นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงที่ห้องทานตะวัน โรงแรมเรดิสัน พระราม 9 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมถึงคลิปฉาวคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่าตนในฐานะที่เป็นเหยื่อของการยุบพรรคด้วยการใช้กฎหมายเผด็จการย้อนหลังนั้นก็เป็นห่วงศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีตุลาการบางส่วนไปมีส่วนทำให้เกิดความสงสัยว่ามีความพยายามที่จะช่วยเหลือให้พรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากการยุบพรรค เพราะในคลิปฉาวดังกล่าวมีประเด็นสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะแนวทางการสู้คดีของทีมทนายความของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้มุ่งเน้นการต่อสู้ในเรื่องพยานหลักฐานและเอกสารที่จะเป็นเครื่องชี้วัดว่าถูกผิดอย่างไร
แต่เน้นไปที่การทำลายความน่าเชื่อถือของพยานฝ่ายผู้ร้อง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวและการทำหน้าที่ของพยานฝ่ายผู้ร้อง และใช้การแถลงข่าวเป็นระยะๆ ผ่านสื่อมวลชนมากกว่าการพิจารณาคดียุบพรรคทุกพรรคที่ผ่านมา เพื่อสร้างกระแสความชอบธรรมให้กับตัวเอง ทั้งๆที่มักจะพูดซ้ำๆว่าไม่ควรสร้างกระแสหรือกดดันศาล
นอกจากนั้นยังใช้ข้าราชการ โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอไอ) มาทำลายความน่าเชื่อถือของพยานฝ่ายผู้ร้องและผู้ทำหน้าที่สอบสวนคดีนี้ ทั้งๆที่อธิบดีดีเอสไอเอง เป็นผู้แสดงบทบาทในเรื่องอื่นๆ อย่างไม่เหมาะสมบ่อยครั้ง และเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสนอให้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นคดีพิเศษ
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ในส่วนเนื้อหาการสู้คดีนั้นจะพบว่าในกฎหมายทุกฉบับระบุชัดเจนว่าให้หัวหน้าพรรคการเมืองจัดทำบัญชีงบดุลฯให้ถูกต้อง เมื่อมีการทำไม่ถูกต้อง ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่เคยเห็นชอบกับรายงานงบดุลและเป็นคนที่เห็นว่าไม่ควรยุบพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี จึงต้องนำตัวประธาน กกต. มาเป็นพยาน
“การปลดนายพสิษฐ์ จากตำแหน่งเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญหรือการออกมาบอกว่าจะดำเนินคดีว่าใครบันทึกเทปและเผยแพร่คลิปนั้นไม่สามารถลบล้างข้อความการหารือกันในคลิปได้ ดังนั้นจึงไม่ควรหลงประเด็น และศาลรัฐธรรมนูญก็ควรไปตรวจสอบว่ามีการพูดตามที่ปรากฎในคลิปจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้พูด พูดว่าอะไร มีการแต่งหน้าเลียนแบบหรือเลียนเสียงตุลาการหรือไม่ หากไม่จริงก็ให้ชี้แจงเพื่อให้ทุกอย่างได้ข้อยุติ แต่หากจริงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องทั้งหลายก็ควรลาออกจากตำแหน่ง และสังคมก็ควรช่วยกันคิดว่าตุลาการเหล่านั้นควรจะลาออกก่อนคดียุบพรรคหรือจะรอให้พิพากษาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เสียก่อนแล้วถึงค่อยลาออก แต่หากพบว่าข้อมูลทั้งหมดจริงแล้วยังไม่ลาออกจากตำแหน่งอีกในอนาคตเมื่อมีโอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ควรยุบศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยการบัญญัติให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้หมดวาระ แล้วแก้ไขที่มาขององค์ประกอบที่มาของศาลรัฐธรรมนูญใหม่ให้สามารถตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญได้แล้วสรรหากันใหม่ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญและกระบวนการยุติธรรมไว้”
ขอขอบคุณ มติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น