นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเข้าประชุมร่วมกับเหล่าทัพเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีภายใต้พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปี 2550 มาตรา31 ในการเตือนภัยพิบัติร้ายแรง โดยให้ทุกหน่วยงานขึ้นตรงูต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อการทำงานที่เป็นเอกภาพ
"ที่เราต้องออกคำสั่งนายกฯภายใต้พ.ร.บ.ป้องก้นและบรรเทาสาธารณะภัย ก็เพื่อให้การบริหารภาวะวิกฤติเป็นไปด้วยความเป็นเอกภาพ ทุกหน่วยงานต้องรับคำสั่งและขึ้นตรงต่อนายกฯในการแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ โดยภารกิจเร่งด่วนคือการระบายน้ำของกทม. "นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวในระหว่างการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมทั้งกองทัพในการแก้ปัญหาน้ำท่วม
ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมขณะนี้ ได้สั่งให้ตั้งคณะทำงานร่วมกับกทม.ดูแลภาพรวมอย่างใกล้ชิด โดยให้กทม.เปิดประตูระบายน้ำให้เต็มที่ทุกประตู และสัมพันธ์กับประสิทธิภาพของการระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด เพื่อรักษาจุดสำคัญไม่ให้น้ำท่วมกทม.ชั้นใน
นอกจากนี้ได้สั่งการให้เหล่าทัพจัดกำลังเฝ้าระวัง บริเวณแนวคันกั้นน้ำตามโครงการพระราชดำริ และให้ตำรวจผลัดเปลี่ยนเวรเฝ้าประตูระบายน้ำทุก 2 ชั่วโมง
"ให้ทุกหน่วยงานและกทม.ดูแลจุดสำคัญที่มีผลกระทบต่อประชาชน ประกอบด้วย พระบรมมหาราชวัง โรงพยาบาลศิริราช สถานที่ผลิตไฟฟ้า น้ำประปา สนามบินสุวรรภูมิ ดอนเมืองและให้ระวังใกล้ชิดแนวคันกั้นนำบริเวณเมืองเอก รวมทั้งดูแลทางยกระดับโทลเวย์ให้ใช้การได้ไม่ติดขัด เส้นทางหลักที่เข้าสู่เมืองและการขนส่งสินค้า พร้อมหาจุดรองรับจอดรถเพิ่ม รวมทั้งดูแลรถไฟฟ้า รถไฟและที่สำคัญต้องดูแลประชาชนผู้อพยพ โดยแบ่งสายการดูแลอย่างทั่วถึง หาศูนย์อพยพโดยประสานกับเอกชนพร้อมกับแจ้งประชาชนทราบสถานการณ์ตลอดเวลา"
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้ต้องเร่งแก้ปัญหาที่คลองประปา ซึ่งมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นสูงมาก และมีปริมาณน้ำบางส่วนทะลักเข้ากรุงเทพแล้ว ซึ่งได้สั่งให้การประปาเฝ้าระวังการผลิตน้ำประปาให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น