วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"สมเด็จฮุนเซ็น" เลี้ยงอาหารค่ำ "ผู้นำประเทศ" งานประชุมสุดยอดอาเซี่ยนกรุงพนมเปญ

























วันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา วันที่ 17-20  พ.ย.ว่า  เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 พ.ย. ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งเป็นวันที่ 2 ที่ สำนักงานนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (Peace Palace) นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน -ญี่ปุ่น ร่วมกับผู้นำจากประเทศอาเซียนและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนาร่วมกัน โดยในที่ประชุมฯ นายกรัฐมนตรีได้เสนอประเด็นความร่วมมือสำคัญสำหรับอาเซียนและญี่ปุ่น โดยขอให้อาเซียนและญี่ปุ่นให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ต่อความร่วมมือ ด้านความเชื่อมโยง ซึ่งอาเซียนกำลังเร่งพัฒนาการเชื่อมโยงทั้งในภูมิภาคและเชื่อต่อไปยังกรอบอาเซียน + 3 ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการรวมกลุ่มภูมิภาคที่ก่อให้เกิดพลวัตรทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในภาพรวม


 ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนการเชื่อมโยงดังกล่าว  และในฐานะนักลงทุนสำคัญในภูมิภาค และมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตามแผนแม่บทการเชื่อมโยงอาเซียน ด้วยเทคโนโลยีของญี่ปุ่น เงินทุน และประสบการณ์จะช่วยขับเคลื่อนโครงการสาธารณูปโภคต่างๆที่เชื่อมโยงอาเซียน รวมทั้งโครงการเสริมภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-อาเซียน  ไทยมีความพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนการพัฒนากับญี่ปุ่น และพร้อมลส่งเสริมเงินทุนเพื่อการพัฒนาจำนวน  77 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ซึ่งมาตรการต่างๆนั้นรวมถึง การพัฒนาระบบภาษีตามเขตชายแดน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการค้าตามแนวชายแดน ลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ และการจัดตั้ง ASEAN Single Window ด้วย

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ขณะนี้ศูนย์ลดภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADRC) ในญี่ปุ่นและศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) ของไทย ได้หารือร่วมกันจนใกล้ได้ข้อสรุปในการจัดทำโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการอุทกภัยร่วมกัน ด้วยการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนข้อมูลและแลกเปลี่ยนทรัพยากรมนุษย์ โดยนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือเหล่านี้จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ซึ่งสำหรับความสนใจของญี่ปุ่นในการเข้ามาลงทุนเพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแนะนำระบบบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีระดับสูงและระบบการจัดการฟื้นฟูภัยพิบัติแก่ไทย ด้านการค้าการลงทุน  อาเซียนและญี่ปุ่น มีความสัมพันธ์อันดีในด้านการค้าการลงทุนมาเป็นเวลายาวนาน ทั้งยังมีการจัดตั้งความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) และแผนยุทธศาสตร์ร่วมมือเศรษฐกิจ 10 ปี ระหว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น ซึ่งจะมีส่วนอย่างยิ่งในการรับมือกับความท้าทายด้านการค้าการลงทุน รวมถึงการสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กด้วย และเพื่อเป็นการฉลองความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ครบรอบ 40  ปี ไทยมีความยินดีที่ญี่ปุ่นรับเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Commemorative) ในปีหน้า

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นแล้ว ยังได้ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ ที่จะเร่งผลักดันคณะทำงานด้านความเชื่อมโยง รวมทั้ง ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำ  การประชุมสุดยอดอาเซียน + 3  (จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) สมัยพิเศษ จะหารือด้านการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงิน ผ่านมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (CMIM) ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร การศึกษาการจัดตั้ง  East Asia Economics Community ภายในปี 2020

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย เร่งสรุปผลการเจรจาการจัดทำความตกลงการค้าบริการและการลงทุน และเร่งรัดการสร้างทางหลวงสามฝ่าย (ไทย พม่า อินเดีย) จากนั้น มีกำหนดพบหารือทวิภาคี กับ นายเต็งเส่ง ประธานาธิบดี สหภาพเมียนมาร์ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน โดยเฉพาะโครงการพัฒนาเรือน้ำลึกทวาย เพื่อช่วยชาวพม่าลดช่องว่างด้านการพัฒนาและส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในภูมิภาค

 นอกจากนี้ ยังมีการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย ผลักดันความเชื่อมโยงระหว่างกันโดยการพัฒนาทางหลวงสามฝ่าย ไทย พม่า อินเดีย และส่งเสริมความร่วมมือจากความก้าวหน้าของอินเดีย อาทิ ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การแพทย์และการศึกษา  และต่อด้วยการประชุมสุดยอดอาเซียน จีน ครั้งที่ 15 ที่อาเซียนพร้อมสนับสนุนบทบาทจีนในอาเซียน  การหารือทวิภาคี ระว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับนางจูเลีย ไอลีน กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย  และช่วงเย็น เวลาประมาณ 18.20 น.จะเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน -สหรัฐ โดยหารือความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน สิ่งแวดล้อม ความมั่นคงมนุษย์ ภัยพิบัติ เชื่อมโยงด้านไอซีที สาธารณสุข การศึกษา และพลังงาน

ไม่มีความคิดเห็น: