กองกำลังรักษาความมั่นคงของซีเรียสาดกระสุนและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่เมืองโฮมส์ทางภาคกลางของประเทศและเมืองอื่นๆ ซึ่งมีประชาชนนับหมื่นออกมาเดินขบวนบนท้องถนนหลายสายในวัน “กู้ด ฟรายเดย์” ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 75 ราย ซึ่งถือเป็นวันที่นองเลือดมากที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่การลุกฮือขึ้นของประชาชนเมื่อกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาด ลงจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก ท่ามกลางความหวั่นเกรงที่ว่าอาจมีการโจมตีประชาชนและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตในวันนี้ (23 เม.ย.) ที่เข้าร่วมพิธีศพและรวมตัวกันจนกระทั้งเกิดเป็นกลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มย่อยๆขึ้น
ทั้งนี้ประชาชนหลายหมื่นคนออกมาร่วมชุมนุมกันตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ อาทิ เมืองดูมา และเมืองฮาจาร์ อาสวัด ชานกรุงดามัสกัส เมืองฮามาส เมืองฮอมส์ เมืองบาเนียส เมืองรัคกา เมืองอิดริบ และเมืองเดอรา ยอดผู้เสียชีวิตวานนี้ ถือเป็นจำนวนมากกว่าถึงสองเท่าของเหตุนองเลือดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 37 รายทั่วประเทศ โดยก่อนหน้านี้ นายอัสซาด เคยออกโรงเตือนว่า การร่วมเดินขบวนประท้วงใดๆก็ตาม จะถูกพิจารณาว่าเป็นการบ่อนทำลายชาติ หลังจากที่เขายกเลิกกฏหมายภาวะฉุกเฉินเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
นี่ถือเป็นการส่งสัญญาณที่แน่ชัดว่ารัฐบาลเตรียมพร้อมที่จะยกระดับการตอบโต้ต่อผู้ประท้วงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุความวุ่นวายตลอด 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 300 รายแล้ว
ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย เพิ่งสั่งยกเลิกกฎหมายฉุกเฉิน แต่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ออกมาแสดงพลังเรียกร้องเสรีภาพกลับถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงยิงด้วยแก๊สน้ำตาในการชุมนุมที่ชานกรุงดามัสกัสและอีก 2 เมืองทางทิศตะวันออก ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงยิงแก๊สน้ำตามาจากตึกสูงไปยังผู้ชุมนุมร้องตะโกนคำว่าเสรีภาพและพระเจ้า พร้อมกับโบกธงชาติซีเรียผืนยักษ์ ส่วนที่เมืองเดรา มีรายงานว่าประชาชนอีกหลายพันคนชุมนุมเรียกร้องให้ล้มล้างระบอบการปกครองของประธานาธิบดีอัสซาด
รายงานข่าวแจ้งว่า นับตั้งแต่เริ่มการประท้วงมาตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ในเมืองเดรา มีผู้ชุมนุมกว่า 220 คนถูกสังหาร ในจำนวนนี้รวมผู้ชุมนุม 21 คนที่ถูกสังหารในสัปดาห์นี้ที่เมืองโฮมส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น