กองโฆษกหน่วยสื่อและการตอบโต้อย่างรวดเร็ว ในสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ขอแถลงการณ์ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (เสื้อเหลือง) ได้กล่าวในรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์ เอเอสทีวี วันที่ 20 สิงหาคม 2553 ได้กล่าวหมิ่นประมาทอย่างหยาบคายแก่ ผู้นำอันเป็นที่รักและเคารพ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ซึ่งทำให้เกิดการยุยงความเกลียดชังต่อต้านประชาชนแห่งกัมพูชา จุดเริ่มต้นสร้างศัตรูระหว่างชาวกัมพูชาและชาวไทย เขา(สนธิ) กำลังพิสูจน์ได้ว่ากำลังเป็น คนเพ้อเจ้อ ไร้สติ ปลุกปั่นพวกหูหนวกตาบอดไปทำการเคลื่อนไหว ที่สร้างความเกลียดชังของ สนธิ ลิ้มทองกุล ในการต่อต้านกัมพูชา รัฐบาลของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้มีส่วนรู้เห็นและสนับสนุนความเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มที่เป็นอาชญากรรม ฉะนั้น รัฐบาลนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับผิดชอบทั้งทางด้านจริยธรรมและทางการเมืองซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต
มันไร้ค่าที่จะกล่าวว่าคนโง่งี่เง่าอย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวอะไรบ้างในเอเอสทีวี โฆษกของหน่วยงานสื่อและการตอบโต้อย่างรวดเร็ว ขอเน้นย้ำ และแจ้งเตือต่อสาธารณะดังนี้
1.สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นที่น่ายกย่องเป็นที่รักอย่างสุดซึ้ง และเป็นที่เคารพของประชาชนกัมพูชา ขึ้นสู่อำนาจในฐานะผู้นำรัฐบาลผ่านการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และยุติธรรม โดยการลงคะแนนเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ และโดยการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ของสมาชิกพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party -CPP)
2.สมเด็จฯ ฮุน เซน เป็นรัฐบุรุษได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นผู้รักในสันติภาพและสร้างสันติภาพ เขาได้รู้ซึ้งมีประสบการณ์เพียงพอต่อสงครามอันเลวร้าย ซึ่งเขาได้ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของประชาชนและประเทศกัมพูชากับยุคฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง ในความเป็นจริง เขาได้สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวกัมพูชา ต่อสู้เพื่อความเป็นอิสรภาพของชาติ อธิปไตย และสมบูรณภาพเหนือดินแดน ยกระดับกัมพูชาในระดับภูมิภาคสู่การเข้าร่วมเป็นกลุ่มอาเซียน สำหรับเวทีนานาชาติ กัมพูชาได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว เป็นประเทศซึ่งนำความยุติธรรมมาสู่เหยื่ออาชญากรรมละเมิดสิทธิมนุษยชน ผ่านองค์คณะผู้พิพากษาพิเศษของศาลกัมพูชาที่ก่อตั้งร่วมกันระหว่างกัมพูชาและสหประชาชาติ ต่อการอุทิศตัวเพื่อสันติภาพอันเป็นที่ประจักษ์ต่อนานาชาติ สมเด็จฯ นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์และรางวัลสากลอื่นอีกจำนวนมาก และเขาเป็นสมาชิกเต็มขั้นของ the Academy of Natural Sciences
3.สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นพุทธศาสนิกชนผู้ยึดหลักไม่นิยมความรุนแรง เป็นผู้นำการจัดเทศกาลประเพณีทางพุทธศาสนา ให้ความใส่ใจต่อนักบวชสูงอายุทั่วประเทศ
4.ในความเป็นจริง กษัตริย์นเรศวร (King Noreso of Thailand) ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์กัมพูชา ระหว่างที่สยามมีราชการสงครามกับพม่า หลังจากสยามเติบโตเข้มแข็งขึ้น สยามลืมว่าใครเป็นผู้มีบุญคุณและประพฤติตัวคล้ายจระเข้ในนิทานพื้นบ้านกัมพูชา (คล้ายนิทานชาวนากับงูเห่าของไทย) ซึ่งถูกไฟเผาไหม้เกือบถึงแก่ความตาย และได้กราบกรานร้องขอชาวนาให้ช่วยชีวิตและไปส่งยังบึงน้ำ ในการสนองคุณชาวนา จระเข้ยืนยันจะกินชาวนาโดยอ้างเหตุผลว่ามัดมันแน่นเกินไประหว่างหามมันไปส่งที่บึง นี่เป็นวิถีซึ่งสยามประพฤติ วิถีซึ่งสยามยึดดินแดนของกัมพูชา เช่น จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เป็นต้น
5.การมอมเมาโดย สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งได้ถูกพิสูจน์ว่าไม่ประสบความสำเร็จเลยตราบถึงปัจจุบัน ได้เปลี่ยนเป็นการสร้างความเกลียดชังโดยไอ้บ้าเสียสติ ผู้ซึ่งสมองถูกทำลายด้วยกระสุนไทยสำหรับการอวดผยองยกย่องตัวเอง ดังที่โฆษกหน่วยสื่อได้กล่าวไว้ข้างต้น “ใครหว่านพืชในสายลม ย่อมเก็บเกี่ยวความวุ่นวาย” ดังนั้น สนธิ ลิ้มทองกุล จะถูกกระหน่ำและร่วงหล่นโดยผู้มีอำนาจทางการเมืองของไทย สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ใช่มนุษย์อีกกต่อไป เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นสัตว์ร้าย พูดจาอย่างโหดเหี้ยม ไร้ยางอายในเรื่องไร้สาระ
โฆษกหน่วยงานสื่อ เตือนผู้นำทางการเมืองของไทยอีกครั้ง ว่า ให้ยุติการรณรงค์ประชดประชันที่มุ่งร้าย การเสนอแนะและการพิจารณาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่กัมพูชา โดยยกระดับปัญหาปราสาทพระวิหารบนพื้นฐานของแผนที่ซึ่งไม่มีที่มาที่ไป ทำขึ้นฝ่ายเดียวและไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และการสร้างความรู้สึกเป็นศัตรูของคนไทยต่อกัมพูชาเพื่อสนองเป้าประสงค์ส่วนตัวทางการเมืองท่ามกลางความขัดแย้งในหมู่นักการเมืองไทยและการแบ่งแยกอย่างลึกซึ้งของสังคมไทย
โฆษกหน่วยงานสื่อ เตือนอย่างหนักแน่นต่อรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เตือน สนธิ ลิ้มทองกุล ให้หยุดการกระทำที่ทำให้ภาพอาณาจักรไทย ทั้งอาณาจักรเป็นอาณาจักรคนป่าเถื่อน ซึ่งคิดถึงแต่ความรุนแรง การฆ่าฟัน ป่าเถื่อนอย่างการ “ตัดหัวเสียบประจาน” ในวิถีทางสังคมและการเมือง ท้ายที่สุด โฆษกเตือนอย่างหนักแน่นต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ดำเนินการในทันทีเพื่อหยุดยั้ง สนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อสัมพันธภาพอันดีของทั้งสองประเทศในอนาคต ด้วยเหตุผลเรียบง่ายที่ว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ โดยแท้จริงเขาเป็นสัตว์ร้ายป่าเถื่อน สนธิ ลิ้มทองกุล เหมาะแก่การหา “ตะกร้อ” (ขลุม) มาครอบปาก และเก็บรักษาไว้ในสถาบันบุคคลอันตรายและก่อกวน
ต้นฉบับแถลงการณ์โดยกัมพูชา ทั้งฉบับภาษาเขมรและอังกฤษ ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น