นายวิโรจน์ มุทิตานนท์ อดีตหัวหน้าฝ่ายภาพของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารสารคดี เมื่อเดือนตุลาคม 2539 นายวิโรจน์ได้เล่าย้อน รำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา เมื่อตอนเขามีอายุเพียง 20 ปี เป็นช่างภาพหนังสือพิมพ์ยัก ษ์ใหญ่ฉบับนี้
และอยู่ร่วมในเหตุการณ์ที่บ ริเวณวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดย ตลอด ครั้งนั้นเขาบันทึกภาพเหตุก ารณ์ทุกระยะไว้ถึง 300 ม้วน สำหรับเขา
มันเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือน ใจและลืมไม่ลงจนชั่วชีวิต
“ช่วงเย็นของวันที่ 5 ตุลา หนังสือพิมพ์ดาวสยามลงรูปที่นักศึกษาเล่นล ะครโดยกล่าวหาว่านักศึกษาหม ิ่นพระบรมเดชานุภาพ
มีพาดหัวที่รุนแรงพอสมควร ในขณะเดียวกัน นอกจากหนังสือพิมพ์ฉบับนี้แ ล้ว
ยังมีวิทยุของทหารออกมาโจมต ีนักศึกษาในเรื่องนี้ด้วย
มีการแจกรูปโรเนียวที่หน้าธ รรมศาสตร์ ผมก็ยังได้รับ
คิดว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่แล ้ว ผมดูแล้วเขาไม่ได้จงใจ แต่ความละม้ายก็พอมี
ส่วนจะว่าเป็นการแต่งฟิล์มค งไม่ใช่ มีการแต่งหน้า แต่ไม่ได้ต้องการแต่งให้เหม ือนองค์รัชทายาท
ต้องการแต่งให้เหมือนคนถูกซ ้อมมากกว่า ฟิล์มมันกระดำกระด่าง
แต่ดูแล้วไม่ใช่ความจงใจของ นักศึกษาที่จะมาทำแบบนี้
ผมเชื่อว่ามีการเตรียมการโด ยใครบางคน ช่วงนั้นถึงไม่มีการกระตุ้น เรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุ ภาพ
ก็ต้องมีเหตุอะไรสักอย่างเก ิดขึ้นจนได้
“พอละครแสดงเสร็จปั๊บ รายการวิทยุก็เปิดเพลงหนักแ ผ่นดิน มีการปล่อยข่าว แต่ช่วงที่ผมเห็นสภาพจริง ๆ
แล้ว มันเริ่มตั้งแต่ตอนเย็นวันท ี่ 5 เริ่มมีลูกเสือชาวบ้าน
กระทิงแดง ตำรวจ มาอยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัยธ รรมศาสตร์ด้านท่าพระจันทร์
ยิ่งดึกคนก็เริ่มมากขึ้น เพราะวิทยุถ่ายก็ทอดตลอดเวล า
ตอนนั้นผมอยู่หน้าธรรมศาสตร ์ ด้านสนามหลวง มีวิทยุทรานซิสเตอร์ฟัง
คลื่นคนก็เริ่มมาเรื่อย ๆ และแบ่งเป็นสองฝ่าย เท่าที่ผมสังเกตเห็น
ก่อนห้าทุ่มจะมีตำรวจชุดหนึ ่งมาจากค่ายนเรศวร หัวหิน แล้วมีตำรวจใส่ชุดสีกากีอยู ่ด้านหน้า
ส่วนชุดหัวหินเข้าทางพิพิธภ ัณฑ์ซึ่งอยู่ด้านข้าง ชุดนี้หนักมาก
เป็นตัวยิงเข้าไป ตอนนั้นกระทิงแดงก็มีการโห่ ฮา ร้องด่า บรรยากาศเริ่มรุนแรง
ตอนแรก ๆ ก็ใช้ระเบิดขวด รู้สึกว่าข้างในเริ่มเคลื่อ นไหวแล้ว
ตอนนั้นผมออกมาอยู่ข้างนอก เพราะเริ่มดูแล้วว่าคนที่จะ ก่อเหตุจริง ๆ
และมีระเบิด ไม่ใช่นักศึกษาที่อยู่ภายใน แต่เป็นพวกกลุ่มรักชาติด้าน นอก”
วิโรจน์ได้เห็นเหตุการณ์ที่ หน้าธรรมศาสตร์โดยตลอด
และยืนยันได้ว่ามันไม่ใช่สง คราม แต่คือการเข่นฆ่าคนที่ไร้ทา งต่อสู้
“ผมยืนยันได้ว่านักศึกษาภาย ในไม่มีอาวุธ
เพราะผมไม่เห็น ไม่มีการยิงขึ้นมาแม้แต่นัด เดียว ที่ผมยืนยันได้เพราะว่าคนที ่อยู่ด้านนอกเริ่มก่อกวน
มีการขว้างระเบิดบ้าง ในขณะที่นิสิตนักศึกษาไม่ได ้ทำอะไรเลย
สถานการณ์เริ่มดุเดือดขึ้นต ั้งแต่ตี 1 ตอนนั้นผมก็ยังมองเหตุการณ์ อะไรไม่ออก
ประมาณตีสี่เริ่มมีเสียงปืน เป็นชุด ๆ มาจากข้างในธรรมศาสตร์ด้านพ ิพิธภัณฑ์
พอเสียงปืนดังปั๊บ พวกที่อยู่ทางประตูหน้าด้าน สนามหลวงก็ยิงบ้าง ก่อนฟ้าสาง
มีระเบิดลูกหนึ่งยิงไปทางสน ามฟุตบอล ตอนนั้นผมอยู่ข้างนอก
พอระเบิดลงเสียงร้องเพลงก็เ งียบ ระเบิดยิงมาจากด้านไหนไม่รู ้
ตอนนั้นก็เริ่มมีการยิงตลอด พอด้านข้าง (บริเวณพิพิธภัณฑ์) ยิงออกมา
ข้างนอกก็นึกว่าข้างในยิงสว นออกมา คนที่ล้มก่อนคือหน่วยรักษาค วามปลอดภัยของนักศึกษา
มีทั้งหญิงและชาย ล้มทีละคนสองคน ด้านหน้าก็เริ่มฮือแล้ว
ตอนแรกเหมือนกับจะเข้าไปช่ว ย แต่เท่าที่ผมเห็นมันไม่ใช่ บางคนยังไม่ตาย ก็มีคนไปลากออกมาตีคนละตุ้บ สองตุ้บ
เริ่มยิงกันไปพักหนึ่ง พอเสียงเงียบที หน่วยรักชาติก็วิ่งไปเอาตัว มา
ทั้งถีบทั้งเตะ พอฟ้าเริ่มสางเริ่มเห็นตัว คราวนี้ก็เริ่มหนักขึ้น
เสียงปืนดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกว่านักศึกษาที่อยู่ใน สนามฟุตบอลจะวิ่งขึ้นบริเวณ ตึก
พอขึ้นเสร็จเขาจะเอาเก้าอี้ มาขวาง
“นักศึกษาบางคนถูกลากตัวออก มาทุบ
ออกมาแขวนคอ ตอนนั้นผมก็งงเหมือนกัน ไม่มีใครห้าม มันบอกไม่ถูก ตอนนั้นเศร้าใจแล้ว
ถ่ายรูปไปก็น้ำตาคลอ เหมือนเหตุการณ์จะระเบิด แต่ใจเราก็ยังบอกว่าเราเป็น ช่างภาพ
กฎของช่างภาพมีอยู่อย่างหนึ ่ง คือ จะไม่ใส่ใจกับเหตุเฉพาะหน้า แต่นี่มันเป็นเหตุเฉพาะหน้า ที่เรารับไม่ได้
ผมยืนอยู่ด้านฝ่ายที่ยิงคือ ตำรวจ ฝ่ายนี้ไม่เห็นมีใครล้มใครเ จ็บ
ลักษณะการยิงมันไม่ใช่เป็นก ารต่อสู้ ตอนเริ่มสว่างนี่เหมือนการป ิดประตูตีแมวแล้ว
ทำได้ยังไง ตอนนั้นผมเริ่มร้องไห้จนตาพ ร่าไปหมด สมัยก่อนถ่ายรูปไม่ได้ใช้เล นส์อัตโนมัติ
ถ่ายรูปไปด้วยร้องไห้ไปด้วย หาโฟกัสยากมาก”
เสียงปืนดังอยู่โดยตลอด จากที่แรก ๆ ใช้ปืนยาว ปืนสั้นยิง มาหลัง ๆ มีการใช้อาวุธสงคราม อย่าง เอ็ม.79 และปืนบาซูกา ซึ่งเป็นปืนยิงรถถัง ยิงเข้าใส่กลุ่มนักศึกษาประ ชาชน
ช่วงวิกฤตที่สุดเป็นช่วงหกโ มงเช้าถึงแปดโมงเช้าของวันท ี่ 6 ช่วงนั้นตำรวจเริ่มขึ้นไปเค ลียร์สถานที่บนตึกเรียนในธร รมศาสตร์
นักศึกษาส่วนหนึ่งหลบซ่อนตั วอยู่ตามห้องต่าง ๆ ในตึก
ภาพที่ตำรวจเข้าไปเคลียร์พื ้นที่ครั้งนั้น วิโรจน์บอกเล่าว่าราวกับหนั งแรมโบ้
มีการถีบประตูและยิงรัวเข้า ไปในห้อง ควันปืนตลบไปหมด
จากนั้นตำรวจจึงกวาดต้อนนัก ศึกษาลงมาที่สนามฟุตบอล ทุกคนทั้งหญิงและชายถูกเตะถ ีบหรือโดนทุบด้วยพานท้ายปืน จนบอบช้ำ
ล้มลุกคลุกคลาน มีเสียงตะโกนก้องออกคำสั่งใ ห้นักศึกษาถอดเสื้อออกให้หม ด
แม้นักศึกษาหญิงก็ถูกบังคับ จะให้ถอดกระทั่งเสื้อชั้นใน
ช่างภาพผู้นี้รู้สึกอนาถใจจ นทนไม่ได้
ต้องตะโกนชี้แจงจนสุดเสียงว ่าอย่าทำอย่างนั้น โดยบอกว่าหากภาพนี้เผยแพร่อ อกไปทั่วโลก
จะเป็นการประจานประเทศไทยอย ่างฉกาจฉกรรจ์ ผลก็คือฝ่ายที่ออกคำสั่ง
ตะโกนบอกต่อกันว่า สำหรับนักศึกษาหญิงให้เหลือ เสื้อชั้นในไว้ตัวหนึ่ง
“ตัวผมเองแทบจะคุมสติไม่อยู ่แล้ว
ทำกันเหมือนกับไม่ใช่คน แต่คณะที่ก่อการ เราก็ไม่รู้ว่าคณะไหน
ช่วงนั้นยังมองไม่ออก แต่ละคนก็มีความโกรธแค้น เพราะช่วงนั้นเขาก็ได้รับข้ อมูลที่คลาดเคลื่อนไป
ทั้งข่าวที่ออกทางสถานีวิทย ุกระจายเสียงยานเกราะ เพลงหนักแผ่นดิน
และมีรูปที่ว่าหมิ่นพระบรมเ ดชานุภาพลงหนังสือพิมพ์บางฉ บับ
ผมคิดว่านักศึกษาเขาชุมนุมก ันอย่างสงบ แต่คนที่ไม่สงบสิ คนที่อยู่ข้าง ๆ ผม
ขว้างระเบิดกันตูม ๆ ถ้าเขารักษากฎหมาย เขาน่าจะจับพวกนี้มากกว่า
อย่างพวกหมาจิ้งจอกที่ไปจิก นักศึกษามาทีละคนแล้วเอามาเ ผา
ผมก็ตามมาดูเขาเผา เห็นคาตา ยังสองจิตสองใจว่าจะเข้าไปข ้างใน
หรือจะดูพวกที่เขาเผา คนที่ถูกเผาคือนักศึกษา ไม่ใช่ญวน คนที่ถูกแขวนคอ ผมก็เห็น
คนที่ถูกลากคอมา กลางสนามก็เห็น ยังไม่ตายดีเลย เอาน้ำมันมาราดจุดไฟเผา
ยังดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่เลย ผมเห็นหลายศพ คนเข้าไปรุมเหมือนอีแร้ง
ผมคำนวณไม่ได้ว่าตายไปเท่าไ หร่ มันมากกว่าที่เขาแถลงว่า 43 ศพ ถ้านักศึกษามีปืน พวกที่เข้าไปคงตายไม่น้อย พอหลังจากที่คุมสถานการณ์ได ้แล้ว
ตำรวจเข้าไปค้นในธรรมศาสตร์ เจออาวุธจนจัดนิทรรศการได้
ผมก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน ที่ออกข่าวว่ามีอุโมงค์ใต้ด ิน
ผมเข้าไปดูก็เห็นแต่ท่อน้ำท ิ้ง”
เสียงปืนสงบลงประมาณ 10 โมงเช้า ราวบ่ายโมงเศษ ฝ่ายตำรวจก็เข้าเคลียร์พื้น ที่ได้หมด
มีการกวาดต้อนนักศึกษาขึ้นร ถ บ้างถูกอัดถูฏทำร้ายอยู่บนร ถ
เมื่อรถแล่นผ่านกลุ่มผู้รัก ชาติที่อยู่แถวนั้น ก็ถูกขว้างปาด้วยขวดบ้าง
มีคนขึ้นมาชกบ้าง หรือพยายามลากผู้หญิงที่อยู ่บนรถลงมา
วิโรจน์ขับรถตามไปที่โรงเรี ยนตำรวจนครบาล
บางเขน เขามารู้ทีหลังจากนักข่าวใน พื้นที่ว่า ผู้ต้องหาอีกส่วนหนึ่งถูกส่ งตัวไปที่ชลบุรีและนครปฐม
พวกที่ถูกส่งตัวไปต่างจังหว ัดถูกรุมกระทืบทำร้ายหนักกว ่าพวกที่อยู่โรงเรียนตำรวจน ครบาล
บางเขน เสียอีก มีรถคันหนึ่งพานักศึกษาหญิง ล้วน ๆ เต็มคันรถไปที่นครปฐม
มีรถของพวกกระทิงแดงตามไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเหตุการณ ์อะไรขึ้นหลังจากนั้น
เพราะไม่สามารถตรวจสอบข่าวไ ด้
โลกหลังเลนส์ของลูกผู้ชายอย ่างเขาคือหยาดน้ำตาและความส ะเทือนใจที่ล้ำลึกไม่มีวันล ืม
“ผมประเมินความเป็นมนุษย์ขอ งผู้สั่งต่ำไป
เขาไม่ใช่มนุษย์แล้วถึงทำอย ่างนั้นได้ ภาพเหตุการณ์เหล่านั้นมันติ ดตา
ทุกวันนี้ก็ยังติดตาอยู่ เพราะมันรุนแรงมาก จะว่าสงครามก็ไม่ใช่
เพราะสงครามต้องรบกัน แต่นี่เป็นการฆ่าหมู่ ผมยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้ เอง
ผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใ จและรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกั บเหตุการณ์ 6
ตุลาน้อยมาก ถ้าเข้าใจจริง ๆ ก็ประมาณสามพันกว่าคนที่ถูก จับ
เพราะหลังจากนั้นข่าวถูกบิด เบือนเกือบปี จากขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว
แต่คนไทยในต่างประเทศและองค ์กรต่าง ๆ ที่ไม่ถูกปิดกั้นข่าวสารก็พ อจะรู้ความจริง”
วิโรจน์ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ
“ดูได้จากพวกที่รักชาติ มีคล้าย ๆ กองกำลัง ทำอะไรต้องมีหัวโจกอยู่ข้าง หลัง ให้ไปล้อม ไปจับตรงนั้นตรงนี้
แล้วตำรวจที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดูมีความเกรงใจ พินอบพิเทา ผมมองว่าเป็นการจัดตั้ง
ผมว่ามันแปลก ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวใน โลก เหมือนผมอยู่ในบ้านแล้วมีคน มาฆ่าพ่อแม่พี่น้องผม
แต่กฎหมายมาจับผมไปติดคุก ไปรับข้อหา เราเป็นโจทก์ แต่ให้ไปเป็นจำเลย”
ในฐานะช่างภาพ ภาพที่รุนแรงที่สุดสำหรับเข าคือภาพไหน
“ภาพที่เห็นนักศึกษาถูกตอกอ ก
หลังฉากเป็นวัดพระแก้ว เป็นช่วงที่ผมยกกล้องแทบไม่ ขึ้น มันไม่ไหวแล้ว
มันแยกไม่ออกระหว่างความเป็ นสื่อมวลชนกับความเป็นมนุษย ์ธรรมดาคนหนึ่งที่เห็นภาพอย ่างนั้น
ผมไม่ได้มีพรรคพวกเป็นพวกศู นย์กลางนิสิตฯ เลย ตอนนั้นอายุรุ่นเดียวกัน
แต่ตอนนี้ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นพ่อคนแล้ว ถ้าตอนนั้นเขาเป็นคนรุ่นลูก ผม
ผมคงเป็นบ้าไปแล้ว ผมไม่ได้นอนสองวันสองคืน ถ่ายรูปอยู่ในธรรมศาสตร์
แต่พอกลับมาถึงบ้านแล้วนอนไ ม่หลับ มีเสียงสองอย่างก้องอยู่ในห ัว
เสียงร้องว่าอย่าทำหนูเลย ทั้งเสียงผู้หญิงผู้ชาย กับอีกเสียงหนึ่งก็ร้องว่าเ อามัน
ฆ่ามัน ๆ ส่วนเสียงปืนเป็นเสียงประกอ บฉากอยู่แล้ว เป็นความรู้สึกที่แย่ที่สุด ในชีวิต
“จำได้ว่าผมถ่ายรูปตำรวจถือ ปืนมือหนึ่ง
อีกมือหนึ่งคาบบุหรี่ไว้ที่ ปาก ผมเห็นเขายิงจนหมดกระสุน ฝ่ายตำรวจยืนยิงอยู่
แต่ทางนิสิตไม่มีอะไรเลย ทางนี้ก็วิ่งกันไปวิ่งกันมา ผมไม่เห็นล้มสักคน ถ้าล้มคงเป็นเพราะเหยียบกัน เองมากกว่า
ตรงนี้ผมปิดความจริงไม่ได้ ใครถามผมก็เล่า เพราะผมไม่กลัว มันเป็นความจริง
ผมเห็นอย่างไรก็บอกอย่างนั้ น จะไปบิดเบือนประวัติศาสตร์ไ ด้อย่างไร
“เหตุการณ์ครั้งนี้สองวันสอ งคืนผมถ่ายรูปหมดไป
300 ม้วน ไม่รู้ว่าถ่ายไปได้ยังไง ไม่มีมอเตอร์ไดรฟ์ด้วย
มีมอเตอร์ไซค์เอาฟิล์มมาให้ ทีละ 50 ม้วน จะมีคนลำเลียงส่งฟิล์มตลอด
เท่าที่เห็นช่างภาพหลายคนช็ อกและรับไม่ได้ ช่วงนั้นผมอายุยังไม่ 20 ดี เหตุการณ์นี้สำหรับผม ไม่ใช่การล้อมปราบ แต่เป็นการล้อมฆ่า”
ที่มา : คัดจากนิตยสารสารคดี ปีที่ 12 ฉบับที่ 140 ประจำเดือนตุลาคม 2539
“ช่วงเย็นของวันที่ 5 ตุลา หนังสือพิมพ์ดาวสยามลงรูปที่นักศึกษาเล่นล
“พอละครแสดงเสร็จปั๊บ รายการวิทยุก็เปิดเพลงหนักแ
วิโรจน์ได้เห็นเหตุการณ์ที่
“ผมยืนยันได้ว่านักศึกษาภาย
“นักศึกษาบางคนถูกลากตัวออก
เสียงปืนดังอยู่โดยตลอด จากที่แรก ๆ ใช้ปืนยาว ปืนสั้นยิง มาหลัง ๆ มีการใช้อาวุธสงคราม อย่าง เอ็ม.79 และปืนบาซูกา ซึ่งเป็นปืนยิงรถถัง ยิงเข้าใส่กลุ่มนักศึกษาประ
ช่างภาพผู้นี้รู้สึกอนาถใจจ
“ตัวผมเองแทบจะคุมสติไม่อยู
เสียงปืนสงบลงประมาณ 10 โมงเช้า ราวบ่ายโมงเศษ ฝ่ายตำรวจก็เข้าเคลียร์พื้น
วิโรจน์ขับรถตามไปที่โรงเรี
โลกหลังเลนส์ของลูกผู้ชายอย
“ผมประเมินความเป็นมนุษย์ขอ
วิโรจน์ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ
“ดูได้จากพวกที่รักชาติ มีคล้าย ๆ กองกำลัง ทำอะไรต้องมีหัวโจกอยู่ข้าง
ในฐานะช่างภาพ ภาพที่รุนแรงที่สุดสำหรับเข
“ภาพที่เห็นนักศึกษาถูกตอกอ
“จำได้ว่าผมถ่ายรูปตำรวจถือ
“เหตุการณ์ครั้งนี้สองวันสอ
ที่มา : คัดจากนิตยสารสารคดี ปีที่ 12 ฉบับที่ 140 ประจำเดือนตุลาคม 2539
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น