“พงศ์พัฒน์” หวังดึง “จ่าเฉย” กลับเข้าทำงาน ช่วยกู้ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ เล็งมอบงานเชิงสัญลักษณ์ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม หวังสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดี ระบุ “จ่าเฉย” ถูกย้ายเข้ากรุไม่เป็นธรรม แถมไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวจนถูกถ่ายคลิป หรือถูกร้องเรียนเรื่องส่วย
วันนี้ (1 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมรอยัล จูบิลี่ บอลลูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) เป็นประธานการชุมนุม “ร่างแผนปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง” โดยมีข้าราชการตำรวจในสังกัดตั้งแต่ชั้นประทวนถึงสัญญาบัตรกว่า 1,500 นายเข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ยังมีนายไบรรอน ทราเวิร์น เจ้าหน้าที่ซีเครตเซอร์วิส สหรัฐอเมริกา นายลีโอนาร์ด ร็อกคา ผู้บัญชาการตำรวจชิคาโก และอดีตผู้บัญชาการตำรวจชิคาโก เข้าร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการประชุมนอกจากจะเป็นการจัดประชุมรูปแบบใหม่ซึ่งมีทั้งการ ขับเสภาตำรวจ การจัดแสดงนิทรรศการ และสถิติที่เกี่ยวข้องกับงานอาชญากรรมและเพื่อให้ตำรวจในสังกัดได้รับความ รู้เกี่ยวกับการทำงานตำรวจสมัยใหม่แล้วยังได้ให้ข้าราชการตำรวจทุกระดับช่วย กันคิด ช่วยกันทำเพื่อวางแผนการปฏิบัติ รวมทั้งข้อเสนอแนะและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามนโยบายบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริงเป็น รูปธรรม เพราะหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดมีภารกิจแยกแยะออกไปตามอำนาจหน้าที่ และหลากหลายรูปแบบเป็นการเฉพาะ
พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์กล่าวว่า ได้กำชับให้ตำรวจช่วยกันปรับภาพลักษณ์จากเดิมที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ ลูกน้องไปปฏิบัติ แต่ผู้ปฏิบัติขาดความรู้ ความชำนาญทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพจึงต้องปรับปรุงการทำงานร่วมกันใหม่เริ่ม ตั้งแต่ชั้นประทวนไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดยเริ่มจากการสำรวจเชิงคุณภาพว่าใครถนัดงานอะไร และแจกจ่ายงานไปตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยจะเน้นการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะเกิดปัญหา โดยมีสื่อมวลชนเป็นตัวสะท้อนการทำงานได้เป็นอย่างดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตำรวจคนไหนไม่ปฎิบัติตามนโยบายจะมีมาตรการลงโทษอย่างไร พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์กล่าวว่า ตำรวจนั้นแบ่งเป็นสามระดับคือ เมื่อสั่งไปแล้วก็ทำงานได้ทันที ระดับที่สองคือเฉือยชาไม่สนใจ ส่วนประเภทที่สามคือการต่อต้านไม่ปฎิบัติตาม ในทางปฎิบัติจะต้องเข้าไปพูดคุย ปรับปรุงสภาพจิตใจเพื่อให้พร้อมที่จะเป็นตำรวจอาชีพ ซึ่งถ้าทำไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่องก็จะขอให้ยื่นซองขาวออกไปดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ พร้อมคณะได้เดินทางมามาชมนิทรรศการบริเวณด้านหน้าห้องประชุม โดยหนึ่งชิ้นงานที่ถูกนำเสนอในงานนี้คือรูปปั้น “จ่าเฉย” ซึ่ง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ มีแนวคิดจะขอ “จ่าเฉย” มาปฏิบัติหน้าที่ในสังกัด บช.ก. เนื่องจากได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า “จ่าเฉย” นั้นถูกเก็บเข้ากรุ อย่างไม่เป็นธรรมเนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวจนถูกถ่าย คลิป หรือถูกร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องส่วยจึงอยากจะทำเรื่องขอกลับเข้าทำงานใน เชิงสัญลักษณ์เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและเพื่อเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับองค์กรต่อไป
นอกจากนี้ ในนิทรรศการยังมีการนำเสนอสถิติที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น คดีฆาตกรรมที่สำรวจโดย UNODC เมื่อปี ค.ศ.1998-2000 พบว่าประเทศไทยมีสถิติคดีฆาตกรรมมาเป็นอันดับหนึ่ง คือ 79.58% ส่วนการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการทำงานของตำรวจในสังกัดนั้นได้มีการนำเสนอ นโยบาย โอท็อปแห่งความดีงามของตำรวจ โดยให้นำเสนอโครงการต่างๆที่สามารถช่วยเหลือชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ยาเสพติด อาชญากรรม ซึ่งสามารถวัดผลทางวิชาการได้ โดยให้ส่งผลงานเข้ามายังคณะกรรมการระดับ บช.ก.หากโครงการใดชนะจะพิจารณารางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในโครงการนั้นๆ โดยชั้นสัญญาบัตรจะได้รับรางวัลเป็นขั้นเงินเดือน และตำแหน่ง ส่วนชั้นประทวนจะได้เป็นเงินรางวัล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น