วันนี้ (27 ต.ค.) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.53 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ให้ข่าวทางหนังสือพิมพ์ดูหมิ่น หมิ่นประมาท และข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงการเปิดเผยคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการประชุมพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นลำดับ เช่น ในวันที่ 28 ก.ย.53 ได้มีบุคคลข่มขู่ศาลรัฐธรรมนูญ ว่า มีคลิปที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ และได้ให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์ข่าวสด ว่า “ทราบว่าเวลานี้รังสีอำมหิตได้ส่งไปช่วยไม่ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์” หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน “พี่น้องประชาชนจะได้เห็นคลิปที่แสดงให้เห็นถึงความหายนะของกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญและคนไทย จะต้องตกตะลึงกับคลิปดังกล่าว ก็คือ มีบุคคลคนหนึ่งไปรับงาน เพื่อไม่ให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับมีการบันทึกภาพเอาไว้ได้” และในหนังสือพิมพ์มติชน “ค่อยดูกันความลับไม่มีในโลก เราเชื่อว่า หากไม่มีใบสั่งใดๆ พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบไปนานแล้ว และต่อมาได้มีการเผยแพร่คลิปภาพนิ่ง ของประธานองคมนตรีนั่งอยู่กับประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในลักษณะที่ทำให้สาธารณชนหลงเข้าใจผิดไปว่า ได้มีใบสั่งไม่ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท และข่มขู่ศาลในการพิจารณา หรือพิพากษาคดีอันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139 และมาตรา 198
อีกทั้งในวันที่ 14 ต.ค. 53 ได้มีบุคคลไม่ทราบชื่อนำคลิปวิดีโอจำนวน 5 คลิป โพสต์ไว้บนเว็บไซต์ยูทูป ซึ่งในคลิปที่เปิดมีอยู่ 3 คลิป เป็นความลับการประชุมพิจารณาคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีผู้นำคลิปไปเผยแพร่ในเว็บไซต์จึงเป็นการนำความลับในราชการ ไปเปิดเผยให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับ ซึ่งสอดคล้องกับที่มีบุคคลได้กล่าวข่มขู่ศาลไว้ดังกล่าวข้างต้น อันถือได้ว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 164 การกระทำของบุคคลที่ถ่ายคลิปในห้องประชุมของตุลาการดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มาตรา 164 และมาตรา 323 นอกจากนั้น ยังมีบุคคลอื่นร่วมกระทำความผิดโดยดูหมิ่นและหมิ่นประมาทศาล โดยการให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์อีกหลายครั้งด้วยกัน ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติมอบหมายให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น และที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางประเภทราชการ ของ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เนื่องจากปัจจุบัน นายพสิษฐ์ ได้พ้นจากตำแหน่งเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะตุลาการครั้งนี้ ยังได้แสดงความเป็นห่วงต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและการดำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นกลไกสำคัญของประเทศในฝ่ายอำนาจของตุลาการ จึงได้กำหนดเป็นหลักการเกี่ยวกับหลักปฏิบัติในกรณีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ โดยให้ยึดมั่นในหลักการของการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและความมั่นคง หนักแน่น ในการดำรงรักษาความยุติธรรม ตามภาระหน้าที่ทางตุลาการของสถาบันศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ไม่มีความประสงค์ที่จะดำเนินการใดๆ อันเป็นการมุ่งตอบโต้หรือเป็นคู่กรณีกับฝ่ายใด หากจำเป็นต้องดำเนินการในเรื่องใดก็จะคำนึงถึงกระบวนการขั้นตอนตามหลักกฎหมาย เป็นที่ตั้ง ดังนั้น เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามหลักการดังกล่าวและเพื่อให้สาธารณชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถูกต้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากมีความจำเป็นต้องแจ้งข่าวสารใดให้ทราบจะได้ทำการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน เมื่อมีมติเป็นอย่างใดก็จะแถลงหรือมอบหมายให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งให้ทราบเป็นครั้งๆ ตามลำดับต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น