เมื่อวันที่ 7 พ.ค.เวลา 16.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้สิ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรี ว่า
ตนได้ทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
เพื่อพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งเรื่องเศรษฐกิจ
เรื่องการสร้างสมดุลให้ระบบเศรษฐกิจ
รวมถึงด้านสังคมที่มุ่งสร้างความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน
เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างของผู้ที่มีรายได้น้อย
เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
รวมถึงการพัฒนาให้ประเทศไทยมีบทบาทอยู่ในเวทีของอาเซียนเพื่อเป็นศูนย์กลางก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
"ยืนยันว่าดิฉันและรัฐบาลตั้งใจ
ทุ่มเท ทำงานเพื่อประชาชน ตามที่ประชาชนได้ไว้ใจเลือกเรา
โดยยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เคยมีพฤติกรรมส่อทุจริตหรือการเอื้อประโยชน์ให้อื่นผู้ใด
หรือฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอย่างที่กล่าวหา เพราะเรามีการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายเรื่องการทุจริตเสมอมา"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรี
กล่าวอีกว่า ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณข้าราชการที่สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลตลอด 2 ปี
ที่สำคัญขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้ใจ ตนและคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ได้รับใช้ประชาชนตลอดมาและกำลังใจที่ให้ตลอดการทำงานไม่ว่า
จะอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก ช่วงที่เดือดร้อนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
สังคมหรือเหตุการณ์ทางการเมืองก็ได้รับกำลังใจเสมอมา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ตนมีกำลังใจในการทำงานและทำงานด้วยความทุ่มเท
ทุกครั้งที่ทำงานเป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ทุกๆ นาที ทุกๆ วันอยู่บนความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นายกฯ
ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน
และก้าวเข้าสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีมาด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
ซึ่งตนภูมิใจที่ได้ทำงานในหน้าที่นี้ด้วยความตั้งใจและทุ่มเท
ต่อไปนี้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดตนขอเดินตามเส้นทางประชาธิปไตย ยึดมั่นในหลักนิติรัฐ
นิติธรรม สุดท้ายนี้ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งไหน ขอยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทย
ตลอดไป
เมื่อถามว่า
นายกฯ วางอนาคตทางการเมืองและคิดว่าจะเล่นการเมืองอีกหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์
กล่าวว่า วันนี้เร็วไปที่จะตอบคำถามนี้ เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อถามว่าคิดว่าได้รับความยุติธรรมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า
ไม่ขอให้ความเห็นวันนี้เพราะต้องรอคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการก่อน
วันนี้ไม่อยู่ในวิสัยที่จะวิพากวิจารณ์ใดๆ
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การทำงานยึดหลักระบบคุณธรรมจริยธรรมมาตลอด
และเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้รับใช้พี่น้องประชาชนหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม
เชื่อมั่นว่า
ไม่ว่าสถานะไหนเราจะเคียงข้างประชาชนและยืนยันจะรับใช้ประชาชนไม่ว่าสถานะไหนก็ตาม
เพราะตนเป็นเด็กต่างจังหวัดมีความผูกพันกับประชาชน และที่สำคัญเป็นคนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงาน
ว่า ขณะที่แถลงนายกฯตาแดงและมีน้ำตาคลอเบ้า และภายหลังแถลงข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์
พร้อมด้วยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
ได้ออกไปพบกลุ่มเครือข่ายสตรีเสรีไทยรักษาและปกป้องประชาธิปไตยแห่งชาติ กว่า 400
คน ที่นำโดย นายสิงห์ทอง บัวชุม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนางมยุเรศ
โคตรชมพู ประธานชมรมเสียงสตรี จ.หนองคาย ที่มารอให้กำลังใจ โดยตัวแทนสตรีภาคอีสาน
กล่าวว่า "วันนี้ขอให้สู้ ๆ พวกเราพร้อมเลือกผู้หญิงคนนี้เป็นนายกฯอีก
บอกเรามาว่าเลือกตั้งวันไหนจะไปเลือก แต่วันนี้ขอให้เข้มแข็งไว้
เราพร้อมจะอยู่ข้างนายกฯ"
จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์
ได้เดินกลับเข้ามาภายในอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อขึ้นรถส่วนตัวเดินทางกลับ
โดยมีบรรดาคณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่ มายืนรอส่งขึ้นรถกลับ
โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวขอบคุณทุก ๆ
คนที่ได้ร่วมทำงานและฝ่าฟันอุปสรรคกันมา ทั้งนี้ก่อนขึ้นรถ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ได้โบกมือเรียกหานายนิวัฒน์ธำรงซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุยกับรัฐมนตรีคนอื่น
ก่อนจะขอจับมือเหมือนเป็นการส่งมอบงานต่อ ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามว่า ในวันที่ 8
พ.ค.จะเจอกันที่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โบกมือพร้อมปฏิเสธ ว่า
"พรุ่งนี้คงไม่เจอ" ก่อนที่จะขึ้นรถกลับออกไปในเวลา 16.25 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น