วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บทลงโทษ "การเมืองใหม่"



www.go6tv.com กรุงเทพฯ การเมืองใหม่ได้รับบทเรียนจากความหยิ่งผยอง ความกล้าบ้าบิ่นปิดสนามบิน อ้างเบื้องสูง จนวันนี้ประชาชนได้อดทนเพียงพอกับพรรคการเมืองใหม่แล้วก็สั่งสอนเรียบร้อยผ่านการเลือกตั้ง สก. สข. กรุงเทพมหานครในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


ลำพังผลการเลือกตั้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างใด เพราะเมื่อไม่มีพรรคการเมืองทางเลือกเด่นๆ แน่นอนกระแสก็ไหลกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคคนกรุงเทพฯอยู่แล้ว แม้เพื่อไทยจะสูญพันธ์ไปเลยจากกรุงเทพ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างไรเพราะใครๆก็อ้างได้ว่า "เสื้อแดงเผาเมือง" สลักไว้แล้วบนหน้าผาก

แต่ความแปลกอยู่ที่ พรรคการเมืองใหม่ ก่อร่างสร้างตัวมาจาก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมกลุ่มชนนั้นสูง ชนชั้นกลางอย่างมีระบบที่สุด จนดึงเอาพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมเดินเกมส์จนชนะ ไล่ทักษิณหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ

เมื่อการเมืองใหม่ลงเลือกตั้ง ก็สมควรอย่างยิ่งที่พรรคการเมืองใหม่จะต้องได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากคนกรุงเทพฯ และคะแนนเสียงของเพื่อไทยและ ปชป.บางส่วนควรไหลเข้าไปในพรรคการเมืองใหม่

แต่ผลการเลือกตั้งมันบอกว่า ภาพลวงตาของการปิดทำเนียบ ที่ขนคนภาคใต้มาปิด ภาพการปิดสนามบิน ขนสารพัดมาไล่ล่า ตลอดจนการไปปิดช่อง ๑๑ และไล่ล่ายิงปืนฆ่าคน ขับรถทับตำรวจได้ โดยไม่มีความผิดใดๆ ไม่มีแม้แต่หมายเรียกสักใบ ภาพลวงตาทั้งหมดนั้นมันจบไปแล้ว


เพราะอะไรฤา

พรรคปชป. มีฐานเสียงมั่นคงในภาคใต้ และเมื่อปิดทำเนียบ ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ คนเดือนร้อนจริงไม่ใช่คนภาคใต้ แต่เป็นคนกรุงเทพฯ คนกรุงเทพที่สนับสนุนสนธิ ลิ้มทองกุล จำลอง ศรีเมือง ปฏิเสธไม่ได้ คนที่เสียหาย เสียชื่อคือ พันธมิตร ไม่ใช่ ปชป. เพราะ หัวหน้าพรรค ปชป.และพลพรรคไม่เคยเหยียบกรายไปสุวรรณภูมิช่วงโดนปิด ไม่ให้มีภาพตนเองบนสื่อเลย ดังนั้น เวลาคนกรุงเทพด่า ไม่ได้ด่า ปชป. แต่ด่า กกม. แม้อาจจะดูเป็น "อีแอบ" ไม่ค่อยเป็นลูกผู้ชายนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า พรรคดัดจริตก็ต้องไปกันได้กับคนเลือกที่ดัดจริตพอกัน (ดัดจริตไม่ใช่คำด่า แต่มุ่งให้ความหมายที่ดูเทียบเคียงได้ชัดเจน) คนกรุงเทพห่วงตึกมากกว่าห่วงชีวิตคน ปกป้องผลประโยชน์ตนชนิดฆ่ากันตายได้เพื่อผลประโยชน์ เงินทองจากธุรกิจตน นั่นก็แล้วแต่มุมมอง แต่พรรคนี้เขาพูดเก่ง โพไฟล์ดี ก็ต้องยกให้เขา

พรรคเพื่อไทย ยังไงก็ตาม คนกรุงมากกว่า เจ็ดสิบเปอร์เซนเชียร์ ปชป.เพราะเป็นคนไล่ทักษิณกับมือกับปาก มีหรือจะเปิดทางให้เพื่อไทยได้เหยีบกรุงเทพ แม้คนกรุงจะกาคะแนนให้ ปชป. รัอยเปอร์เซน ได้เป็น สก.สข.หมด แต่ยังจะรอดูคะแนนดิบ เพราะเอามาคำนวนได้ว่าในร้อยเปอร์เซน เป็นคนกาให้ ปชป.เท่าไร เพื่อไทยเท่าไร. จะเห็นว่า คะแนน เพื่อไทยแทรกเป็นยาดำอยู่ทุกพื้นที่มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่เขต ต่อให้เพื่อไทยหายไปหมดจากเลือกตั้ง สก. สข. ก็ไม่ได้มีผลใดๆ เพราะฐานใหญ่ของเพื่อไทยคือ เหนือกับอิสาน และกลางบางส่วน อย่างไรก็ตามความพ่ายแพ้ในศึกนี้ในข้อหา "เผาเมือง" ก็ควรอย่างยิ่งที่จะนำมาเป็นบทเรียนแก้ไขของพรรคเพื่อไทยด้วยว่าจะใช้กลยุทธ์ใดต่อสู้ในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ในอีกสองปีถัดไป

พรรคการเมืองใหม่ อันนี้เกิดใหม่โดยยืมปลาจากบ่อเพื่อน ตอนนี้เองคนเริ่มขาสั่น เพราะต้องยอมรับว่า พื้นที่กรุงเทพคือฐานที่แข็งแรงมากที่สุดของ กกม. กกม.มีทั้งทีวีทั้งวัน วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร แถมเจ้าของเป็นเจ้าพ่อสื่อตัวยง ยังไม่สามารถเบียดเข้ามาได้เลยแม้แต่เก้าอี้เดียว ทั้ง สก.และสข. จริงๆ คะแนนเสียงคราวนี้ ใครกุมแค่หลัก หนึ่งหมื่นได้ก็แทบจะลอยลำได้เป็น สก.สข.กันแล้ว และพอมองคะแนนคราวนี้เห็นภาพรวมๆ แล้วว่า มีคะแนนประมาณ สิบห้าเปอร์เซนจากคะแนนคนมาลงคะแนนทั้งหมด นั่นหมายถึงทั้งกรุงเทพมีคนมาลงคะแนนให้ กกม.ประมาณ สองแสนห้าไม่เกิน เป็นคะแนนดิบที่น่าคิด เพราะยังได้น้อยกว่าเมื่อคราว "หม่อมปลื้ม" ลงผู้ว่าฯ กทม ที่ได้ไปสามแสนกว่าๆๆ ทั้งที่หน้าใหม่ แต่นี่ กกม. ไฮโพรไฟล์ ชื่อดี นามเพราะ ผลงานเด่นไปทั่วโลก ที่สำคัญ ยึดมั่นความจงรักภักดี รักชาติรักพระวิหารมากกว่าใครๆในแผ่นดิน แต่ทำไมคนกรุงเทพใจร้ายเจียดคะแนนให้แค่ สองแสนเศษทั่วกรุงเทพมหานคร ขนาดป้ายหาเสียงยังอาจหาญ เอาภาพการปิดทำเนียบไปใช้หาเสียง โดยไม่สำเนียกรู้สึกกันสักนิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้ขนาดนี้

นี่คือการบ้านหนักให้ กกม.ไปคิด


ไม่มีความคิดเห็น: