ยุกติ มุกดาวิจิตร
คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์
กายฟอว์กส์ คือนามของคนอังกฤษที่วางแผนระเบิดรัฐสภาเพื่อลอบสังหารพระเจ้าเจมส์ที่ 1 กษัตริย์อังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 16
จากนั้นก็มีหนังสือที่พูดถึงกายฟอว์กส์ รวมถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง "วี ฟอร์ เวนเดตต้า" ซึ่งมีเนื้อหาดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของเขา เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนใส่หน้ากากขาวลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ
ปี 2008 แฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่งเรียกตัวเองว่าพวกไม่มีตัวตน (Anonymous) ใช้สัญลักษณ์เป็นหน้ากากกายฟอว์กส์ ต่อต้านลัทธิศาสนาที่เรียกกันว่า Scientology ซึ่งคนมีชื่อเสียงและคนมีฐานะดีนิยมศรัทธากันมาก แต่กลุ่มไม่มีตัวตนเห็นว่าลัทธิดังกล่าวกำลังครอบงำสังคม
ปี 2011 มีกลุ่ม occupy movement ออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนนในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐ ต่อต้านการจับมือกันของกลุ่มทุนและรัฐบาล จากนั้นกลุ่ม occupy movement ก็ค่อยๆ แพร่ขยายไปทั่วโลก เพื่อต่อต้านประเด็นดังกล่าว
แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวในประเทศไทยต่างออกไป โดยใส่หน้ากากต่อต้านรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้จะเป็นกลุ่มคนเดิมๆ แต่สิ่งนี้กำลังสะท้อนถึงวิกฤตอัตลักษณ์ของชนชั้นกลางในการแสดงออกทางการเมือง
และสะท้อนถึงภาพกลุ่มอนุรักษนิยมที่เริ่มกระจัดกระจาย
เพราะกลุ่มหน้ากากขาวปฏิเสธการเป็น กลุ่มก้อนที่ชัดเจนเหมือนกลุ่มเสื้อเหลืองแบบกลุ่มพันธมิตร พวกเขาไม่อยากเป็นแบบกลุ่มเสื้อหลากสี กลุ่มไทยสปริง หรือกลุ่มม็อบสนามหลวง
ที่เมื่อเปิดเผยตัวตน มีข้อเรียกร้องชัดเจน ก็จะตามมาด้วยการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มีภาพลักษณ์ที่เป็นลบ และไม่มีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร
ฉะนั้น กลุ่มหน้ากากขาวจึงไม่ยอมรับการเปิดเผยตัวตน เพราะไม่อยากมีภาพเหมือนกลุ่มที่กล่าวมา
เมื่อดูจากข้อเรียกร้องที่กลุ่มนี้ชูป้ายเดินประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ มีข้อความไล่รัฐบาล มากกว่านั้นยังมีข้อความเรียกร้องให้ทหารออกมา
สะท้อนว่าการนำหน้ากากกายฟอว์กส์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สากลมาใช้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าอยากจะบอกว่าตัวเองนั้นเท่ หรือสามารถสื่อสารแบบสากลได้
ซึ่งนอกจากจะไม่มีพลังอะไรเลย ยังเป็นสัญญาณให้เห็นว่าอุดมการณ์แบบอนุรักษ นิยมกำลังบั่นทอนตัวเอง
บนถนนการต่อสู้ทางการเมือง คนกลุ่มนี้เดินมาจนสุดทาง ไม่มีเครื่องมืออะไรที่มีพลังพอแล้ว เพราะเขาปฏิเสธการเลือกตั้ง และเลือกใช้คุณธรรมหรือความดีเป็นเครื่องมือแทน
แต่พอใส่หน้ากากไม่เปิดเผยตัวตนก็ยิ่งไม่มีพลังอะไรเลย เหลือแต่ความอยากแสดง ออกทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งจะไม่นำไปสู่อะไรเลยเช่นกัน
และไม่ถึงขั้นจะก่อให้เกิดความรุนแรงใดๆ ด้วย เป็นแค่คนขี้หงุดหงิดธรรมดาๆ
ส่วนหน้ากากแดงนั้นไม่มีอะไรพิเศษ จะใส่หรือไม่ใส่ สังคมก็รู้ว่าพวกเขาคือคนเสื้อแดงซึ่งมีเป้าหมายการต่อสู้ทางการเมืองชัดเจนอยู่แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น