องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ
(UN Women)
นางโรเบอร์ต้า คล้าค
ผู้อำนวยการยูเอ็นวีเมน (UN Women) สำนักงานภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก
และผู้แทนประจำประเทศไทย
วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๗
ในช่วงเวลาใดที่มีการโต้แย้งทางการเมือง
ผู้หญิงที่อยู่บนเส้นทางการเมืองสามารถตกเป็นเป้าหมายของภาพเหมารวมและการละเมิดเหยียดหยามด้วยเหตุแห่งความเป็นผู้หญิง และหากยังมีเสียงเพียงจำนวนน้อย
ที่ออกมาพูดถึงความเสมอภาคและการเคารพให้เกียรติ สถานะความเท่าเทียมของผู้หญิงในสังคม
ก็ย่อมจะถูกสั่นคลอน
ประเทศไทยก็เหมือนที่อื่นๆ ในโลก
ที่ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นผู้นำทางการเมืองอยู่น้อย
ส่วนหนึ่ง
เป็นเพราะการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและวัฒนธรรมทางการเมืองที่ลดค่าของผู้หญิง
ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อการสร้างผลงาน
ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยลังเลที่จะเข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะเกรงว่าจะถูกคุกคาม
กลั่นแกล้ง และเหยียดหยามเพราะเหตุแห่งทางเพศและความเป็นผู้หญิง
ด้วยเหตุนี้
การเพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิงจึงเป็นเครื่องบ่งชี้ประการหนึ่งว่ามีความเสมอภาคระหว่างเพศหรือไม่
อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (CEDAW) ซึ่ง
ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีตั้งแต่ปี ๒๕๒๘
เรียกร้องให้มีการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงในบทบาทสาธารณะและบทบาททางการเมือง
การเลือกปฏิบัติดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีการกล่าวถึงหรือปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่เป็นธรรม
โดยมีเจตนาหรือส่งผลที่จะจำกัดหรือทำให้ผู้หญิงไม่สามารถเข้าถึงสิทธิมนุษยชน
และอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีเพราะเหตุแห่งเพศ
ความเสียเปรียบข้างต้นจะขจัดให้หมดไปได้ ก็ต่อเมื่อรัฐ ชุมชน
และปัจเจกบุคคล จะต้องเปลี่ยนแบบแผนความประพฤติทางสังคมและวัฒนธรรมของผู้ชายและผู้หญิง
ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความคิดเกี่ยวกับความต่ำต้อยหรือความสูงส่งของอีกเพศหนึ่ง
ในบริบทสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน นับเป็นความน่ากังวลอย่างยิ่งยวด
ที่ได้พบว่ามีการใช้ภาษาที่เหยียดหยามก้าวร้าวต่อผู้หญิงด้วยเหตุแห่งเพศและความเป็นผู้หญิงเพื่อแต้มต่อในวาระทางการเมือง
ข้อความแสดงความเห็นและภาพอันมีเนื้อหาดูถูกเหยียดหยามทางเพศและหลู่เกียรติลดค่าของผู้หญิง
ด้วยเหตุแห่งเพศและบทบาทของความเป็นผู้หญิงนี้
ไม่ควรจะเป็นที่อดทน และไม่ควรได้รับการส่งเสริม
ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอยู่มาก
ทั้งในด้านกฎหมายและนโยบายเพื่อสร้างหลักประกันส่งเสริมให้ผู้หญิงมีพลังและสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ ความก้าวหน้าดังกล่าวจะเพิ่มขยายต่อไปได้
ก็ต่อเมื่อผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทสร้างสรรค์กระบวนการทางการเมืองและการบริหารจัดการ
ทั้งในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนตัว
เพื่อให้สิ่งเหล่าเกิดขึ้นได้
เราต้องมีสภาวะแวดล้อมที่เคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีของทุกๆ คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น