วันที่ 11 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) นายวสิษฐ เดชกุญชร สมุนอำมาตย์คนล่าสุด ได้เขียนบทความเผยแพร่ โดยมีจุดประสงค์ข่มขู่รัฐบาลให้กลัวการชุมนุมของกลุ่ม "พิทักษ์สยาม" โดยเน้นว่าการชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายน ของกลุ่มพิทักษ์สยาม จะก่อให้เกิด "วันมหาวิปโยค" โดยมีรายละเอียดบทความดังนี้
อยากเห็นวันมหาวิปโยคอีกหรือ ?
โดย วสิษฐ เดชกุญชร
องค์กรพิทักษ์สยามซึ่งมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธาน ได้เชิญชวนให้ประชาชน ไปร่วมชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง ในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.01 น. ที่ลานพระราชวังดุสิต หรือ ลานพระบรมรูปทรงม้า
ก่อนหน้านี้องค์กรได้เชิญชวนประชาชนให้ไปร่วมชุมนุมกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ในวันอาทิตย์ที่ 28 เดือนที่แล้ว (ตุลาคม) ที่ราชตฤณมัยสมาคม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าสนามม้านางเลิ้ง
ครั้งนั้น ก่อนชุมนุมมีผู้ประมาณ (หรือสบประมาท) ว่าผู้เข้าร่วมชุมนุมคงมีจำนวนไม่เกิน 2,000 คน แต่เอาเข้าจริง ๆ ปรากฏว่าผู้ที่ไปร่วมชุมนุมมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 20,000 คน
ประธานองค์กรพิทักษ์สยามประกาศว่า การชุมนุมครั้งที่สองนี้จะเป็นการชุมนุมใหญ่ครั้งสุด ท้าย “ม้วนเดียวจบ” และวัตถุประสงค์ของการชุมนุมคราวนี้คือเพื่อ “ร่วมกันขับไล่รัฐบาลทุรยศ เป็น หุ่นเชิดนักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ทำการบริหารบ้านเมืองผิดพลาด ปล่อยให้นักการเมืองทุจริต ฉ้อฉล สนับสนุนให้มีการจาบจ้วงล้มล้างสถาบัน กู้หนี้สร้างประชานิยมจนประเทศใกล้ล่มสลาย”
ผมเข้าใจว่าการชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยาม ทั้งที่มีไปแล้ว และที่กำลังจะมีอีกในไม่กี่วัน ข้างหน้านี้ คงจะทำความกังวลใจให้แก่รัฐบาลอยู่ไม่น้อย ดังจะเห็นได้จากการที่บุคคลในคณะ รัฐมนตรีออกมากล่าวเป็นเชิงปรักปรำหรือประณามว่า การชุมนุมขององค์กรกระทำโดยการจ้างวาน และจากการที่ทนายความของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช. ซึ่งเป็น องค์กรเสื้อแดงที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนรัฐบาล ไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับ พล.อ.บุญเลิศและ คณะฐานยุยงให้ราษฎรกบฎ นอกจากนั้น นปช.ยังขู่ด้วยว่าจะออกมาจัดการชุมนุมตอบโต้
ผมไม่อยากทำนายว่าการชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยามในวันเสาร์ที่ 24 เดือนนี้จะลงท้าย อย่างไร และจะมีคนไปร่วมชุมนุมมากน้อยเพียงไหน แต่ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะไม่ประมาท เป็นอันขาด เพราะผมทราบว่า นอกจากองค์กรพิทักษ์สยามที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็น ประธานแล้ว เวลานี้มีกลุ่มที่นับว่าเป็นแนวร่วมขององค์กรพิทักษ์สยามเกิดขึ้นอีกหลายกลุ่ม
ที่สำคัญมากคือกลุ่ม “เยาวชนพิทักษ์สยาม” ซึ่งสมาชิกเป็นนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรังสิต
ที่ผมเห็นว่าสำคัญมากก็เพราะว่า ผมเคยเห็นด้วยตนเองในเดือนตุลาคม พ.ศ.2516 ว่า ประชาชนซึ่งมีนักเรียนนิสิตนักศึกษาเป็นผู้นำ สามารถล้มรัฐบาลที่มีจอมพลถนอม กิตติขจร เป็น นายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ แต่กว่าจะสำเร็จก็มีคนตายไปร่วมร้อยคน จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวทรงเรียกวันที่ 14 ตุลาคม 2516 อันเป็นวันเกิดเหตุว่า “วันมหาวิปโยค”
ผมจึงไม่อยากจะให้รัฐบาลประมาท หลงระเริงคิดว่ารัฐสภาอยู่ในกำมือของตน นึกว่าการ ชุมนุมที่เริ่มโดยองค์กรพิทักษ์สยามจะไม่สัมฤทธิ์ผล และไม่แยแสกับข้อเรียกร้องขององค์กร แต่ผม อยากจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พินิจพิจารณาข้อกล่าวหาและข้อเรียกร้องของ องค์กรพิทักษ์สยาม ด้วยใจที่เป็นธรรมและเป็นกลางจริง ๆ
หากพินิจพิจารณาอย่างที่ผมแนะนำแล้วก็คงจะเห็นว่า วิกฤตการณ์ที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ ในขณะนี้สืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลเอง (คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่นแหละครับ) ยอมให้ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร (พี่ชายของนายกรัฐมนตรี) เข้ามาวางนโยบายในการบริหารบ้านเมือง และบงการการ บริหารทุกขั้นตอน จนเป็นเหตุให้การบริหารบ้านเมืองเป็นไปอย่างผิดพลาด เปิดช่องทางหรือ เจตนาปล่อยให้มีทุจริตหรือคอร์รัปชั่น และกู้หนี้เป็นจำนวนมหาศาลมาใช้เชิงประชานิยม (แปลว่า แจกชาวบ้าน)
และที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คนไทยทนไม่ได้ จนต้องออกมาร่วมชุมนุมตามคำเรียกร้องของ องค์กรพิทักษ์สยามก็คือ รัฐบาลปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการกับผู้ที่จาบจ้วงล่วงเกินลบหลู่พระ มหากษัตริย์
ที่ผมวิตกก็เพราะผมไม่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกล้าฝ่าฝืนบงการของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ และไม่เชื่อว่า (พ.ต.ท.)ทักษิณจะเปลี่ยนใจเปลี่ยนนโยบายและเปลี่ยนการบงการของตน (พ.ต.ท.) ทักษิณคงมั่นใจว่าตนกุมอำนาจทางการเมืองไว้ได้แล้วอย่างเด็ดขาดและมั่นคง
เพราะฉะนั้น การชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยามและกลุ่มที่เป็นแนวร่วม ก็คงจะไม่ใช่การ ชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายที่จะจบใน “ม้วนเดียว” แต่คงจะยืดเยื้อและกว้างขวางออกไปอีก
และถ้ารัฐบาลปล่อยให้ นปช.เสื้อแดงออกมาชุมนุมตอบโต้จนเกิดการเผชิญหน้ากันขึ้น ผม ก็กลัวว่าองค์กรพิทักษ์สยามจะควบคุมประชาชนจำนวนหลายหมื่นไม่ได้ แล้วการปะทะกันด้วย กำลังระหว่างทั้งสองฝ่ายก็คงจะหลีกเลี่ยงได้ยาก ลงท้ายรัฐบาลอาจจะต้องใช้กำลังตำรวจและหรือ ทหารเข้าระงับเหตุ กว่าจะระงับได้ก็อาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนไม่น้อย
เหตุร้ายอย่างนี้เคยเกิดให้เห็นกันมาแล้วในปี พ.ศ.2516, 2519 และ 2535
หรือว่าเป็นเจตนาของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ ชินวัตร ที่จะให้เกิดการเผชิญหน้าและปะทะกันขึ้น ระหว่างองค์กรพิทักษ์สยามและ นปช. เพื่อรัฐบาล (ในบงการของ (พ.ต.ท.)ทักษิณ) จะได้สั่งให้ ตำรวจทหารใช้กำลังเข้าระงับปราบปราม ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็น่ากลัวว่าเมืองไทยจะหนีวันมหาวิปโยคอีกวันหนึ่งไม่พ้น และนายกรัฐ มนตรีกับรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชุดนี้ จะประสบชะตากรรมที่ไม่ต่างกับที่พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียได้ประสบไปแล้วเมื่อปีกลายนี้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น