วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม: เมื่ออำนาจรัฐ ถูกปล้น


www.go6tv.com, กรุงเทพ.
โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ได้ออกบทความใหม่หัวข้อ การ “เมื่ออำนาจรัฐถูกปล้น” เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา มีใจความส่วนหนึ่งว่า.....
" ในประเทศไทยมีลักษณะเฉพาะ ในยุค 50 สิ่งสำคัญแรกสุดในมุมมองของประชาคมโลกต่อการแก้ปัญหาความไม่มั่นคงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือการใช้วิธีการทางการเมืองที่ไม่ได้คำนึงถึงจริยธรรม อย่างแรกคือการต่อสู้กับกลุ่มคอมมิวนิสต์ และเมื่อไม่นานมานี้คือลดอิทธิพลของสาธารณรับประชาชนจีน โดยสหรัฐได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินอย่างมากต่อกลุ่มอำมาตย์ในประเทศไทย แม้ว่าในเวลานั้นรับบาลไทยจะใช้ระบบที่กดขี่ประชาชนแค่ไหนก็ตาม ผลก็คือประเทศเดียวที่สามารถกดดันและผลักดันให้ประเทศไทยไปสู่แนวทางประชาธิปไตยได้นั้น ไม่ได้มีความสนใจที่จะทำเช่นนั้น และในประเทศไทยนั้น พื้นฐานของ “การปล้นอำนาจรัฐ”มีเล่ห์อุบายที่ซับซ้อนกว่าประเทศรัสเซียหรือกัวเตมาลา ประเทศเหล่านี้ การปล้นอำนาจรัฐตั้งอยู่บนพื้นฐานของเงินและกองทัพอย่างชัดเจน แต่การปล้นอำนาจรัฐในประเทศไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเชื่อในสิ่งที่เหนือธรรมชาติและกระบวนการล้างสมอง กว่าร้อยปีที่ผ่านมา หน้าที่หลักของระบบการศึกษาไทยและสถาบันทางศาสนาคือการหลอกลวงประชาชนให้เชื่อว่าความเหลื่อมล้ำทางอำนาจและรายได้นั้นคือสิ่งที่ “เป็นธรรมชาติ” และคำกล่าวนั้น ทำให้เชื่อว่ากลุ่มอำมาตย์เหล่านั้นมีสิทธิตามธรรมชาติที่จะทำอะไรก็ได้เพราะได้ทำกรรมที่ดีกว่าและกระทำคุณงามความดีที่มากกว่าคนทั่วไป

โศกนาถกรรมที่เกิดขึ้นใน 4ปีที่ผ่านมา อาจจะเผยให้เห็นว่ากลุ่มอำมาตย์ในประเทศไทยสามารถรักษาอำนาจของกลุ่มตนโดยการใช้วิธีการสุดขั้วและจนตรอกอย่างการทำรัฐประหาร ยึดสนามบิน ปิดกั้นข่าวสารอย่างรุนแรง คุมขังนักโทษทางการเมืองหลายร้อยคน ใช้อำนาจฉุกเฉิน สังหารหมู่ประชาชนเท่านั้น และยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าจะมีการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง เหตุผลที่วิธีการเหล่านี้มีความจำเป็นเพราะกระบวนการล้างสมองประชาชนได้ล้มเหลว ประชาชนไม่เชื่อในคำโฆษณาชวนเชื่ออีกต่อไป และหลายคนต้องการที่จะทวงประเทศของพวกเขาคืน

กว่าสองทศวรรษผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า ระบอบประชาธิปไตยใช้ได้ผลกับประเทศกำลังพัฒนาไม่เป็นไปอย่างที่ชาวตะวันตกกลัว แต่ข้อเท็จจริงคือจุดสูงสุดของคลื่นประชาธิปไตยในต้นยุค 90 ได้ถอยหลังลงคลองแสดงให้เห็นว่าความเชื่อในเรื่อง “จุดสิ้นสุดของประวัติศาสตร์” ไม่เป็นความจริง ความเสื่อมของระบอบประชาธิปไตยที่ประชาคมโลกได้เห็นในสองศตวรรษที่ผ่านมา ย้ำให้เห็นเราต้องระมัดระวังอย่างจริงจังว่าไม่มีชัยชนะใดที่ถาวร และเมื่อเราได้ความเป็นประชาธิปไตยมา เราจะต้องปกป้องเสรีภาพนั้นอย่างจริงจัง ประชาชนไทยกำลังจารึกประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยอันยาวนานหน้าใหม่ โดยทวงคืนอำนาจรัฐจากกลุ่มอำมาตย์เผด็จการที่ไร้ยางอาย และนี่จะเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนให้ประชาคมโลกเห็นว่ากระบวนการการทวงคืนและเรียกร้องสิ่งเหล่านั้นทำกันอย่างไร..."

อ่านบทความเต็มเพิ่มเติมได้จาก
http://robertamsterdam.com/thai/?cat=7

ไม่มีความคิดเห็น: