วันที่ 7 พ.ค. เว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศชั้นนำของโลกต่างรายงานผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นสภาพนายกฯ จากกรณีแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เป็นข่าวใหญ่ เช่น บีบีซีรายงานว่า คำวินิจฉัยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการเมืองซึ่งเริ่มต้นเมื่อกลุ่มต่อต้านรัฐบาลจัดการชุมนุมประท้วงกดดันให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ลาออกตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่ผ่านมา อาจกระตุ้นให้เกิดการประท้วงของผู้สนับสนุนรัฐบาลจำนวนมากในต่างจังหวัด
นายไมเคิล มอนเตซาโน จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ กล่าวว่า ประวัติศาสตร์จะจดจำน.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้มีความอดทนที่จะไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งที่ตกอยู่ภายใต้ความกดดันมาตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่ผ่านมา และพยายามรักษาเกียรติในตำแหน่ง แสดงถึงความมีมนุษยธรรมมากกว่าหยิ่งทะนงภายใต้ความกดดันสูงมาก
สำนักข่าวเอพี สหรัฐวิเคราะห์ว่า คำวินิจฉัยของศาลครั้งนี้เสมือนชัยชนะของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงและประชาชนในกรุงเทพฯและภาคใต้ที่เรียกร้องรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและความเคลื่อนไหวโดยไม่ได้แก้วิกฤตของประเทศ และเป็นก้าวแรกนำสู่ความรุนแรงอีกครั้ง
เว็บไซต์นิตยสารไทม์วิเคราะห์ว่า คำวินิจฉัยนี้เปรียบเสมือนการเติมพลังให้กับกลุ่มกปปส.และพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงปูทางให้เกิดการประท้วงบนถนนอีกครั้ง เช่นเดียวกับซีเอ็นเอ็นรายงานคำให้สัมภาษณ์นายพอล กวายา ผอ.บริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯว่า ดูเหมือนปัญหาใหญ่จะตามมา พร้อมเรียกร้องไม่ให้จัดการประท้วงในบริเวณใกล้เคียงกันเพราะเสี่ยงเกิดความรุนแรง
ด้านนิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า คำวินิจฉัยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ปี 2549 ที่มีคำสั่งให้บุคคลซึ่งเป็นนายกฯที่เกี่ยวพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง ครั้งนี้มีความวิตกเรื่องความรุนแรงตามมาเพราะกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่มีอาวุธยังคงขวางเส้นทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการหลายแห่งในกรุงเทพฯ ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 10 พ.ค. ที่จ.นครปฐม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น