วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"ทักษิณ" ประกาศชัด "หากยังแกล้งผม ผมจะสู้จนตาย"

วันที่ 23 ตุลาคม 2556 (go6TV) พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ รายการประชาชน 3.0 : กาแฟปฏิรูป ดำเนินรายการโดย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ โดยมีใจความสรุปดังนี้

- มองข้อเสนอการปฏิรูปของคุณอลงกรณ์ พลบุตรอย่างไร?

"การปฏิรูป เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและประชาธิปไตยตลอดเวลา หากการปฏิรูปโดยยึดแนวทางที่ขาดความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อพรรคและต่อประชาชน เช่น พรรคฝ่ายค้าน ก็ไม่ใช่ต้องไปค้านทุกเรื่อง รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องถูกทุกเรื่อง การเมืองไม่ใช่ Winner Take All  หากผู้ชนะเอาทุกเรื่องไม่ใช่ ขณะเดียวกันเสียงข้างน้อยก็ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเองเถียงทุกเรื่องค้านทุกเรื่องเอาทุกเรื่อง   การปฏิรูปจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ในพรรคการเมืองจนถึงประชาธิปไตยระดับประเทศ"

- เขามองว่า การปฏิรูปพรรคจะนำไปสู่การชนะการเลือกตั้ง?

"อยู่ที่ว่า เขาจะปฏิรูปอย่างไร ปฏิรูปความคิด เสนอแนวคำตอบให้ประชาชนว่านี่คือแนวทางที่ประเทศจะเดินหน้าอย่างไร  แต่หากบอกว่าไม่เอาแนวคิด โจมตีอย่างเดียว เปิดแผลอย่างเดียว มันคงไม่ใช่ มันต้องพอดี  เป็นพรรคต้องนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน  พรรคประชาธิปัตย์มองตลอดว่าพรรคเพื่อไทยชนะด้วยเงิน แต่พรรคประชาชนไม่เคยคิดว่าพรรคเพื่อไทยทำงานโดยตอบโจทย์ของประชาชน ใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาจับว่าประชาชนคิดอะไร ต้องการอะไร และทำอะไรที่ประชาชนต้องการ  การปฏิรูปจึงไม่ใช่การเปลียนหัวหน้าพรรค"

- ท่านคิดว่า พรรคประชาธิปัตย์จะปฏิรูปสำเร็จ?

"คงยาก ไม่ใช่ดูถูก แต่เป็นหลักวัฒนธรรมองค์กร หากองค์กรไหนอยู่นานแข็งแรงมาก หากจะปฏิรูปคนข้างในจะทำไม่ได้ คือคนในเลื่อนขึ้นมา จะโดนวัฒนธรรมกลืนกินเข้าไปหมด เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย การปฏิรูป ต้องใช้ผู้นำจากข้างนอก มีความเป็นผู้นำสูง และเข้ามาจัดการปฏิรูปอย่างเด็ดขาดจึงจะทำได้"

- วันนี้ คุณภาพพรรคเพื่อไทยไม่เหมือนพรรคไทยรักไทย?

"ต้องยอมรับครับว่า มันยุบพรรคบ่อย คนในพรรค(ยกตัวอย่างนะ) ผมนำเสนอคนระดับมหาวิทยาลัย แต่โดนยุบ ก็เหลือระดับมัธยม โดนยุบซ้ำอีก ก็เหลือแต่ระดับประถม อันนี้ต้องยอมรับ แต่ต้องเทรนคนขึ้นไปทำงาน ฝึกกันได้ เพราะเรามีกรอบการทำงานไว้แล้ว ว่าเราจะมีอะไรทำอะไร ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาแต่เราเทรนคนค่อยๆทำขึ้นไปได้"

- ประเทศไทยวันนี้ จะต้องกลับไปยังจุดที่ "ไทยรักไทย" เคยทำได้ หรือจะต้อง มากกว่าจุดที่ไทยรักไทยเคยทำ?

"ไทยรักไทยทำได้ มี 2 มิติ มิติหนึ่ง เป็นพรรคใหม่ มีคนใหม่ๆ มีคุณภาพเข้ามาทำงาน  แต่พอโดนยุบวันนี้การเมืองรุนแรง จึงทำให้คนมีคุณภาพหนีการเมืองกลัวการเมือง ไม่กล้าเข้ามาช่วยการเมือง  อีกมิติหนึ่งคือรัฐธรรมนูญ รธน.ปี 40 เป็น รธน.ที่ให้อำนาจการตัดสินใจ และให้อำนาจประชาชนสูงกว่า แต่วันนี้ ประชาชนอยู่ไหนไม่รู้ ถูกบังคับได้รับ รธน. 50 แบบแค่นๆ  จึงต้องแก้ไขให้ รธน.กลับมาดีขึ้นเหมือนเก่า

ดังนั้น ไทยรักไทยเข้มแข็งเพราะสองมิติ  คุณภาพคนที่ดีไม่อยากเข้ามาในการเมือง และสอง รธน. ระบบตรวจสอบแบบ พวกคุณตรวจหมด พวกเรายกเว้น  จึงทำให้คนมีคุณภาพไม่สามารถกลับเข้ามาการเมือง

หากจะให้พรรคเพื่อไทยกลับไปอยู่จุดเดิมต้อง ให้บรรยากาศการเมืองต้องให้ รธน.ต้องเคารพอำนาจประชาชน และรธน. ต้องมีระบบถ่วงดุล ตรวจสอบได้ ไม่ใช่ให้ใช้อำนาจกันอย่างเกินอำนาจจนคนไม่กล้ายุ่งแล้ว  ดังนั้น หากจะมองต้องมองทั้งระบบ มองการแทรกแซงระบบ อย่าลืมว่าเมืองไทยมีระบบ "บารมี" เมื่อแทรกแซงโดยไม่มีเหตุมีผล ไม่คำนึงถึงความผาสุขของประชาชน เมื่อไหร่ที่เป็นแบบนั้น มันจะทำให้ทำงานลำบาก"

- หลายปีนี้คนกรุงเทพยังไม่เลิกพูด "ระบบทักษิณ" เขามองว่าเพราะคุณทักษิณคือปัญหา?

"ใช่ เพราะผมไงเขาถึงแพ้ตลอด เพราะผมคิด ผมนำ และประชาชนเชื่อ จึงต้องโค่นระบอบผม ระบอบผมคืออะไร ระบอบผมคือมีวิธีคิดให้ประชาชน มีแนวคำตอบให้กับประชาชนในทุกข์ยากเขา และเข้ามาซุกตัวเองในประชาธิปไตย ไม่ต้องตั้งในค่ายทหาร แต่ให้ประชาชนเลือกผมขึ้นมา  ต่อให้คุณเขียนกติกาใหม่ขึ้นมาอีกกี่รอบคุณเขียนกติกา ผมไม่ได้เขียนกติกา แต่ทำตามกติกา ผมก็จะชนะด้วยกติกา รธน.ปี 40 ผมก็กลับมา รธน.ปี50 ผมก็กลับมาอีก  ดังนั้นต้องถามว่าประชาชนคิดอะไรกับพวกคุณ แล้วคุณจะทำอะไรกับคุณ ไม่ใช่ขว้างเก้าอี้ ปิดถนน เผารถตำรวจ แล้วให้ประชาชนคิดดีกับคุณ ต่อให้เปลี่ยนหัวหน้าพรรคกี่รอบก็ไม่มีความหมาย คนก็ไม่สามารถคิดดีกับคุณได้"

- หากคุณทักษิณ จะปฏิรูปตนเอง จะปฏิรูปตรงไหน?

"จะปฏิรูปอะไรก็ตามต้องเอาความผาสุก เอาความรุ่งเรืองของประชาชนเป็นศูนย์กลาง นั้นง่ายสุด  ปฏิรูปของผมคือ ความคิดผมทำให้เค้าแพ้เลือกตั้ง ทำให้เขาไม่มีที่ยืน แต่เขาควรกลับไปคิดปฏิรูปตัวเองต่างหากว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนศรัทธา   แต่กลับมาบอกว่าไม่ให้ผมเล่นการเมือง  ผมเองนะเลิกอยู่แล้ว ให้ผมถอยไปซะ   ผมตั้งใจอยู่แล้วว่า 2 เทอมผมเลิก แต่ปรากฏว่าปฏิวัติผมซะก่อน ผมโทรหาสุรยุทธิ์ โทรหาสนธิ พูดแบบลูกผู้ชายว่า จบเป็นจบ แล้วอย่าแกล้งผมทางการเมืองนะ ผมนะพูดรู้เรื่อง แต่หากแข่งกัน แพ้ไม่เป็น ไม่ตายไม่แพ้ ต้องรู้จักนิสัยผม แต่รบกันอยู่เนี้ยอยากหยุดเมื่อไหร่ ผมสะกดคำว่า "แพ้ไม่เป็น" แต่หากอยากจะหยุดอยากให้เลิก มากคุยกัน  หากบ้านเมืองดีขึ้น ประชาชนดีขึ้น ผมเลิกได้เสมอ คำตอบอยู่ที่ประชาชนผมรักบ้านเมืองรักประชาชน หากบ้านเมืองดี ประชาชนดี ผมอยู่ตรงไหนก็ได้"

ไม่มีความคิดเห็น: