วันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) วันนี้
(27 พ.ย.) ที่อาคารราชนาวิกสภา พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ
เสนาธิการทหารเรือ พร้อมด้วย พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ
พล.ร.ท.พัลลภ ตมิสานนท์ ผู้ช่วยเสนาธิการฝ่ายยุทธการ พล.ร.ท.ทวีชัย บุญอนันต์
ปลัดบัญชีทหารเรือ และพล.ร.ต.นวพล ดำรงพงศ์ ผอ.สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทางเรือ
ร่วมแถลงชี้แจงกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการเรือสนับสนุนปฏิบัติการทางเรือ
และโครงการปรับปรุงเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงนเรศวร โดย พล.ร.อ.จักรชัย กล่าวว่า
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์
ผบ.ทร.ได้สั่งการให้กองทัพเรือเร่งชี้แจงกรณีดังกล่าว ซึ่งกองทัพเรือขอบคุณสภาผู้แทนราษฎรที่มีความรู้สึกที่ดีและห่วงใยกองทัพเรือในการตรวจสอบการดำเนินการ
ทั้งนี้เม็ดเงินแต่ละเม็ดกองทัพเรือได้มาด้วยความยากลำบาก
ดังนั้นการนำไปใช้ต้องมีเหตุผล และตอบสนองความต้องการด้านยุทธศาสตร์
รวมถึงการรักษาทรัพยากรทางทะเล และอธิปไตยของประเทศชาติ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้กองทัพเรือจะสอบตกไม่ได้ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม
ซึ่งยุทโธปกรณ์ดังกล่าวที่นำมาติดตั้งเราสามารถป้องกันตัวเองได้
และครอบคลุมถึงความปลอดภัยของลูกเรือ
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่มีคนในของกองทัพเรือส่งข้อมูลให้ฝ่ายการเมืองจากการเมืองภายในกองทัพเรือ
พล.ร.อ.จักรชัย กล่าวว่า ในกองทัพเรือไม่มีการเมือง
แต่ในแต่ละขั้นตอนมีคณะกรรมการเป็นจำนวนมากอาจมีความคิดคิดเห็นที่หลากหลาย
แต่เมื่อได้ข้อยุติก็ต้องถือเป็นที่สุด
ส่วนโครงการจัดหาเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือจำนวน 3 ลำ วงเงิน 553.
5 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามทางกองทัพเรือมั่นใจที่จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.)ได้ เพราะกองทัพเรือมีวินัยดี และเป็นเด็กดี
เรารู้ว่าอยู่ขณะนี้อยู่ในกระทบวนการตรวจสอบจึงไม่อยากจะพูดอะไรมาก
แต่ที่ชี้แจงในวันนี้เพราะเกรงว่าสังคมจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
“การดำเนินการของคณะกรรมการโครงการต่าง
ๆของกองทัพเรือทุกโครงการดำเนินการด้วยความโปร่งใสเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
การพิจารณาตัดสินปราศจากอคติใดๆทั้งนี้การดำเนินการในโครงการจัดหา
ยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือไม่ว่าจะเป็นโครงการปรับปรุงเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงนเรศวร
โครงการจัดหาเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ หรือโครงการอื่นๆ
ที่กองทัพเรือได้ดำเนินการไปแล้ว และที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการนั้น
กองทัพเรือจะดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่ทางราชการจะได้รับ
และผลของประเทศชาติเป็นหลัก ภายใต้กรอบงบประมาณที่กองทัพเรือได้รับจัดสรรตามขอบเขตอำนาจและหน้าที่สอด
คล้องกับระเบียบข้อบังคับของทางราชการ” พล.ร.อ.จักรชัย กล่าว
ด้านพล.ร.อ.ทวีวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของโครงการปรับปรุงเรือฟริเกต
ชุดเรือหลวงนเรศวร กรณีที่มีการระบุว่า การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์แตกต่างจากความต้องการของฝ่ายเสนาธิการในเรื่องระบบเป้าลวง
ซึ่งเป็นระบบการรบ โดยเปลี่ยนจากตราอักษร Sagem แท่นยิงแบบหมุนได้มาเป็นตราอักษร
Terma SKWS แท่น ยิงแบบหมุนไม่ได้นั้น เป็นความจำเป็น
เพราะข้อจำกัดในการติดตั้งแท่นยิงแบบหมุนได้ ต้องใช้พื้นที่และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้โครงดังกล่าวอยู่ในช่วงระยะที่ 2
ซึ่งเป็นการจัดซื้อระบบการรบ และจัดซื้อลูกอาวุธปล่อยพื้น-สู่-อากาศ แบบ ESSM
วงเงิน 3,300 ล้านบาท ประกอบด้วย ระบบการรบ 2,700 ล้านบาท และลูกอาวุธปล่อย 600 ล้านบาท
แต่จากเดิมได้มีการตกลงเป็นเงิน2,725 ล้านบาท
แต่เนื่องจากกองทัพเรือได้รับจัดสรรงบประมาณจัดหาในส่วนนี้2,700 ล้านบาท
ต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้เดิม ทำให้บริษัทต้องลดราคาลงในขั้นแรก25 ล้านบาท และลดราคาในขั้นการจัดหาอีก 1,000 บาท
รวมราคาที่ลดทั้งสิ้น 25,001,000 บาท และโครงการระยะที่ 3 จัดซื้อระบบโซนาร์ และระบบปืนรอง รวมทั้งการปรับปรุงเรือและสนับสนุน
วงเงิน 810 ล้านบาท ระบบเป้าลวง Sagem ราคาประมาณ
300 ล้านบาท แต่ระบบเป้าลวง Terma ราคาประมาณ 200 ล้านบาท บริษัท Saab AB จึงเสนอระบบ
และอุปกรณ์ชดเชย เช่น อุปกรณ์บอกค่าทิศทาง อุปกรณ์ที่ใช้จัดการสัญญาณ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่กองทัพเรือต้องการจัดหาอยู่แล้ว
คิดเป็นมูลค่าอุปกรณ์ชดเชยรวม 103 ล้านบาท
ทำให้กองทัพเรือประหยัดงบประมาณได้จำนวนหนึ่ง
กองทัพเรือโดยคณะกรรมการและหน่วยเกี่ยวข้องได้พิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุม
ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งความต้องการทางยุทธการ ขีดความสามารถของระบบแท่นยิง
รวมถึงการเชื่อมต่อระบบการรบ การบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานแล้ว
เห็นว่าการเสนอติดตั้งระบบแท่นยิงเป้าลวง Terma เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวร
จึงรับข้อเสนอจากบริษัท Saab AB
เมื่อถามถึงกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
ระบุว่า มีเงินทอน 1,000 ล้านบาท จากการจัดซื้อระบบป้องกัน พล.ร.อ.ทวีวุฒิ
กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่านายศิริโชคนำข้อมูลมาจากที่ไหน แต่คณะกรรมการทราบอยู่แล้วว่า
มีตัวเลขเท่าไร ระบบเป้าลวงมีราคาแค่ 300 ล้านบาท
จะได้เงินทอน 1,000 ล้านบาทนั้นเป็นไปไม่ได้
ข้อมูลของนายศิริโชคเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งคนอื่นอาจจะเคยทำจนเคยชิน
แต่กองทัพเรือไม่เคยทำ คณะกรรมการของกองทัพเรือทั้งหมดยืนยันว่า
การจัดซื้อระบบการรบและระบบเป้าลวง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสั่งการให้เปลี่ยนแปลงแบบการจัดซื้อ
อีกทั้งพล.อ.อ.สุกำพลยังให้กองทัพเรือชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นทุกเรื่องเป็นเรื่องของกองทัพเรือทั้งหมด
ด้านพล.ร.ท.พัลลภ กล่าวว่า
ส่วนโครงการจัดหาเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ จำนวน 3 ลำ ในวงเงิน 553.5ล้านบาท ทางกองทัพเรือยืนยันว่า
การดำเนินการเป็นไปตามข้อกำหนดตามหนังสือเชิญชวนเสนอแบบเรือ (ทีโออาร์)
ที่ได้กำหนดไว้ว่า กองทัพเรือพิจารณาให้คะแนนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้ว
โดยบริษัทมาร์ซัน จำกัด ได้เสนอเครื่องจักรใหญ่ตราอักษร Comminsรุ่น K50-M และระบบควบคุมการขับเคลื่อนตราอักษร Kobeltโดยได้ใช้หนังสือแนะนำจากบริษัท ComminsDKSH(Thailand)Ltd. ลงวันที่ 29 เม.ย. 2554
เป็นหลักฐานว่าสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องจักรใหญ่ดังกล่าวได้
ซึ่งต่อมาหลังจากประกาศผล ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ต่อสร้างเรือแล้ว
กองทัพเรือได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวอีกครั้งโดยกองทัพเรือได้มีหนังสือขอให้บริษัท
Cummins สิงคโปร์ และบริษัท CumminsIns สหรัฐอเมริกายืนยันความถูกต้องอีกครั้ง
ดังนั้นหนังสือรับรองของทั้งสองบริษัท
ไม่ได้ถือว่าเป็นการยื่นเอกสารเพิ่มเติมในภายหลัง แต่เป็นเอกสารที่ยืนยันความถูกต้องของข้อมูลเท่านั้น
พล.ร.ท.พัลลภ กล่าวต่อว่า
สำหรับกรณีข้อกำหนดว่าแบบของเรือต้องสามารถปฏิบัติงานได้ในสภาวะทะเลไม่น้อยกว่า
ความสูงของคลื่น 2.5 – 4 เมตรนั้น แบบของบริษัทมาร์ซัน จำกัด
ที่เสนอสามารถปฏิบัติงานได้ในสภาวะทะเลความสูงของคลื่นไม่น้อยกว่า 5 เมตร ส่วนแบบของบริษัทซีเครสท์ มารีน จำกัด
สามารถปฏิบัติงานได้ในสภาวะทะเลไม่น้อยกว่า
6 เมตรนั้นบริษัทซีเครสท์ มารีน จำกัด
จึงได้คะแนนในหัวข้อนี้มากกว่าบริษัทมาร์ซัน จำกัด
ดังนั้นการให้คะแนนเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และยุติธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น