชาชนใช้ได้ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542
สำหรับชื่อถนนอักษะซึ่งมาจากภาษาอังกฤษว่า "Axis"
แปลว่า "แกนกลาง" นั้น
หมายถึงประเทศฝ่ายอักษะ คือ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น
ซึ่งทำสงครามกับฝ่ายพันธมิตร คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และรัฐบาลในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ได้ประกาศเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายอักษะ
เมื่อสร้างถนนเสร็จแล้ว
กรุงเทพมหานครได้ประสานงานกับกรมศิลปากรในเรื่องชื่อถนนอักษะ
ซึ่งกรมศิลปากรได้แนะนำให้ใช้ชื่อว่า ถนนอักษะ ซึ่งแปลว่าแกนกลาง
เนื่องจากเป็นถนนเชื่อมระหว่างถนนพุทธมณฑลสาย 3 กับถนนพุทธมณฑลสาย 4
ต่อมากรุงเทพมหานครได้ประสานงานกับกรมศิลปากรเพื่อขอพระราชทานชื่อถนนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อถนนว่า "ถนนอุทยาน"
อันเป็นชื่อที่สัมพันธ์กับพุทธมณฑล
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน
ถนนอักษะยังตั้งอยู่ใกล้กับเขตพระราชฐานอีกด้วย
ขอขอบคุณมติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น