วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

3 เงื่อนไขวัดใจ "สุขุมพันธ์" ยอมเสียอธิปไตย "กรุงเทพ" ให้ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"

เพิ่มคำอธิบายภาพ

วันที่ 27 ธันวาคม 2555 (go6TV)  ลือเบื้องหลังเจรจาต่อรองวินาทีสุดท้าย สุขุมพันธ์ถูกบีบ 3 เงื่อนไข ก่อนคณะกรรมการบริหารพรรคจะเคาะชื่อ "สุขุมพันธ์ บริพัตร" เป็นผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ในนามพรรคประชาธิปัตย์

ในขณะที่ห้องกรรมการบริหารพรรค ปชป. กำลังหน้าดำเคร่งเครียดเคาะชื่อผู้ลงสมัครผู้ว่าฯ โดยมีผู้ถือดาบอาญาสิทธิ์อยู่ 19 คน

แต่คะแนนผลการลงมติที่ออกมา ชนะแบบไม่เกินครึ่ง คือ
9 คะแนน สนับสนุน สุขุมพันธ์ บริพัตร
6 คะแนน สนับสนุน กอรปศักดิ์ สภาวสุ
1 คะแนน สนับสนุน อภิชัย เตชะอุบล และ
1 คะแนน สนับสนุน ประกอบ จิรกิตติ
1 คะแนน งดออกเสียง
1 คะแนน งดออกเสียงฐานะประธาน

ดูเผินๆ เหมือนคณะกรรมการบริหารพรรค จะเทคะแนนส่วนมากให้สุขุมพันธ์

แต่ปรากฏว่า 9 คะแนนของสุขุมพันธ์นั้นแยกออกมาเป็น 2 กอง คือมี 5 เสียงที่ย้ายข้างจาก กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ซึ่งมีฝ่ายหัวหน้าพรรคแก๊งไอติมสนับสนุนอยู่ 6 เสียงอยู่แล้ว  5 เสียงนี้ เป็นเสียงของ สส.สังกัดภาคใต้ภายใต้การควบคุมของสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยมีชื่อ ชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ถาวร เสนเนียม  เฉลิมชัย ศรีอ่อน  นิพนธ์ บุญญามณี และ อัญชลี วานิชเทพบุตร  ห้าเสียงนี้ ย้ายจากฝั่งกอร์ปศักดิ์ มายกมือให้สุขุมพันธ์ โดยที่ฝ่ายสุขุมพันธ์เอง มีต้นทุนในมือจริงๆแค่ 4 เสียงเท่านั้น

การย้ายข้างมายกมือให้สุขุมพันธ์นั้น ไม่ใช่การพิศวาสปรารถนาอะไรกับหม่อมสุขุมพันธ์ เป็นพิเศษ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ที่จะเกิดใน “ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร” ในอีก 4 ปีข้างหน้า
โดยมีเงื่อนไขว่า:

1.       สุขุมพันธ์ และพรรคพวกต้องยินดีปรับโครงสร้างพรรคร่วมกับสุเทพ เทือกสุบรรณ สลายกลุ่มกรรมการบริหารพรรคปัจจุบัน ซึ่งจะมีวาระการปรับปฏิรูปโครงสร้างพรรคในอีกสองปีข้างหน้า ให้โควตาในพรรค อิงกับจำนวน สส.ในแต่ละภาค ซึ่งจะทำให้ สส.ภาคใต้ มีเสียงดังเป็นกรรมการบริหารพรรคได้มากขึ้น  เพราะปัจจุบัน สส.กรุงเทพ หรือแก๊งไอติม มี สส.เพียงแค่ 1/4 ของ สส.โดยรวม แต่ได้เก้าอี้กรรมการบริหารพรรคไปถึง 7 เก้าอี้จาก 19 เก้าอี้

2.      สุขุมพันธ์ ยินดีจะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ จะเลิกตั้งตนเป็น “รัฐอิสระ” ในพรรค ปชป. และจะฟังเสียงกรรมการบริหารพรรคให้มากขึ้น

3.      สุขุมพันธ์ ยินดีให้ทีมงานของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้ามามีโควตาในเก้าอี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2 เก้าอี้ และเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ และโฆษกกรุงเทพมหานครได้ ตามความเหมาะสม

นี่คือสามเงื่อนไข ในวินาทีฉุกเฉิน ที่สุขุมพันธ์ ต้องกัดฟันรับสัญญาใจ กับสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยนายสุเทพวางแผน กรีฑาทัพ สส.เลือดใหม่ลูกหลานเพื่อนพ้องตนจากภาคใต้  เข้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. และตำแหน่งทางการเมือง ดูแลงบประมาณบริหารมากกว่า 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

เงื่อนไขที่ยอมเสียแทบหมดตัวของหม่อมสุขุมพันธ์ แลกกับการได้นั่งเก้าอี้ต่อสมัยที่ 2 โดยเอาอิสรภาพของ กทม.ทั้งจังหวัด ซึ่งเป็นหัวใจกรุงเทพ ไปยกไว้ให้กับ สส.ภาคใต้ โดยที่วันนี้ คนที่แพ้หมดรูปอีกคน เจ็บใจมากกว่าไม่น้อยก็คือ  “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”  ผู้กุม 7 เก้าอี้ แต่กดปุ่ม “กอร์ปศักดิ์” ไม่ได้

นี่คือการตัดสินชัดเจนในคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันนี้ “อภิสิทธิ์” รอวันเป็นหิ่งห้อยอับแสง ในขณะที่ สส.ภาคใต้ ภายใต้ร่มเงาของสุเทพ เทือกสุบรรณ กลับขยายกิ่งก้านตัวเองจาก “สุราษฏร์ธานี” โน้มมือมากุมหัวใจ “กรุงเทพมหานคร” ไว้ได้โดยที่เจ้าพ่อ “ชวน หลีกภัย” นั่งมองตาปริบๆ ด้วยความเจ็บปวด ที่เสียอำนาจที่ฝากไว้กับอภิสิทธิ์ ไปให้สุเทพ เทือกสุบรรณแล้วโดยสิ้นเชิง

หัวหน้าพรรคคนต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์ จะมาจากภาคใต้ ชื่อจุรินทร์ ที่สุเทพกดปุ่มได้  มุ้ง สส.กรุงเทพล่มสลายแล้วในวันนี้

ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 เราจะได้ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ คนใหม่ชื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”

ไม่มีความคิดเห็น: