วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ถ่อยออกหน้า! "กนก" ให้เอา "อะไรครอบปากนายกฯได้มั้ยครับ?"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกนก รัตน์วงศ์สกุล โพสต์คลิปวิดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปขึ้นเวทีที่ประชุมเศรษฐกิจโลก (WEF) พร้อมโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Kanok Ratwongsakul Fan Pageระบุว่า "..สิบประเทศในอาเซียน มีประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของโลกค่ะ.. (นาทีที่ 0.15) โอว..ผมขอร้องเถอะครับ ถ้าจะปล่อยหล่อนไปข้างนอกไกลๆ ช่วยหาอะไรครอบปากเธอไว้ได้มั๊ยครับ? ผมไม่ไหวละ..pleaseeee "
เสื่อม! ศาลแจ้งจับ 80 เสื้อแดงยกเข่ง "ฟอร์ด เส้นทางสีแดง" โดนด้วย
ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ และนายสมฤทธิ์ ไชยวงค์ โฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวกรณีการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม เพื่อกล่าวโทษแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็น ส.ส.พท. และกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีพฤติกรรมโจมตี ผลักดัน ข่มขู่ คุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระหว่างรับ 5 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ไว้พิจารณา และหลังอ่านคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา จำนวน 6 ข้อกล่าวหา
นายสมฤทธิ์กล่าวว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้กล่าวโทษบุคคลต่างๆ ประกอบด้วย
1.นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช.และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
2.นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พท.
3.จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ แกนนำ นปช. และ ส.ส.สุรินทร์ พท.
4.นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง
5.กล่าวโทษกลุ่มบุคคลประกอบด้วย 1.นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ กับพวกรวม 26 คน ได้แก่ 2.นายมาลัยรักษ์ ทองชัย 3.นางสาวเพ็ญสุดา สินธุญา 4.นางสาวนวพร ประเสริฐอำนวย 5.นายวิสันต์ บุญประกอบ 6.นางสาวสุวรรณ แสงรัตน์ 7.นาย วันชัย สหกิจ 8.นางสาวสุพร แซ่จึง 9.นายไพโรจน์ ทิพวารี 10.นางสาวปราณี ปรางทอง 11.นายอิทธิวัฒน์ อนุวัตรวิมล 12.นายถนอม สุทธินันท์ 13.นายปาน พลหาญ 14.นายแดง บำเพ็ญสิน 15.นายมะลิ หอระดาน 16.นาย สุรเดช บัณดิต 17.นางสาวนันทกา อินทรานนท์ 18.นายคิรินทร์ ทุมพันธ์ 19.นายไพร๊อท ภูกาน 20.นายธีรชัย อุตรวิเชียร 21.ว่าที่ ร.ต.ณราสิน ศรีสันต์ 22.นางสาวสำเนียง นาคพิทักษ์ 23.นางเวียง ศรีคร้าม 24.นายสมศักดิ์ นาคา 25.นายศุภชัย ตระกูลธนกร และ 26.นายสุริน เพ็ชรรัตน์ ในข้อหาร่วมกันแจ้งความอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 173 และ 174 เหตุเกิดที่สถานีตำรวจคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม
6.นายวุฒิพงศ์และพวกไม่ทราบชื่อ จำนวนประมาณ 50 คน ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และดูหมิ่นการพิจารณาหรือคำพิพากษา เหตุเกิดบริเวณหน้าอาคารศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม
นายพิมลกล่าวว่า ยืนยันว่าการดำเนินการกล่าวโทษกับบุคคลดังกล่าว ไม่ได้ต้องการที่จะมุ่งร้ายผู้อื่น แต่เป็นการดำเนินการตามพฤติกรรมที่บุคคลดังกล่าวแสดงออกมาที่หยาบคาย ดังนั้น สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องมาการดำเนิน การกล่าวโทษบุคคลดังกล่าว เพื่อปกป้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการปฏิบัติหน้าที่
บทเรียน "นาวธาน-ทีมมัลลิกา" สอนใจสาวก ปชป. ระวังโดนหักหลัง
ตั้งแต่เกิดเรื่องราวระหว่าง บก.ลายจุด และ น้องนาวคนดังแห่งทวิตภพ ได้เฝ้าสังเกตติดตามเหตุการณ์ตลอดโดยไม่ต้องการแทรกแซงให้ "ผิดคิว" เท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่ได้พบ และเห็นชัดเจนว่า บุคคลเหล่านี้ได้ตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองชั่ว หลอกใช้ประชาชน คนที่รัก สาวกที่เชื่องให้ทำในสิ่งที่อาจหมิ่นเหม่กฏหมาย
หากเฝ้าติดตามอย่างเข้าใจจะเห็นจุดเริ่ม เมื่อน้องนาว พูดข้อความทำนองใส่ร้ายครอบครัวของ บก. ซึ่งมันเลยจุดที่ควรจะเป็นไป จน บก.ประกาศจะดำเนินคดี
เมื่อเริ่มต้นมีปัญหาจนขู่ฟ้องร้องกัน |
ผมสังเกต "ปฏิกิริยา" คนรอบข้างที่เคยพูดคุยกับน้องนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "คนของพรรคประชาธิปัตย์" ที่ปกติเคยพูดคุยทักทายกันทั้งวัน แต่หลังเกิดศึกตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ที่ 29 กรกฏาคม ทุกคนของ ปชป. ในทวิตเตอร์ "หยุดโพสท์คุยกับเธอ" พร้อมกัน
ผมไปช่วย "แซะ" แทนคุณ และ ณช (เลขากรณ์) และอีกหลายคน แต่ทุกคนก็ "เงียบหายเข้ากลีบเมฆ"
แซะ แซะ แซะ แต่ทุกคน "หายลับ |
เมื่อทุกคนหายไป แต่เธอดังข้ามคืนเมื่อโกซิค และ เมเนเจอร์ประโคมข่าวว่าเธอจะโดนฟ้อง แฟนคลับที่ไม่รู้ว่าเธอนั้น ป่วย ก็รีบเข้ามาให้กำลังใจล้นหลามข้ามวัน โดยไม่เห็น "เงาทวิต" ของคน ปชป. เลย
บก.ชวนเชิญให้น้องนาวไป สน. คุยกันอย่างลูกผู้ชาย |
บก. แสดงความเป็นลุกผู้ชาย ไม่ทำร้ายผู้หญิง เชิญเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ให้ไป "สถานีตำรวจ" เพื่อคุยไกล่เกลี่ย บก.ต้องการเพียงแค่ "คำขอโทษ" ที่ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียเท่านั้น แต่เธอยัง "แซะ" บก.ไม่เลิก
จำเนียรกาลผ่านไปถึงวันจันทร์ สองวัน ดูท่าเหตุการณ์ค่อยกลับเข้าสู่ความสงบ บรรดาพลพรรค ปชป. ที่หลบหน้าไป เห็นแล้วว่าอยู่ในระยะ "ปลอดภัย" เพียงพอ จึงค่อยโผล่หน้าออกมา "อีกครั้ง"
เริ่มโผล่มาทักทาย ทีละชื่อ |
โผล่ไม่โผล่เปล่า โผล่มา "แซะไร้สาระ" |
เธอยังแซะสนุกสนานย่ามใจ |
นี่คือตัวอย่างข้อความ ที่เธอส่งให้ผม ด้วยถ้อยคำหยาบคายเสมอ |
สังเกตว่ายังไม่ทันจบเรื่อง "น้องนาว" ทีมงาน ปชป. ก็สั่นสะเทือนอีกครั้งกับข่าวดัง "ทีมมัลลิกาแตกยับ ประกาศปิดแอคเค้า" ในค่ำวันจันทร์
มหกรรมหักหลังก็เกิดขึ้นตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
ลือสะพัด! ทีมงานทวิตเตอร์มัลลิกาแตกยับ แหล่งข่าวแฉ "ถูกหลอกใช้งาน" จนประกาศยกเลิกปิดแอคเค้า ผ่านไปแค่ชั่วโมง โดนหักหลังยึดแอคเค้าคืน ทีมงานเดิมน้ำตาท่วมอกออกจากทีม
เมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกาที่ผ่านมา แอดมินทวิตเตอร์ @TeamMallika_DP ได้ขึ้นข้อความบนทวิตเตอร์ 3 ข้อความ ระบุชัดว่าเป็น "ทีมงานผู้ชาย" เขียนว่า
"ประกาศ ปิด แอคเค้า ทวิตเตอร์ และจะขอเลิกเล่น และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น ขออภัยมานะที่นี่ด้วยครับ"
"จะปิดแอคเค้า ทีมมัลลิกา ตั้งแต่ 30 ก.ค.55 เป็นต้นไป หลังจากนี้ไม่ใช่หน้าที่ผมแล้ว และหากมีการทวิตหลังจากนี้ ขอประกาศไม่ใช่การทวิตที่มาจากผม"
และข้อความสุดท้ายว่า
"ขอบคุณ ทุกคนที่โฟลโลครับ หลังจากขอเอาเวลาไปเรียนปริญญาโทให้จบ และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองฝ่ายใดทั้งสิ้นเพราะเห็นสัจธรรมแล้วครับ"
ภายหลังทีมงานผู้ชายคนดังกล่าว ได้โพสท์ข้อความเพียงแค่ประมาณ 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าข้อความทั้งหมดถูกลบทิ้ง มีการเปลี่ยนภาพประกอบพื้นหลังใหม่จากพื้นสีฟ้า เป็นภาพนักการเมือง
ทีมงานได้ตรวจสอบแหล่งข่าวทราบว่า แอคเค้าดังกล่าวนี้ เริ่มต้นสมัครและโพสท์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กรกฏาคมที่ผ่านมา ด้วยทีมงานที่ได้รับการว่าจ้างมาดูแลทวิตเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่จบการศึกษาด้านไอทีระดับปริญญาตรี จากสถาบันมีชื่อ ที่มีอุดมการณ์เหนี่ยวแน่นกับพรรคการเมืองหนึ่ง
แต่ตลอดเวลาการทำงาน ได้รับแรงกดดันให้เขียนข้อความ ในเชิงบิดเบือน และหลายครั้งต้องเขียนข้อความในเชิงรุกซึ่งเสี่ยงต่อการละเมิดกฏหมาย ทีมงานได้ท้วงติงไปยังผู้เกี่ยวข้องหลายครั้ง แต่กลับได้รับการปฏิเสธ อีกทั้งยังบังคับให้เขียนตามข้อความที่สั่งมา ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอย่างมาก
ในวันเกิดเหตุ ทีมงานซึ่่งรู้สึกมาโดยตลอดว่า "ตนเองนั้นถูกหลอกใช้งาน" โดยไม่ได้รับการปฏิบัติดูแลเท่าที่ควร และยังต้องทำงานที่เสี่ยงต่อการละเมิดกฏหมาย และที่สำคัญ แนวทางการทำงานนั้น ไม่ได้ตรงตามเจตนาและอุดมการณ์ที่พรรคการเมืองหนึ่งได้เคยประกาศไว้เลย จึงรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง จึงได้มีปากเสียงกันขึ้นกับบุคคลหนึ่ง จนบุคคลนั้นได้เอ่ยปาก "ไล่" ทีมงานคนดังกล่าวให้ออกไปจากที่ทำงานโดยอ้างว่า "มึงไม่มีปัญญาทำ....มึงก็ไสหัวมึงไปซะ" ทีมงานดังกล่าวจึงได้ประชดด้วยการประกาศปิด "แอคเค้า" ดังกล่าว
หลังจากประกาศปิดแอคเค้า ทีมงานได้ออกจากสถานที่ทำงานไป และหลังจากนั้น 2 ชั่วโมงได้ถูกตามตัวให้มาลบข้อความ ทีมงานถูกข่มขู่ว่า หากไม่มามอบ ยูสเซอร์ พาสเวิร์ด และลบข้อความนั้น จะดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งทีมงานนั้นกลัวมาก จึงบอกยูสเซอร์ พาสเวิร์ดให้ทีมงานใหม่ ที่มารับช่วงงานต่อเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด
ทั้งหลายทั้งปวงคืออะไร คือ "ทีมงานรับใช้บรรดานักการเมืองเลวๆของพรรคนี้ เริ่มหวาดกลัวกับตัวอย่างกัน "ลอยแพ ปัดขี้ ปัดสวะ เฉดหัวทิ้ง" ของเหล่านักการเมืองพรรคนี้ มีน้องนาวเป็น "ตัวอย่าง"
สองเหตุการณ์นี้บอกอะไรเราบ้าง บรรดาสาวก ประชาธิปัตย์ รู้สึกอะไรหรือไม่ สาวกหน้าแฉล้มทำงานให้แต่ท้ายสุด "เหมือนโดนหลอกใช้ให้ทำความผิด" โดยนักการเมืองอย่าง ปชป. สมประโยชน์ ไม่ต้องลงทุน แถมได้งานชิ้นโบแดง แต่เวลาคนทำโดนคดี ทุกคน "หายเข้าหลีบเมฆ" รวมทั้ง "ไล่ส่งยังกะหมูกะหมา"
แค่อยากให้เตือนใจ "สาวกประชาธิปัตย์" อย่าไว้ใจฆาตกรหน้าหล่อ
ลือสะพัด! ทีมทวิตเตอร์ "มัลลิกา" แตกยับประกาศยกเลิกแอคเค้า
ภาพแรก เมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกา วันที่ 30 กรกฏาคม ทีมงานผู้ชายประกาศปิดแอคเค้าท์ |
ภาพสอง เมื่อเวลาประมาณ 23 นาฬิกา วันที่ 30 กรกฏาคม ข้อความในภาพที่หนึ่ง ถูกลบทิ้งหมดพร้อมเปลี่ยนภาพแบล็คกราวทั้งหมด |
ลือสะพัด! ทีมงานทวิตเตอร์มัลลิกาแตกยับ แหล่งข่าวแฉ "ถูกหลอกใช้งาน" จนประกาศยกเลิกปิดแอคเค้า ผ่านไปแค่ชั่วโมง โดนหักหลังยึดแอคเค้าคืน ทีมงานเดิมน้ำตาท่วมอกออกจากทีม
เมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกาที่ผ่านมา แอดมินทวิตเตอร์ @TeamMallika_DP ได้ขึ้นข้อความบนทวิตเตอร์ 3 ข้อความ ระบุชัดว่าเป็น "ทีมงานผู้ชาย" เขียนว่า
"ประกาศ ปิด แอคเค้า ทวิตเตอร์ และจะขอเลิกเล่น และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น ขออภัยมานะที่นี่ด้วยครับ"
"จะปิดแอคเค้า ทีมมัลลิกา ตั้งแต่ 30 ก.ค.55 เป็นต้นไป หลังจากนี้ไม่ใช่หน้าที่ผมแล้ว และหากมีการทวิตหลังจากนี้ ขอประกาศไม่ใช่การทวิตที่มาจากผม"
และข้อความสุดท้ายว่า
"ขอบคุณ ทุกคนที่โฟลโลครับ หลังจากขอเอาเวลาไปเรียนปริญญาโทให้จบ และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองฝ่ายใดทั้งสิ้นเพราะเห็นสัจธรรมแล้วครับ"
ภายหลังทีมงานผู้ชายคนดังกล่าว ได้โพสท์ข้อความเพียงแค่ประมาณ 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าข้อความทั้งหมดถูกลบทิ้ง มีการเปลี่ยนภาพประกอบพื้นหลังใหม่จากพื้นสีฟ้า เป็นภาพนักการเมือง
ทีมงานได้ตรวจสอบแหล่งข่าวทราบว่า แอคเค้าดังกล่าวนี้ เริ่มต้นสมัครและโพสท์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กรกฏาคมที่ผ่านมา ด้วยทีมงานที่ได้รับการว่าจ้างมาดูแลทวิตเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่จบการศึกษาด้านไอทีระดับปริญญาตรี จากสถาบันมีชื่อ ที่มีอุดมการณ์เหนี่ยวแน่นกับพรรคการเมืองหนึ่ง
แต่ตลอดเวลาการทำงาน ได้รับแรงกดดันให้เขียนข้อความ ในเชิงบิดเบือน และหลายครั้งต้องเขียนข้อความในเชิงรุกซึ่งเสี่ยงต่อการละเมิดกฏหมาย ทีมงานได้ท้วงติงไปยังผู้เกี่ยวข้องหลายครั้ง แต่กลับได้รับการปฏิเสธ อีกทั้งยังบังคับให้เขียนตามข้อความที่สั่งมา ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอย่างมาก
ในวันเกิดเหตุ ทีมงานซึ่่งรู้สึกมาโดยตลอดว่า "ตนเองนั้นถูกหลอกใช้งาน" โดยไม่ได้รับการปฏิบัติดูแลเท่าที่ควร และยังต้องทำงานที่เสี่ยงต่อการละเมิดกฏหมาย และที่สำคัญ แนวทางการทำงานนั้น ไม่ได้ตรงตามเจตนาและอุดมการณ์ที่พรรคการเมืองหนึ่งได้เคยประกาศไว้เลย จึงรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง จึงได้มีปากเสียงกันขึ้นกับบุคคลหนึ่ง จนบุคคลนั้นได้เอ่ยปาก "ไล่" ทีมงานคนดังกล่าวให้ออกไปจากที่ทำงานโดยอ้างว่า "มึงไม่มีปัญญาทำ....มึงก็ไสหัวมึงไปซะ" ทีมงานดังกล่าวจึงได้ประชดด้วยการประกาศปิด "แอคเค้า" ดังกล่าว
หลังจากประกาศปิดแอคเค้า ทีมงานได้ออกจากสถานที่ทำงานไป และหลังจากนั้น 2 ชั่วโมงได้ถูกตามตัวให้มาลบข้อความ ทีมงานถูกข่มขู่ว่า หากไม่มามอบ ยูสเซอร์ พาสเวิร์ด และลบข้อความนั้น จะดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งทีมงานนั้นกลัวมาก จึงบอกยูสเซอร์ พาสเวิร์ดให้ทีมงานใหม่ ที่มารับช่วงงานต่อเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด
วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ภาพ "ในหลวง-พระราชินีนาถ" พระราชทานน้ำสังข์ แก่ "ทักษิณ - พจมาน"
ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานน้ำสังข์ มงคลสมรสแก่ ร้อยตำรวจเอก ทักษิณ ชินวัตร และ นางสาวพจมาน ดามาพงศ์ |
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ได้เผยแพร่ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ "ร้อยตำรวจเอก ทักษิณ ชินวัตร และ นางสาว พจมาน ดามาพงศ์" เข้าเฝ้าฯ เพื่อรับพระราชทานน้ำสังข์ เมื่อวันที่ 30 กรกฏาคม 2519 โดยนายพานทองแท้ ได้เขียนข้อความประกอบภาพไว้ว่า
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ครอบครัวชินวัตร"
"ป้าธิดา" แจง "นิพนธ์ ไม่ใช่พี่ชาย" ย้ำ ครอบครัวเรามีเสรีภาพทางความคิด
นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่นายนิพนธ์ ถาวรเศรษฐ ที่ประกาศตัวกลางเวทีเสวนาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ จ.สุราษฎร์ธานีวันก่อน ว่าเป็นพี่ชายของนางธิดา และพูดทำนองว่าทั้งครอบครัวเป็นเสื้อเหลืองที่จงรักภักดี มีเพียงนางธิดาคนเดียวที่เป็นเสื้อแดงรับใช้ทักษิณ
นางธิดาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าววันนี้ว่า นายนิพนธ์ ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของตนเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อเท่านั้น เพราะในครอบครัวของตน ตนเป็นลูกคนโต ดังนั้นนายนิพนธ์ จะเป็นพี่ชายของตนได้อย่างไร อย่างไรก็ตามหากนับญาติพี่น้องกันจริงๆ แล้วยอมรับว่ามีพี่น้องอยู่ทางภาคใต้ค่อนข้างมากหลายคนเป็นเสื้อเหลือง เสื้อฟ้า รวมถึงเสื้อแดงก็มีเช่นกัน เพียงแต่นายนิพนธ์ ไม่รู้เพราะเมื่ออยู่ในพื้นที่ภาคใต้คนที่เป็นเสื้อแดงจะเงียบไม่ค่อยแสดงตัว เขาจึงสำคัญตัวเองผิดคิดว่าญาติๆ มีแต่คนที่เป็นเสื้อเหลือง
นางธิดา ระบุว่า ทั้งนี้ในครอบครัวของตนจริงๆพ่อ แม่ พี่น้องก็มีความคิดต่างกัน แต่ก็อยู่กันอย่างเสรีชนใครมีความคิดทางการเมืองอย่างไรก็เป็นเสรีภาพทางความคิด ไม่เคยมีปัญหาเพราะจะบังคับให้ใครคิดเหมือนกันคงไม่ได้ ซึ่งสำหรับตนแล้วไม่ได้คิดอะไรในเรื่องนี้ เพราะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่ที่ความเชื่อไม่เกี่ยวกับเรื่องของความเป็นญาติพี่น้อง
"เต้น" เปรย "มาร์คอาการหนักขึ้นทุกวัน"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สวมเสื้อสีแดงขึ้นเวทีปราศรัย เมื่อช่วงค่ำของวานนี้(29 ก.ค.) ถือว่า มีอาการของคนผิดปกติ และดูเหมือนว่าอาการจะหนักขึ้นทุกวัน เพราะหลักการทางการเมืองไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อ แต่อยู่ที่อุดมการณ์ทางประชาธิปไตย สีเสื้อถือเป็นแค่สัญลักษณ์
และสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทำลงไปจะไม่ส่งผลกระทบ หรือทำให้กลุ่มคน นปช.เกิดความแตกแยก แต่กลับทำให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ดังนั้นตนจึงเสนอว่า นายอภิสิทธิ์ควรจะสวมเสื้อทหาร เพื่อจะได้รับรู้ว่าชายไทยทุกคนต้องผ่านการเกณฑ์ทหาร มากกว่าการสวมเสื้อสีแดง
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ช็อค! "อภิสิทธิ์" ใส่เสื้อแดงทวงความยุติธรรมให้ 98 ศพแดง
<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/yjNPh6QMBbw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
วันนี้ ( 29 ก.ค.) เวลา 20.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นกล่าวปราศรัยที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ตอนหนึ่ง ว่า รัฐบาลไม่ห้ามปรามคนเสื้อแดงที่ตามไล่ตน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตามที่ต่างๆ ซึ่งคนที่มานั้นมาจากการปลุกระดมของแกนนำ และนักการเมืองที่จัดตั้งให้มา ตนพูดเสมอว่าเราอย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของพี่น้องในแต่ละจังหวัดหรือพื้นที่ใดก็ตาม คนเหล่านี้เป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกจัดตั้งให้มาก่อกวนขัดขวางการทำงานของตนและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็คือพรรคเพื่อไทยที่ทำงานแบบนี้
ช่วงหนึ่งของการปราศัย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “เขาต้องการเล่นงานผมและพรรคประชาธิปัตย์ ผมเล่นการเมืองมา 20 ปี ประวัติของผมชัดเจนสะอาด บางคนเล่นอยู่ 5 ปีมีคดีไม่ถ้วน จึงต้องย้อนไปตอนผมอายุ 20 ปี หาว่าหนีทหาร ยืนยันว่าเรื่องนี้อย่าหวั่นไหว เป็นเรื่องเก่า อยู่ดีๆ ขุดขึ้นมา ไม่มีอะไรหรอก แต่เพื่อช่วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงที่ถูกผมฟ้องอยู่ ในชีวิตนี้ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่รัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการ วันนี้เพิ่งเห็นรัฐมนตรีช่วยว่าความ ถ้ารัฐบาลอยากแก้ไขวันนี้ให้ไปแก้ไข 3 จังหวัดภาคใต้ แต่วันนี้ทั้งนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหมไปอยู่ที่ไหนกันหมด ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการปราศรัย นายอภิสิทธิ์ได้ถอดเสื้อแจกเก็ตสีน้ำเงินของพรรคประชาธิปัตย์ออก เพื่อให้เห็นเสื้อยืดสีแดงที่มีข้อความ “ หยุดปรองดองจอมปลอม ล้างผิดคนโกง” พร้อมกล่าวว่า การที่ตนใส่เสื้อสีแดง เพราะสีแดงอยู่ในธงชาติ ไม่ใช่สีของคนๆ เดียว และตนจะใส่สีแดงเพราะเป็นสิทธิ์ของตน พวกคุณไม่ต้องมาต่อว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิเสรีภาพไม่ต้องมาขัดขวางคนอื่น สิ่งสำคัญกว่านั้นตนตั้งใจใส่สีแดงเพื่อบอกกับคนที่อ้างตัวว่าเป็นคนเสื้อแดงและอ้างว่ามีอุดมการณ์ คุณต้องใส่เสื้อแดงแบบเดียวคือมีข้อความหยุดปรองดองจอมปลอมล้างผิดคนโกงเท่านั้น แต่ถ้าคุณใส่เสื้อแดงและไม่ยอมเรียกร้องหยุดปรองดอง และความยุติธรรม ก็ไม่มีความหมายอะไรนอกจากเป็นขี้ข้าทักษิณ
"เพื่อไทย" เคาะโต๊ะเดินหน้าลุย! "ไม่ถอนร่าง พรบ.ปรองดอง-ร่าง รธน."
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมสัมมนา "เพื่อไทย เพื่อประชาธิปไตย...เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย" เป็นวันที่สอง โดยมีนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้า พท. และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผู้อำนวยการ พท.ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมได้เปิดให้ ส.ส.สรุปผลการประชุมของ ส.ส. 19 โซน ในหัวข้อ "การปรับขบวนภายใน...บทบาทและทิศทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย"
จากนั้นนายภูมิธรรมกล่าวสรุปผลการประชุมว่า บ้านเมืองเรามีวิกฤตหลายเรื่องทั้่งวิกฤตความขัดแย้ง วิกฤตภัยธรรมชาติถาโถมเข้ามาทำให้รัฐบาลต้องเสียเวลา 5-6 เดือน แม้ทำงานจะครบ 1 ปีแล้วก็ตาม การจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อให้ ส.ส.เข้าใจเรื่องบทบาทฝ่ายบริหารและสภามีเรื่องร้อนๆ เข้ามาที่ประชุม โดยกฎหมายปรองดองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเปิดสมัยประชุมนี้จะก้าวไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นประเด็นหนึ่งเรื่องบทบาทของสภา ผู้ที่สนับสนุนพรรคกังวลว่าจะตัดสินใจเลือกทางเดินไหน จะตัดสินใจตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ แม้สิ่งที่ ส.ส.สะท้อนออกมายังมีปัญหาและไม่เป็นเอกภาพ
"ผมเพิ่งเข้ามารับผิดชอบงานบริหารพรรคในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคเพียง 2 สัปดาห์ ได้ยินได้รับทราบปัญหามาก่อน จึงกำหนดหัวข้อสัมมนาก่อนเปิดสมัยประชุมรัฐสภา แม้หนักใจแต่ไม่ท้อแท้ ที่ยอมรับอาสาเข้ามาเป็นผู้บริหารของพรรคมีจุดมุ่งหมายอยากทุ่มเทตัวเองหลังหลุดหายการเมือง 5-6 ปี เพื่อให้พรรคมีชีวิต เราอยากเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชนและอยากเห็นการมีส่วนร่วมของพรรค จะนำข้อสรุปเสนอต่อเลขาธิการนายกฯ และนายกฯต่อไป"
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของสภา แม้วันนี้ประชาชนจะก้าวไปไกล เดินหน้าพรรคไปหลายก้าว และมีประชาชนบางส่วนไม่กล้าเดินตามพรรคไป ก็ยังหาข้อยุติได้ยาก แต่สิ่งที่นายกฯให้คำมั่นคือยังเป็นหัวใจจุดยืน พรรคต้องเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในประเทศและอยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยด้วย ในเรื่องการตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีผลผูกพันกับเราตามกฎหมาย พรรคต้องใช้ความสุขุมรอบคอบตามกระบวนการที่จะเป็น
"สิ่งที่พอสรุปได้จากการประชุมใน 2 วัน โดยเฉพาะเรื่องร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นเจตจำนงที่เราจะทำเพราะสิ่งที่ยืนยันคือจะไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองและร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมออกจากสภาตามที่ได้รับฟังเสียงของ ส.ส. ส่วนการดำเนินการจะเป็นอย่างไรต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล และให้วิปรัฐบาลมีบทบาทในการตัดสินใจเรื่องนี้"นายภูมิธรรมกล่าว
"โอ๊ค" เราเสียโอกาส เสียเวลามามากแล้ว!
พี่น้องในโลกไซเบอร์ ใครที่รู้จักพี่ "เต่านา โสณกุล" ขอเสียงหน่อยครับ
พี่เต่านามีชื่อจริงว่า มล.มิ่งมงคล โสณกุล มีศักดิ์เป็นพี่สาวต่างมารดาของ มล.อภิมงคลฯ สส.ของพรรค ปชป. เและเธอเป็นบุคคลที่ทีมงานของผมชื่นชอบ โดยหลายคนบอกกับผมว่า "เธอช่างกล้า" เหมือนกับเด็กชายฮีโร่ ในหนัง 2+2=5 และพี่เต่านายังได้กรุณาแชร์ความคิดเห็นจากเฟสบุ๊คของผมหลายครั้ง ต้องกราบขอบพระคุณพี่ครับ (วันนี้ถ้ามีแฟนเพจผมเข้าไปเยี่ยมในเพจพี่เยอะอย่าพึ่งรำคาญนะครับ)
พี่เต่านาพูดว่า "รักที่สุดคือในหลวง" เช่นเดียวกับที่พสกนิกรไทยที่จงรักภักดีทั่วประเทศพูดกัน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็กล้าพูดต่อไปอีกว่า "ห่วงที่สุดคือคนที่รักในหลวงจนเสียสติ" ดังที่ลงหน้าปกของหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ตามรูปที่ผมโพสต์ให้ดู ซึ่งมีเนื้อหาอย่างย่อ ตามลิ๊งค์นี้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME16TXhOekk0TUE9PQ%3D%3D§ionid
บทสัมภาษณ์ตามลิ๊งค์นี้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME1qazNOelUwTWc9PQ%3D%3D§ionid
และถ้าอยากเข้าไปดูโดยตรงจากเฟสบุ๊คของเธอก็ตามลิ๊งค์นี้ครับ
http://www.facebook.com/taona.sonakul
กลุ่มคนที่พี่เต่านาถึงกับเอ่ยปากว่า "ห่วงที่สุด"นี้ เขาไม่ได้เป็นคนที่ไม่ดีอะไรนะครับ เพียงแต่เขาตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ของนักการเมืองเลวๆ และกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากการจัดม๊อบ ที่ชอบแอบอ้างสถาบันฯ ปั่นหัวผู้คนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหาแนวร่วม มาต่อต้านฝ่ายตรงข้ามเพื่อเอาชนะกันทางการเมือง จนบ้านเมืองวุ่นวายถึงขั้นแทบจะ "กู่ไม่กลับ" กันในวันนี้
กลุ่มคนที่มีแนวคิดไม่ยอมรับในสถาบันฯ เขาก็มีแนวความคิดของเขาแบบนี้ มาตั้งแต่สมัยไหนกันแล้ว แต่ก็เป็นแค่ความคิดเห็นของคนกลุ่มเล็กๆ ที่ถูกจำกัดกันอยู่ในวงแคบๆ ไม่เคยสามารถที่จะระคายเคือง สถาบันอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของพี่น้องคนไทยได้เลย หากไม่มีนักการเมืองเลวๆมาปั่นหัว โดยมีกลุ่มคนที่พี่เต่านาบอกว่า "ห่วงที่สุด"นี้ ตกเป็นเหยื่อ
คำถามคือ ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่ "คนที่รัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แบบมีสติ" น่าจะได้ร่วมกันคิดว่าเราจะร่วมกันปกป้องสถาบันหลักทั้ง3 ที่ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย จากนักการเมืองและนักปลุกม๊อบที่ชอบแอบอ้างสถาบันฯ แบบไร้สติเช่นนี้ ได้อย่างไร
ประเทศไทยเรา เสียโอกาส และเสียเวลา ให้กับคนจำพวกนี้มาเยอะเกินไปแล้วครับ
พี่เต่านามีชื่อจริงว่า มล.มิ่งมงคล โสณกุล มีศักดิ์เป็นพี่สาวต่างมารดาของ มล.อภิมงคลฯ สส.ของพรรค ปชป. เและเธอเป็นบุคคลที่ทีมงานของผมชื่นชอบ โดยหลายคนบอกกับผมว่า "เธอช่างกล้า" เหมือนกับเด็กชายฮีโร่ ในหนัง 2+2=5 และพี่เต่านายังได้กรุณาแชร์ความคิดเห็นจากเฟสบุ๊คของผมหลายครั้ง ต้องกราบขอบพระคุณพี่ครับ (วันนี้ถ้ามีแฟนเพจผมเข้าไปเยี่ยมในเพจพี่เยอะอย่าพึ่งรำคาญนะครับ)
พี่เต่านาพูดว่า "รักที่สุดคือในหลวง" เช่นเดียวกับที่พสกนิกรไทยที่จงรักภักดีทั่วประเทศพูดกัน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็กล้าพูดต่อไปอีกว่า "ห่วงที่สุดคือคนที่รักในหลวงจนเสียสติ" ดังที่ลงหน้าปกของหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ตามรูปที่ผมโพสต์ให้ดู ซึ่งมีเนื้อหาอย่างย่อ ตามลิ๊งค์นี้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME16TXhOekk0TUE9PQ%3D%3D§ionid
บทสัมภาษณ์ตามลิ๊งค์นี้
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME1qazNOelUwTWc9PQ%3D%3D§ionid
และถ้าอยากเข้าไปดูโดยตรงจากเฟสบุ๊คของเธอก็ตามลิ๊งค์นี้ครับ
http://www.facebook.com/taona.sonakul
กลุ่มคนที่พี่เต่านาถึงกับเอ่ยปากว่า "ห่วงที่สุด"นี้ เขาไม่ได้เป็นคนที่ไม่ดีอะไรนะครับ เพียงแต่เขาตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ของนักการเมืองเลวๆ และกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากการจัดม๊อบ ที่ชอบแอบอ้างสถาบันฯ ปั่นหัวผู้คนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหาแนวร่วม มาต่อต้านฝ่ายตรงข้ามเพื่อเอาชนะกันทางการเมือง จนบ้านเมืองวุ่นวายถึงขั้นแทบจะ "กู่ไม่กลับ" กันในวันนี้
กลุ่มคนที่มีแนวคิดไม่ยอมรับในสถาบันฯ เขาก็มีแนวความคิดของเขาแบบนี้ มาตั้งแต่สมัยไหนกันแล้ว แต่ก็เป็นแค่ความคิดเห็นของคนกลุ่มเล็กๆ ที่ถูกจำกัดกันอยู่ในวงแคบๆ ไม่เคยสามารถที่จะระคายเคือง สถาบันอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของพี่น้องคนไทยได้เลย หากไม่มีนักการเมืองเลวๆมาปั่นหัว โดยมีกลุ่มคนที่พี่เต่านาบอกว่า "ห่วงที่สุด"นี้ ตกเป็นเหยื่อ
คำถามคือ ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่ "คนที่รัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แบบมีสติ" น่าจะได้ร่วมกันคิดว่าเราจะร่วมกันปกป้องสถาบันหลักทั้ง3 ที่ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย จากนักการเมืองและนักปลุกม๊อบที่ชอบแอบอ้างสถาบันฯ แบบไร้สติเช่นนี้ ได้อย่างไร
ประเทศไทยเรา เสียโอกาส และเสียเวลา ให้กับคนจำพวกนี้มาเยอะเกินไปแล้วครับ
"ทักษิณปลื้มกอดพานทองแท้" ดีใจพร้อมหน้าครอบครัววันเกิด!
เก็บตกภาพงานเลี้ยงวันเกิด พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ค่ำวันที่ 26 กรกฏาคม 2555 ที่โรงแรมมิร่า เกาลูน ฮ่องกง
ขอขอบคุณภาพจากคุณนุช พจมาน
โพลล์ชี้ "ความเชื่อมั่นนายกฯพุ่ง 64% และ นายกฯทุ่มเททำงานพุ่ง 63%"
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี |
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ประเด็นข่าวร้อน ผลงานยอดเยี่ยม และต้องปรับปรุงของรัฐบาล กับพฤติกรรมคนไทย ความหวัง และความกลัว ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 2,229 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 - 28 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน ความคลาดเคลื่อนร้อยละ 7 พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.2 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์
เมื่อสอบถามข่าวที่กำลังให้ความสนใจติดตามในช่วง 7 วันที่ผ่าน พบว่า
ร้อยละ 91.6 สนใจข่าว ราคาสินค้า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ข่าวเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง
ร้อยละ 72.3 ข่าวโรคระบาด มือ เท้า ปาก
ร้อยละ 68.9 สนใจข่าว ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ร้อยละ 65.5 สนใจข่าว แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ร้อยละ 60.1 สนใจข่าวเปิดกีฬาโอลิมปิค คนไทยได้ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิค
ร้อยละ 57.8 สนใจข่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เข้ารับการเกณฑ์ทหาร
ร้อยละ 54.6 สนใจข่าว กฎหมายปรองดอง
ร้อยละ 53.2 สนใจข่าว วันเกิด พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร
ร้อยละ 52.9 สนใจข่าว ฟื้นฟูเยียวยาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยน้ำท่วม
และร้อยละ 50.5 สนใจข่าวปราบปรามยาเสพติด
เมื่อสอบถามถึงผลงาน “ยอดเยี่ยม” ใน 5 อันดับแรก ตลอด 6 เดือนของปี 2555 ที่ผ่านมา พบว่า
ร้อยละ 63.3 ระบุเป็นภาพลักษณ์ ดูดี ความพยายามทุ่มเททำงานหนักของนายกรัฐมนตรีหญิง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ร้อยละ 61.6 ระบุเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และการรักษาประชาธิปไตย
ร้อยละ 54.8 ระบุความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ร้อยละ 48.2 ระบุการแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ
และร้อยละ 47.3 ระบุการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และนักลงทุนต่างชาติ ตามลำดับ
เมื่อถามถึงผลงานที่ต้องปรับปรุงของรัฐบาลใน 5 อันดับแรก ตลอดช่วง 6 เดือนของปี 2555 พบว่า
ร้อยละ 86.9 ระบุราคาสินค้า น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าครองชีพ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน
ร้อยละ 70.5 ระบุปัญหายาเสพติด อาชญากรรม แหล่งมั่วสุมในชุมชนที่พักอาศัย
ร้อยละ 69.3 ระบุปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้
ร้อยละ 62.5 ระบุการเยียวยาฟื้นฟูบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ร้อยละ 58.1 ระบุปัญหาคุณภาพเด็กและเยาวชน ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความหวัง กับ ความกลัวที่จะก้าวไปข้างหน้าภายใต้การนำของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า
ร้อยละ 64.5 ยังมีความหวัง ที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า
ร้อยละ 35.5 มีความกลัวต่อเหตุการณ์ข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น และเมื่อพิจารณาแนโน้มความหวัง กับความกลัวที่เคยสำรวจเมื่อปลายปีที่แล้ว พบว่า ประชาชนมีความหวังเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 53.8 ในเดือนธันวาคมปี 54 มาอยู่ที่ร้อยละ 64.5 ในการสำรวจครั้งนี้ ในขณะที่ความกลัวลดลงจากร้อยละ 46.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 35.5 ตามลำดับ
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
“ทวิตภพ” เดือดทะลุจอ “บก.ลายจุด” ประกาศฟ้องหมิ่นประมาท @BaBYxxxEviL
ข้อความทวิตเตอร์หมิ่นประมาทของ "นาว" โปรดอ่านจากล่างขึ้นบน |
ข้อความประกาศดำเนินคดีทางกฏหมายของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ โปรดอ่านจากล่างขึ้นบน |
Go6tv (28 กรกฎาคม) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ได้เขียนข้อความในโปรแกรมทวิตเตอร์ประกาศว่าจะดำเนินคดีกับบุคคลหนึ่งที่ใช้ชื่อไอดีกว่า @BaBYxxxEviL หรือที่มีชื่อเล่นในแวดวงทวิตว่า “นาว”
เรื่องขอความดุเดือดเผ็ดร้อนในทวิตนี้เกิดขึ้น เมื่อผู้ใช้ไอดี @BaBYxxxEviL ได้เขียนข้อความพาดพิงนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และครอบครัวไปจนถึงบิดาผู้ล่วงลับของนายสมบัติ ในทำนองว่านายสมบัติ และครอบครัว ไม่เอาใจใส่ดูแลบิดา ทอดทิ้งจนบิดาเสียชีวิตคาบ้านหลายวันจึงพบศพ ซึ่งนายสมบัติได้เขียนข้อความตอบกลับว่า ตนและพี่น้องครอบครัวอยู่ดูแลบิดาจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต มิได้เป็นไปดังที่ถูกกล่าวหา จึงประกาศขอให้สิทธิ์ทางกฎหมายประกาศดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับบุคคลดังกล่าว
นายสมบัติได้เผยแพร่ภาพ ซึ่งเชื่อว่าเป็นภาพของบุคคลที่ใช้ไอดี @BaBYxxxEviL และประกาศว่าหากใครมีข้อมูลที่สามารถบอกชื่อและที่อยู่เพื่อใช้ในการดำเนินคดี ก็ขอให้ติดต่อมายังนายสมบัติได้โดยตรง เพื่อจะใด้ใช้เป็นหลักฐานต่อไป
รวมคลิป-ภาพประวัติศาสตร์ "เยี่ยมคนไกล แบบไร้อภิสิทธิ์ชน กับพานทองแท้" โดยทีมงาน go6tv
วินาทีประวัติศาสตร์ ท่านทักษิณ ชินวัตร พร้อมครอบครัวเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง
แฟนเพจพานทองแท้ เข้าอวยพรวันเกิดท่านทักษิณ ชินวัตร เช้าวันที่ 26 กรกฎาคม 2555
แฟนเพจน้ำตาคลอ อ่านกลอนที่คุณพ่อแต่งและฝากมาอ่านให้ท่านทักษิณ ชินวัตรฟัง
คุณโอ๊ค-พานทองแท้ กล่าวขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมอย่างสนุกสนาน
เสื้อแดงฮ่องกง ทราบข่าวท่านทักษิณมาฮ่องกง จึงมาอวยพร
ลัดดาวัลย์และทีมเสียงสตรีเข้าอวยพรวันเกิดท่านทักษิณ ชินวัตร
หลานสาวบอกปู่ทักษิณ "ปู่กลับบ้านไวๆนะครับ"
ยศวริศย์ ชูกล่อม เข้าพบอวยพรท่านทักษิณ ชินวัตร
นักธุรกิจฮ่องกงเข้าพบต้อนรับท่านทักษิณ ชินวัตร
แฟนเพจอ่านกลอนอวยพรวันเกิด ทักษิณ ชินวัตร
ปาฎิหาริย์มีจริง แฟนเพจท่านหนึ่ง อธิษฐานพระประจำตัวขอให้ได้พบท่านทักษิณ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.414393635278207.106027.100001227226028&type=1
ภาพทัวร์พานทองแท้ชุด 1
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.414409931943244.106031.100001227226028&type=3
ภาพทัวร์พานทองแท้ชุด 2
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.414416325275938.106033.100001227226028&type=3
ภาพทัวร์พานทองแท้ชุด 3
ในนามทีมงาน go6tv ขอกราบขอบพระคุณ ฯพณฯ ท่าน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ให้โอกาสทีมงานเข้ากราบอวยพรในโอกาสวันเกิด และเข้่าร่วมงานเลี้ยงรับรอง
ขอขอบคุณคุณพานทองแท้ ชินวัตร และทีมงานทุกท่านที่ได้ให้โอกาสเดินทางบันทึกภาพทัวร์ครั้งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้
ฮือฮา! "ควีนอลิซเบธและเจมส์บอน" กระโดดร่มเปิด "โอลิมปิค 1012"
(Reuters)
The Queen of England made her film debut in style, getting escorted to the Olympics by James Bond and parachuting into Olympic Stadium from a helicopter in a short film shown at Friday night's Opening Ceremony.
Movie magic was responsible for the death-defying jump -- both Bond actor Daniel Craig and the 86-year-old monarch were portrayed by stunt doubles for the live shot, of course. But that was indeed Queen Elizabeth sitting in her quarters, welcoming James Bond and accepting his invitation to the Olympics in Danny Boyle's three-minute film.
Nitpickers will point out that the film showed Bond and the Queen leaving in daylight and arriving at nightfall. And you'll notice that the Queen never was shown in the helicopter, only in Buckingham Palace with her corgis in tow. But, come on. The Queen parachuted out of a helicopter! They could have left in a Mini Cooper and arrived in a rickshaw and it wouldn't have mattered.
Bond wasn't the only character of film and literature to make an appearance at the Opening Ceremony. Mary Poppins, Lord Voldemort and Mr. Bean were all featured prominently in Danny Boyle's abstract salute to England.
วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
"ทักษิณ" ระบุ ไม่คิดแก้แค้น พร้อมร่วมมือทุกฝ่ายเพื่อประเทศเดินหน้า
27 กรกฎาคม 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(26 ก.ค.) ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีพิธีเปิดห้องสมุด “ทักษิณ ชินวัตร” โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน มีแกนนำและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการ ผอ.พรรค เพื่อไทย นายสุธรรม แสงประทุม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ตลอดจนคนเสื้อแดง ประมาณ 100 คน ภายในงานมีการแจกหนังสือ “ทักษิณ ชินวัตร ตาดูดาว เท้าติดดิน” เป็นของที่ระลึก ซึ่งเป็นหนังสือที่มีคนเขียนถึง พ.ต.ท.ทักษิณไว้นานแล้ว แต่ในหนังสือที่ระลึกที่แจกครั้งนี้มีการเพิ่มเติมบทความ เรื่อง “11 ปี ตาดูดาว เท้าติดดิน จากใจ...ทักษิณ ชินวัตร” แทรกเข้าไปเป็นหน้าแรกก่อนบทนำหนังสือ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องสมุด “ทักษิณ ชินวัตร” มีที่มาจากลูกๆของ พ.ต.ท.ทักษิณ นำโดย นายพานทองแท้ ชินวัตร ตั้งใจทำขึ้นเป็นของขวัญในวันคล้ายวันเกิดครบ 63 ปี เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เป็นนักเรียนจนถึงเป็นนายกฯ แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักคิด นักอ่าน นักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ การันตีได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำประโยชน์ให้ประเทศไทยและประชาชนมากมาย
ต่อมาเวลา 10.40 น. พ.ต.ท.ทักษิณในชุดสูทสีดำได้สไกป์จากฮ่องกงมาที่ห้องสมุดพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า วันเกิดตนมีหลายคนเดินทางมาหาถึงฮ่องกง บางคนมาแล้วกลับไปแล้ว บางคนไม่ได้มา แต่ถึงจะมาหรือไม่มาก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญอยู่ที่ใจที่ต้องร่วมกันสร้างบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ขณะนี้เป็นยุค Knowledge is power คือนำข้อมูลข่าวสารมาย่อยเป็นความรู้ ยิ่งอ่านหนังสือยิ่งมีความรู้มาก จึงอยากให้คนไทยอ่านหนังสือ ห้องสมุดแห่งนี้รวบรวมหนังสือที่ตนเคยอ่าน หนังสือที่ซื้อไว้ระหว่างเร่ร่อน 6 ปี ประชาชนจะได้รู้ว่าตนกำลังคิดอ่านอะไรอยู่ จะทยอยส่งไปให้เป็นระยะ หากกลับบ้านแล้วให้ขนไปทีเดียวมันหนัก เพราะอีกไม่กี่วันจะได้กลับบ้านแล้ว ตอนนี้ได้วีซ่าเข้าได้ทุกประเทศทั่วโลก เหลือแต่ประเทศไทยไม่รู้ใครจะออกวีซ่าให้ เลยยังไม่ได้เข้าประเทศ
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า อยากชวนสมาชิกพรรค ประชาธิปัตย์มาอ่านหนังสือในห้องสมุดแห่งนี้ จะได้รู้ว่าที่เคยคิดว่าเงินคือ power เลยแกล้งยึดเงินตนไป 60% นั้น จริงๆแล้ว power ของตนอยู่ที่ knowledge วันนี้อย่าเอานิยายมาพูดกัน ควรเอาความรู้มาคุยกัน บ้านเรานักแต่งนิยายเยอะ นักการเมือง หลายคนเป็นนักเล่านิยาย ไม่ได้เล่าความรู้ อยากให้นักการเมืองทุกซีกได้อ่านหนังสือ จะได้เล่าความรู้มากกว่านิยาย นิยายที่เน่าเป็นพิเศษมักได้รับความนิยม นักการเมืองไม่รู้คิดว่าจะดี เลยเอาเรื่องไม่เหมาะสมขึ้นบนทีวีอยู่เรื่อย สิ่งที่วุ่นวายในบ้านเมืองเพราะคนไม่รู้มากกว่าคนรู้ คนไม่รู้เสียงดังกว่า คนไม่รู้ชอบนำคนรู้ คนรู้เลยเขว ปล่อยคนไม่รู้นำ หลงทางพักใหญ่ วันนี้คนที่หลงหลบไปแล้ว เขาอายแล้วที่เผลอให้คนต้มเอา วันนี้ความจริงปรากฏ ความรู้ทำให้ความจริงให้ปรากฏ ขอให้พวกเราอย่าเล่านิยายให้ประชาชน ให้เอาความจริงความรู้ไปเล่า จะได้สร้างสรรค์ประเทืองความฉลาดให้สังคม
จากนั้นนายสมชายเป็นตัวแทนคณะผู้บริหารพรรคกล่าวอวยพรวันเกิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณประสบความสุขความเจริญ พ้นจากหมู่มาร ผู้ปองร้าย ภัย พิบัติทั้งปวง คิดสิ่งใดให้สมปรารถนา และขอให้กลับมาเป็นขวัญใจพวกเราทุกคนโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณเขียนไว้ในบทความเรื่อง “11 ปี ตาดูดาว เท้าติดดิน จากใจ...ทักษิณ ชินวัตร” มีใจความสรุปว่า ช่วงเวลา 11 ปีที่ผ่านมามีประสบการณ์ภาคภูมิใจและขมขื่นใจ ภาคภูมิใจที่พรรคไทยรักไทยสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย บริหารประเทศด้วยนโยบายดีๆมากมาย แม้ในช่วง 5 ปีที่เป็นนายกฯอาจทำอะไรไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกใจคนทุกคน แต่สิ่งที่ภาคภูมิใจคือการบริหารงานที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ประโยชน์ แต่การรัฐประหารปี 49 เป็นจุดหักเหสำคัญที่ดึงประโยชน์ออกจากประชาชน สร้างปัญหาให้ประเทศ และสังคมเดินเข้าสู่วังวนความขัดแย้ง แตกแยกอย่างรุนแรงถึงขั้นทำลายล้างกัน จนบาดเจ็บและเสียชีวิต ตนไม่ต้องการให้ความขัดแย้งดำเนินต่อไป อยากเห็นการปรองดอง ตนไม่คิดแก้แค้น พร้อมจะร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อช่วยกันแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
วันนี้ประเทศใกล้ถึงขั้นล้มเหลว ทุกกลไกในประเทศเกือบไม่สามารถทำงานได้ เพราะไม่เคารพกติกา ไม่ใช้หลักนิติธรรม มีอคติในการแก้ไขปัญหา จะนำไปสู่ปัญหาไม่รู้จบ ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือเพื่อดึงประเทศไทยคืนสู่สภาวะปกติ ซึ่งเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะนำประเทศไปสู่การพัฒนาที่แก้ไขปัญหาของประชาชน สร้างความสุข และความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับสังคมอีกครั้ง
"พานทองแท้" โพสต์รูปทัวร์เยี่ยมคนแดนไกลฯลง Facebook
27 กรกฎาคม 2555 go6TV - นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์รูปภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวจากทัวร์ "เยี่ยมคนแดนไกล แบบไร้อภิสิทธิ์ชนกับพานทองแท้" ในระหว่างวันที่ 24 - 26 กรกฎาคม 2555 ที่ฮ่องกง จำนวน 72 รูป โดยบรรยากาศภายในภาพส่วนใหญ่เป็นไปอย่างชื่นมื่น นายพานทองแท้ ใส่เสื้อสีแดงเกือบตลอดทั้งทริป ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่พบว่า เป็นการไหว้พระทำบุญ และทานอาหารร่วมกัน ระหว่างครอบครัวชินวัตร และแฟนเพจนอกจากนี้ ยังพบว่า มีผู้ถูกใจแฟนเพจของนายพานทองแท้ เกือบ 1 แสนคน โดยการแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ พบว่า อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศโดยเร็ว รวมถึงอยากไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอดจนระบุว่า ทัวร์ดังกล่าว มีความสนุก และครอบครัวชินวัตร เป็นกันเองมากที่สุดด้วย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้โชคดีทั้ง 20 คน ที่ได้ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ ต่างก็โพสต์รูปภาพในโซเชี่ยลมีเดียร์ ทั้ง Facebook และ Twitter ซึ่งได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก อาทิ อัลบั้มทริปเยี่ยมคนแดนไกลแบบไร้อภิสิทธิชน ณ ฮ่องกง by โบว์ และ NASA no.1@Hongkong by Nanni BoSs รวมถึง ช่องยูทูป อย่าง ThaiFreeNews และ go6TV
ป้ายกำกับ:
พานทองแท้
รมต.กลาโหมโชว์ "สด.9" ต้นขั้วไม่ตรงกันมัด "มาร์คใช้เอกสารราชการเท็จ"
จากกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนกระทรวงกลาโหม ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกร้องใช้เอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารวมทั้งมีเจตนาหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการปฏิบัติตัวของนายอภิสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. รับราชการทหาร พ.ศ.2497 ได้นำหลักฐาน ใบสำคัญ สด.9 ทั้งตัวจริง และ เอกสารที่ไม่อยู่ในระบบราชการมาแสดงต่อสื่อมวลชนเพื่อเป็นการยืนยัน ว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้รับการตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองเกินของกองทัพบกซึ่งเอกสารดังกล่าว ทางกองทัพได้ส่งให้กับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อนำไปตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา และจะดำเนินการส่งเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.สุกำพล ยืนยันว่าการออกมาชี้แจงในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ขอขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์ @WassanaNanuam
"พานทองแท้" ขอบคุณแฟนเพจเข้าร่วมกิจกรรม "เยี่ยมคุณพ่อที่ฮ่องกง"
go6tv (วันที่ 26 กรกฏาคม)วันนี้เวลา 11.00 น. หลังจากแฟนเพจพานทองแท้ ได้เข้ากราบอวยพรวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เสร็จสิ้นแล้ว แฟนเพจและนายพานทองแท้ ชินวัตร ได้ร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก
ในโอกาสนี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้ให้เกียรติให้สัมภาษณ์พิเศษแก่ทีม go6tv โดยนายพานทองแท้ ได้กล่าวว่า “ดีใจที่แฟนเพจมาร่วมกิจกรรม จะพยายามจัดเพิ่มอีก แต่รูปแบบอาจเปลี่ยน อาจไม่ใช่แค่มาเที่ยว แต่อาจมาศึกษาหรือรับฟังบรรยายจากท่าน”
ในขณะเดียวกัน แฟนเพจได้ร่วมกล่าวแสดงความรู้สึกถึงทริปสุดพิเศษนี้ว่าเป็นทริปที่มีความสุขที่สุด พร้อมฝากอวยพรท่านให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาวและได้กลับประเทศไทยโดยเร็ว
(รายละเอียดทั้งหมดตามคลิปข้างบน)
คลิปร้อนๆ! แฟนเพจ "พานทองแท้" กราบอวยพรท่านทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง
Go6tv (วันที่ 26 กรกฏาคม)วันนี้เวลา 10.00 น. แฟนเพจพานทองแท้ ชินวัตร จำนวน 20 คนพร้อมทีมงาน go6tv ได้เข้ากราบอวยพรปีใหม่ท่าน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่โรงแรมอินเตอร์คอลติแนนตอล ฮ่องกง
กลุ่มแฟนเพจได้กล่าวอวยพรท่าน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้มีสุขภาพแข็งแรง ได้กลับประเทศไทยโดยเร็ว ในโอกาสเดียวกันนี้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้กล่าวขอบคุณแฟนเพจทุกคนที่ให้ความรัก เข้าใจ และร่วมต่อสู้จนถึงวันนี้ พร้อมทั้งอวยพรให้แฟนเพจและทีมงานทุกคนเดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
(รายละเอียดทั้งหมดตามคลิปข้างบน)
วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
แฟนเพจหลั่งน้ำตา! อ่านกลอนอวยพร "ทักษิณ ชินวัตร" กลางเกาะฮ่องกง
วินาที "ท่านทักษิณ ชินวัตร" ปรากฏกายในงานเลี้ยงอาหารค่ำแฟนเพจพานทองแท้
แฟนคลับพานทองแท้ อ่านกลอนน้ำตาคลออวยพรท่านทักษิณ ชินวัตร
Go6tv (23 กรกฏาคม) ทีมงานรายงานสดจากฮ่องกงว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปรากฏตัวในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรมชื่อดังระดับห้าดาวบนเกาะเกาลูน โดยมีคุณ เอม พินทองทา ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ แพทองธาร ชินวัตร พานทองแท้ ชินวัตร พร้อมด้วย แป้ง อรจิรา แหลมวิไล ดารานักแสดงชื่อดัง เพื่อร่วมงานเลี้ยงเป็นเกียรติต้อนรับแฟนเพจผู้โชคดีจำนวน 20 คน ซึ่งคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมของนายพานทองแท้ ชินวัตร ก่อนที่จะถึงวันเกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึง โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
เมื่อเดินทางมาถึงแฟนเพจซึ่งรักและคิดถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาสวมกอดด้วยความรัก คิดถึง พร้อมมอบของขวัญ ของที่ระลึกต่างๆ ให้แก่ท่าน พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ พร้อมอวยพรให้มีความสุข ได้กลับประเทศเร็ววัน
แฟนเพจท่านหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้อ่านกลอนที่แต่งเองก่อนเดินทาง โดยในเนื้อหาบทกลอนกล่าวถึงประวัติการทำงานของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่อุทิศชีวิตการทำงานเพื่อประเทศชาติโดยตลอดมา แต่กลับโดนการเมืองทำร้ายอย่างหนักหน่วงจนพลัดบ้านพลัดเมือง เมื่ออ่านได้สักพักก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาร้องไห้โฮ ซบลงบนบ่าของท่านทักษิณ ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ตลอดเวลาที่แฟนคลับท่านนี้อ่านกลอน ปรากฏว่าท่านทักษิณ น้ำตาเอ่อคลอและกล่าวขอบใจอย่างซาบซึ้งพร้อมเก็บกระดาษแผ่นนนั้นไว้
ในโอกาสนี้ ทีมงาน go6tv ได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้เกียรติมอบลายเซ็นบนภาพสัญลักษณ์ของเว็บไซต์อีกด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)