พ่อค้าหมู่สุดทนมีบ้านอยู่ในชุมชนต้นหว้า เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช
ชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดเกือบทุกบ้านยึดอาชีพขายกันพืชกระท่อมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน –วัยรุ่นเข้าใจผิดมาขอซื้อที่บ้านของตัวเองเป็นประจำ
จึงติดป้ายขนาดใหญ่“บ้านนี้ไม่ขายท่อม..ขายหมู”ไว้หน้าบ้านป้องกันการเข้าใจผิด.แฉเป็นแหล่งมั่วสุมหลากหลายปัญหา
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 6 ก.พ. 2557
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าบ้านเลขที่ 127/11 ถนนซอยต้นหว้า ต.โพธิ์เสด็จ
เขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช มีป้ายไวนิลขนาดใหญ่จำนวน 3 แผ่น
ติดหน้าบ้านข้อความว่า “บ้านนี้ไม่ขายท่อม ขายแต่หมู” จนเป็นที่สนใจของคนที่ขับรถผ่านไปมา
หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ 2
คูหาติดกัน บริเวณหน้าบ้านมีรั้วเหล็กเป็นแนวยาวเต็มพื้นที่หน้าบ้าน
โดยมีช่องประตูเหล็กขนาดเล็กอยู่ตรงกลางเพื่อเปิดเข้าออก บริเวณริมรั้วหน้าบ้านมีการนำป้ายไวนิลข้อความ“บ้านนี้ไม่ขายท่อม..ขายแต่หมู” มีการพิมพ์รูปหมูตัวอ้วนนอนอยู่หน้าข้อความ
“ขายแต่หมู” มาติดไว้กับรั้วและเสาไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังติดป้ายข้อความเดียวกันกับรั้วหน้าบ้านอีก 2 แผ่น
จนเป็นที่สนใจของผู้คนที่ผ่านไปมา
นายสมพร สงวนโรจน์ อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน
เปิดเผยว่าตนมีอาชีพขายหมูมานานประมาณ 10 ปี เปิดเขียงหมูในตลาดหัวอิฐ
และได้มาสร้างบ้านหลังดังกล่าวอยู่อาศัย 8 ปีแล้ว แต่เนื่องจากในชุมชนต้นหว้า
โดยเฉพาะในย่านริมถนนสายนี้มีปัญหาเรื่องยาเสพติดรุนแรงมากชุมชนหนึ่ง
ถนนสายนี้มีบ้านเรือนปลูกเป็นแถวทั้งสองฝั่งเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป
รวมทั้งวัยรุ่นที่มั่วสุมยาเสพติดว่าเป็นแหล่งจำหน่ายยาเสพติดหลายประเภท
ที่แพร่ระบาดรุนแรงมากที่สุดคือ “พืชกระท่อม”
“โดยในละแวกใกล้เคียงบ้านของตนก็มีบ้านอยู่หลายหลังที่แอบขายพืชกระท่อมกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามากวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่อง
บางรายถูกตำรวจจับกุมไปแล้ว 4-5 ครั้ง
ผู้ที่ถูกจับกุมก็ประกันตัวออกมาและยังไม่เข็ดหลาบยังคงขายพืชกระท่อมเหมือนเดิม
ประกอบโทษที่ได้รับต่ำมากส่วนมากส่วนใหญ่ศาลแค่สั่งปรับหรือรอลงอาญา หรือจำคุกแค่
1-2 เดือน เมื่อพ้นโทษก็จะยึดอาชีพขายพืชกระท่อมเหมือนเดิม”
นายสมพร สงวนโรจน์ กล่าวอีกว่า
คนที่มาซื้อยาเสพติดโดยเฉพาะพืชกระท่อมจะเข้าใจผิดมาขอซื้อที่บ้านของตนอย่างต่อเนื่อง
จนครอบครัวของตนรู้สึกว่าได้รับผลกระทบ ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ
และถูกมองจากสังคมรอบข้างว่าบ้านตนแอบขายพืชกระท่อมด้วย
ตนและลูกเมียจึงตัดสินใจปิดรั้วบ้านตลอด 24 ชม.
แต่ก็ยังมีคนมาตะโกนเรียกขอซื้อพืชกระท่อมเป็นประจำ ตนจึงลงทุนทำป้ายไวนิลข้อความ “บ้านนี้ไม่ขายท่อม..ขายแต่หมู”
จำนวน 3 แผ่นมาปิดประกาศไว้หน้าบ้าน
เพื่อป้องกันไม่ให้พวกที่แวะเวียนมาหาซื้อพืชกระท่อมเข้าใจผิดมาขอซื้อพืชกระท่อมที่บ้านของตน
หลังจากนำป้ายไวนิลข้อความดังกล่าวมาติดไว้ก็ไม่มีใครแวะเวียนมาขอซื้อพืชกระท่อมที่บ้านของตนอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานชุมชนตนหว้าเป็นชุมชนที่เรื่องยาเสพติดอย่างรุนแรงมากที่สุดชุมชนหนึ่งในเขตเทศบาลนคร
นครศรีธรรมราช โดยเป็นแหล่งซื้อขายพืชกระท่อมแหล่งใหญ่ที่รับรู้กันอย่างกว้างขวาง
และมีการทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันเพื่อแข่งขันกันค้าพืชกระท่อม
หรือที่เรียกกันภาษาปักษ์ใต้ว่า “ท่อม” ก่อนนี้ถึงกับมีการเขียนข้อความตัวใหญ่
ๆ บนถนนว่าทางไปบ้านขายพืชกระท่อม นอกจากนี้ยังเกิดความขัดแย้งในการค้าพืชกระท่อมและยาเสพติดอื่น
ๆ ในชุมชนต้นหว้า ทำให้การทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ
เสียชีวิตไปแล้วหลายราย ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชนและประชาชนในชุมชนเป็นอย่างมาก
หลายครอบครัวตั้งหน้าตั้งตาขายพืชกระท่อมและยาเสพติดอื่น ๆ กันแต่แต่ปู่ ย่า ตา
ยาย ลงมาจนถึงรุ่นลูกหลานอายุไม่ถึง 10 ขวบ
“เด็กและเยาวชนจำนวนมากเสียอนาคต ต้องออกจากโรงเรียนทั้งๆ
ที่ยังเรียนไม่จบระดับประถมศึกษา มั่วสุมยาเสพติด มั่วสุมทางเพศ
ก่อเหตุอาชญากรรมเล็กเล็กขโมยน้อย โดนในชุมชนยังเด็กผู้หญิงอายุ 13-15
ปีถูกคนในครอบครัวล่วงละเมิดทางเพศจนตั้งครรภ์ คลอดลูก
และจำใจอยู่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ
กลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนวนเวียนอยู่ในลักษณะนี้มาตลอดกว่า 20 ปี” ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวข้อน่าจะบูรณาการเข้าไปแก้ไขปัญหาในชุมชนต้นหว้าอย่างจริงจัง.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
6 ก.พ. 2557
เครดิต https://www.facebook.com/photo.php?fbid=632225440146455&set=a.632225270146472.1073742526.100000770139657&type=1&theater
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น