วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พ่อค้าเขียงหมูสุดทน! ขึ้นป้ายชัด "บ้านนี้ขายแต่หมู ไม่ขายใบกระท่อม"

พ่อค้าหมู่สุดทนมีบ้านอยู่ในชุมชนต้นหว้า เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดเกือบทุกบ้านยึดอาชีพขายกันพืชกระท่อมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน วัยรุ่นเข้าใจผิดมาขอซื้อที่บ้านของตัวเองเป็นประจำ จึงติดป้ายขนาดใหญ่บ้านนี้ไม่ขายท่อม..ขายหมูไว้หน้าบ้านป้องกันการเข้าใจผิด.แฉเป็นแหล่งมั่วสุมหลากหลายปัญหา

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 6 ก.พ. 2557 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าบ้านเลขที่ 127/11 ถนนซอยต้นหว้า ต.โพธิ์เสด็จ เขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช มีป้ายไวนิลขนาดใหญ่จำนวน 3 แผ่น ติดหน้าบ้านข้อความว่า บ้านนี้ไม่ขายท่อม ขายแต่หมูจนเป็นที่สนใจของคนที่ขับรถผ่านไปมา หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ 2 คูหาติดกัน บริเวณหน้าบ้านมีรั้วเหล็กเป็นแนวยาวเต็มพื้นที่หน้าบ้าน โดยมีช่องประตูเหล็กขนาดเล็กอยู่ตรงกลางเพื่อเปิดเข้าออก บริเวณริมรั้วหน้าบ้านมีการนำป้ายไวนิลข้อความบ้านนี้ไม่ขายท่อม..ขายแต่หมูมีการพิมพ์รูปหมูตัวอ้วนนอนอยู่หน้าข้อความ ขายแต่หมูมาติดไว้กับรั้วและเสาไฟฟ้า นอกจากนี้ยังติดป้ายข้อความเดียวกันกับรั้วหน้าบ้านอีก 2 แผ่น จนเป็นที่สนใจของผู้คนที่ผ่านไปมา

นายสมพร สงวนโรจน์ อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่าตนมีอาชีพขายหมูมานานประมาณ 10 ปี เปิดเขียงหมูในตลาดหัวอิฐ และได้มาสร้างบ้านหลังดังกล่าวอยู่อาศัย 8 ปีแล้ว แต่เนื่องจากในชุมชนต้นหว้า โดยเฉพาะในย่านริมถนนสายนี้มีปัญหาเรื่องยาเสพติดรุนแรงมากชุมชนหนึ่ง ถนนสายนี้มีบ้านเรือนปลูกเป็นแถวทั้งสองฝั่งเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป รวมทั้งวัยรุ่นที่มั่วสุมยาเสพติดว่าเป็นแหล่งจำหน่ายยาเสพติดหลายประเภท ที่แพร่ระบาดรุนแรงมากที่สุดคือ พืชกระท่อม

โดยในละแวกใกล้เคียงบ้านของตนก็มีบ้านอยู่หลายหลังที่แอบขายพืชกระท่อมกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามากวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่อง บางรายถูกตำรวจจับกุมไปแล้ว 4-5 ครั้ง ผู้ที่ถูกจับกุมก็ประกันตัวออกมาและยังไม่เข็ดหลาบยังคงขายพืชกระท่อมเหมือนเดิม ประกอบโทษที่ได้รับต่ำมากส่วนมากส่วนใหญ่ศาลแค่สั่งปรับหรือรอลงอาญา หรือจำคุกแค่ 1-2 เดือน เมื่อพ้นโทษก็จะยึดอาชีพขายพืชกระท่อมเหมือนเดิม

นายสมพร สงวนโรจน์ กล่าวอีกว่า คนที่มาซื้อยาเสพติดโดยเฉพาะพืชกระท่อมจะเข้าใจผิดมาขอซื้อที่บ้านของตนอย่างต่อเนื่อง จนครอบครัวของตนรู้สึกว่าได้รับผลกระทบ ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ และถูกมองจากสังคมรอบข้างว่าบ้านตนแอบขายพืชกระท่อมด้วย ตนและลูกเมียจึงตัดสินใจปิดรั้วบ้านตลอด 24 ชม. แต่ก็ยังมีคนมาตะโกนเรียกขอซื้อพืชกระท่อมเป็นประจำ ตนจึงลงทุนทำป้ายไวนิลข้อความ บ้านนี้ไม่ขายท่อม..ขายแต่หมูจำนวน 3 แผ่นมาปิดประกาศไว้หน้าบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกที่แวะเวียนมาหาซื้อพืชกระท่อมเข้าใจผิดมาขอซื้อพืชกระท่อมที่บ้านของตน หลังจากนำป้ายไวนิลข้อความดังกล่าวมาติดไว้ก็ไม่มีใครแวะเวียนมาขอซื้อพืชกระท่อมที่บ้านของตนอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานชุมชนตนหว้าเป็นชุมชนที่เรื่องยาเสพติดอย่างรุนแรงมากที่สุดชุมชนหนึ่งในเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช โดยเป็นแหล่งซื้อขายพืชกระท่อมแหล่งใหญ่ที่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง และมีการทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันเพื่อแข่งขันกันค้าพืชกระท่อม หรือที่เรียกกันภาษาปักษ์ใต้ว่า ท่อมก่อนนี้ถึงกับมีการเขียนข้อความตัวใหญ่ ๆ บนถนนว่าทางไปบ้านขายพืชกระท่อม นอกจากนี้ยังเกิดความขัดแย้งในการค้าพืชกระท่อมและยาเสพติดอื่น ๆ ในชุมชนต้นหว้า ทำให้การทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ เสียชีวิตไปแล้วหลายราย ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชนและประชาชนในชุมชนเป็นอย่างมาก หลายครอบครัวตั้งหน้าตั้งตาขายพืชกระท่อมและยาเสพติดอื่น ๆ กันแต่แต่ปู่ ย่า ตา ยาย ลงมาจนถึงรุ่นลูกหลานอายุไม่ถึง 10 ขวบ

เด็กและเยาวชนจำนวนมากเสียอนาคต ต้องออกจากโรงเรียนทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบระดับประถมศึกษา มั่วสุมยาเสพติด มั่วสุมทางเพศ ก่อเหตุอาชญากรรมเล็กเล็กขโมยน้อย โดนในชุมชนยังเด็กผู้หญิงอายุ 13-15 ปีถูกคนในครอบครัวล่วงละเมิดทางเพศจนตั้งครรภ์ คลอดลูก และจำใจอยู่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ กลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนวนเวียนอยู่ในลักษณะนี้มาตลอดกว่า 20 ปีซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวข้อน่าจะบูรณาการเข้าไปแก้ไขปัญหาในชุมชนต้นหว้าอย่างจริงจัง.

ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
6 ก.พ. 2557


เครดิต  https://www.facebook.com/photo.php?fbid=632225440146455&set=a.632225270146472.1073742526.100000770139657&type=1&theater

ไม่มีความคิดเห็น: