เวลา 13.00
น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ สน.ทุ่งสองห้อง
นางสาวเอื้องฟ้า เเซ่ลิ้ว อายุ 42 ปี บุตรสาว นายอะเเกว เเซ่ลิ้ว
อายุ 71 ปี
ที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงจากเหตุปะทะบริเวณเเยกหลักสี่ ตรงห้างไอทีสเเควร์
เดินทางเข้าเเจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.ท.ตฤณ พ่วงโสม พนักงานสอบสวน
สน.ทุ่งสองห้อง
ภายหลังมีคนโพสต์ข้อความใส่ร้ายว่านายอะเเกวเป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร
ลูกน้องมือขวาของสมเด็จฯฮุน เซน เเละนำกองกำลังเขมรเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย
ที่สนับสนุนฝ่ายเสื้อเเดง เเละเป็นลูกน้องของทักษิณ
นางสาวเอื้องฟ้ากล่าวว่า
ข้อความที่ถูกเผยเเพร่ทางโซเชียลมีเดีย เป็นการให้ร้ายป้ายสี ไม่มีมูลความจริง
เนื่องจากพ่อตนเป็นคนไทย มีบัตรประชาชน การโพสต์ดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
เเละเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดทั้งที่พ่อของตนได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ เเละคงต้องเป็นอัมพาต
ยังทำใจไม่ได้ในส่วนของคดีที่พ่อของตนถูกยิงบาดเจ็บ ก็มีความหวัง
อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายเพื่อมาดำเนินคดีให้ได้
เเต่ก็เผื่อใจเพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้จับผู้กระทำความผิดได้ยาก คล้ายกับปี 2553 ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้
"พ่อของตนไม่เคยเป็นทหาร เป็นคนไทยเชื้อสายจีน
เกิดเเละเติบโตอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
พอช่วงวัยหนุ่มก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯทำงานเป็นพนักงานบริษัททั่วไป
เเละปัจจุบันพ่อก็มาอาศัยอยู่กับตนที่บ้านย่านหลักสี่ 10 กว่าปีเเล้ว เเละทำอาชีพค้าขาย โดยจะเข็นรถขายน้ำหวาน
น้ำอัดลมที่บริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2 โดยยืนยันว่าพ่อไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง
เพียงเเต่มีความสนใจการเมือง ซึ่งจะติดตามข่าวสารตามหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้าน
โดยในวันเกิดเหตุ ขณะที่เกิดการปะทะกันตรงเเยกหลักสี่
พ่อเป็นห่วงที่ทำงานขายอาหารอยู่ฟู้ดเเลนด์ ภายในห้างไอทีสเเควร์
จึงได้เดินทางมาหา โดยโทรศัพท์หาเวลาประมาณ 15.30
น."
นาวสาวเอื้องฟ้ากล่าวว่า
ตอนเเรกที่พ่อโทร.หาตอนบ่าย 3 โมงกว่า บอกพ่อว่าปลอดภัยเเล้ว
อยู่หน้าห้างไอทีสเเควร์ พอตอน 4 โมงกว่า ก็พยายามโทร.หาพ่อ
โทร.ติดเเต่ไม่มีคนรับ ก็ยังไม่คิดว่าพ่อจะเป็นอันตราย จนตอน 6 โมงเย็น ทาง รพ.วิภาวดีโทร.มาบอกว่าพ่อถูกยิงบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่
รพ. รู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก
เเละเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เห็นการเผยเเพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย ว่าพ่อไม่ใช่คนไทย
เเต่เป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร ก็รู้สึกตกใจเเละเครียดมาก ทั้งที่ไม่เป็นความจริง มันเหมือนการซ้ำเติมบาดเเผลความเจ็บปวด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น