“วันนั้น
ข้อเท็จจริง คือผู้ใหญ่บ้านสุโส๊ะ ได้เล่าให้ฟัง เป็นจริงครับ
ม็อบเค้าไปปิดล้อมขณะที่ในมัสยิด กำลังปฏิบัติศาสนกิจ จนต้องยุติไปจริง”
“ ขณะนี้ กระแสข่าวการปิดมัสยิดนี้
เกิดปฏิกิริยากว้างขวางในหมู่ศาสนิกชนจำนวนมาก
เพราะการกระทำดังกล่าวนี้เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อศาสนามุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คนที่อยู่ในม็อบนั้นมีลักษณะมึนเมา
ซึ่งในหลักศาสนาแล้ว การดื่มเหล้านั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้ามอยู่แล้ว แต่นี่คนเมา
กลับไปข่มขู่คุมคามในศาสนสถานอีกจึงเป็นบาปอย่างยิ่ง”
“ผมไม่รู้ว่าคนที่ไปก่อเหตุเป็นใคร
ผู้ใหญ่บ้านก็เรียกชาวบ้านมาให้ดูว่ารู้จักม็อบเหล่านั้นไหม ก็ปรากฏว่าไม่มีใครรู้จัก ไม่รู้ว่าคนในพื้นที่หรือเปล่า เค้ายิงปืนแล้วก็บอกว่าหากไม่หยุดจะโทรไปตามคนมาให้เยอะขึ้นอีก
ผู้ใหญ่บ้านก็เลยต้องเรียกคนในหมู่บ้านมาช่วยกันเฝ้าดูมากขึ้น ดูแล้วไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่นี่เป็นการกระทำที่เลวร้ายที่คุกคามศาสนาสถาน
อย่าลืมว่าศาสนาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ได้อยู่ในวังวนขัดแย้งทางการเมือง การที่ม็อบมาปิดโรงเรียน ปิดมัสยิด
ไม่ให้ปฏิบัติศาสนกิจจึงเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและศาสนิกชน”
ที่สำนักงานคณะกรรมการกลางประจำจังหวัดสงขลา
จะมีแถลงการณ์ประนามการกระทำในครั้งนี้ และจะแจ้งให้พี่น้องมุสลิมทุกคนอดทน
อดกลั้น เพื่อไม่ต้องการให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ส่วนที่ทางกรุงเทพนั้น ท่านจุฬาราชมนตรีทราบแล้ว มีความห่วงใยมาก ไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะมีแถลงการณ์ประณามการกระทำที่เลวร้ายนี้ในนามของสำนักจุฬาราชมนตรี
หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น