นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่กกต.มีมติเห็นชอบตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอให้ยุติ กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้องขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเมื่อครั้งเป็นรัฐบาลได้รับเงินบริจาค 1 ล้านบาท ถุงยังชีพ 500 ถุง และน้ำดื่ม 850 โหล จากบริษัทอีสต์วอเตอร์ จำกัด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ว่า เรื่องดังกล่าว ในชั้นสืบสวนของอนุกรรมการไต่สวนมีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และให้ดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร และนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ดำเนินการร่วมกันเปิดบัญชีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อส่งความเห็นไปยังนายทะเบียนพรรคการเมือง แล้วนายทะเบียนฯ มีความเห็นให้ยุติเรื่อง ซึ่งตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ไม่ให้อำนาจที่ประชุมกกต.มีความเห็นเป็นอย่างอื่นได้นอกจากรับทราบ
นางสดศรี กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่อนุกรรมการไต่สวนมีความเห็นให้ดำเนินคดีอาญากับ 3 สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมกันเปิดบัญชีฯ นั้น เป็นอำนาจของ กกต.ที่จะพิจารณาว่าจะให้ดำเนินคดีอาญา หรือไม่ ดังนั้น ที่ประชุม กกต. จึงได้มีการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 56 ที่ระบุว่าห้ามมิให้หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการสาขาพรรคการเมือง หรือสมาชิกผู้ใดรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันคำนวณเป็นเงินที่เป็นการบริจาคโดยไม่ปรากฏชื่อบริจาค หรือที่บริจาคให้ตนเป็นการส่วนตัว หรือไม่ เนื่องจากการบริจาคเงินดังกล่าวเป็นการบริจาคผ่านบัญชีพรรคประชาธิปัตย์ และมีการเก็บเงินไว้ในบัญชีเป็นเวลา 1-2 เดือน ก่อนที่จะนำส่งให้สำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่นำเงินส่งทันที ในกรณีนี้ที่ประชุม กกต.ได้ให้อนุกรรมการสอบสวนชุดเดิมไปสอบเพิ่มเติม ก่อนที่ กกต.จะมีการพิจารณาที่ต้องมติ และเมื่อเรื่องดังกล่าวกลับมายังที่ประชุม กกต. ก็ไม่สามารถมีมติเสียงข้างมากได้ จึงไม่มีการดำเนินคดีอาญาในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ว่า กกต.จะยุติเรื่องไปแล้ว แต่ไม่เป็นผลผูกพันกับการพิจารณาขององค์กรอื่น เพราะเรื่องดังกล่าวมีการร้องไปยังดีเอสไอด้วย
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวตนเองไม่ได้ดูว่าเป็นการร้องพรรคการเมืองใด แต่ใช้ความเป็นผู้พิพากษาพิจารณา โดยในกรณีนี้ต้องดูว่ามีเจตนาหรือไม่ เรื่องนี้เขาไม่ได้มีเจตนาเลย จำนวนเงินเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ เงินบริจาค 1 ล้านบาท เป็นการบริจาคเพื่อส่งผ่านไปให้ประชาชนที่เดือดร้อน จึงถือว่าพรรคประชาธิปัตย์มีเจตนาดีที่จะช่วยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในขณะนั้น จึงได้เปิดบัญชีศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของพรรคประชาธิปัตย์ขึ้น เพื่อรับบริจาคเงินแล้วนำทั้งต้นและดอกเบี้ยส่งให้กับสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เอาเข้าพกเข้าห่อ จึงเห็นว่าไม่มีความผิดที่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค จึงเสนอที่ประชุมกกต.ยุติเรื่อง เพราะการบริจาคเงินที่เข้าข่ายให้ยุบพรรคนั้น ต้องมีเจตนาเพื่อนำเงินเข้าพรรค แต่ในกรณีนี้เป็นการนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน เจตนาเขาทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ อันนี้น่าจะเป็นการชื่นชมว่าเป็นการทำเพื่อประชาชน และนายทะเบียนพรรคการเมืองก็ทำหน้าที่ด้วยความตรงไปตรงมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น