วันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 (go6TV)
ที่สนามบางกอก ฟุตซอล อารีนา เขตหนองจอก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.
แถลงข่าวว่า ขณะนี้ฟีฟ่ายังไม่ได้แจ้งกทม.อย่างเป็นทางการ
ซึ่งต้องเดาใจฟีฟ่าว่าเป็นประเด็นอะไร ซึ่งตนเดาในฟีฟ่า 2
เรื่องที่มีการยกเลิกการใช้สนาม 1.เรื่องความล่าช้าการก่อสร้าง
ต้องบอกว่าสนามแห่งนี้ไม่ใช่เงื่อนไขการเป็นเจ้าภาพ
เพราะช่วงที่ฟีฟ่าเลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพไม่ได้กำหนดว่าต้องสร้างสนามแห่งนี้
แต่การสร้างสนามเป็นเงื่อนไขตามมาภายหลัง ซึ่งในปี 2553
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มอบภารกิจนี้ให้กทม.ในฐานะที่กทม.เป็นคู่สัญญาของฟีฟ่า
ซึ่งกทม.ก็ตระหนักปัญหาตั้งแต่ต้น เพราะกระทรวงการคลังเพิ่งอนุมัติงบประมาณวันที่ 17 พ.ย.2554 ซึ่งกรุงเทพฯกำลังอยู่ในภาวะน้ำท่วม
ทำให้กทม.ไม่สามารถก่อสร้างสนามได้ อีกทั้งกทม.ต้องไปช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อน
แต่เมื่อน้ำลดกทม.ก็พยายามหาผู้รับเหมาในการก่อสร้างสนามซึ่งหายากมาก
ที่สุดก็ได้บริษัท อีเอ็มซี จำกัด(มหาชน) มาลงนามการก่อสร้าง
ก่อนมีการวางศิลาฤกษ์วันที่ 24 ม.ค.2555
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า
สนามแห่งนี้ใหญ่มากมีพื้นที่ 10 ไร่
มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 3 หมื่นตารางเมตร
ซึ่งปกติกำหนดการก่อสร้างใช้เวลา 560 วัน
แต่กทม.ต้องการให้สนามแห่งนี้สร้างเสร็จใช้งานได้ในเวลา 270
วัน โดยตามสัญญาการก่อสร้างจะต้องเสร็จในเดือนเม.ย.2556
แต่เมื่อกทม.ต้องสร้างสนามในเวลา 270
วันต้องก็ต้องทำให้สนามใช้ได้ และมีความปลอดภัย แต่ที่สุดแล้วกทม.ใช้เวลาก่อสร้าง 286 วัน ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 6
พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดเดิมจะส่งมอบสนามให้ฟีฟ่าวันที่ 21
ต.ค. แต่การก่อสร้างก็ล่าช้าไป 16 วัน ซึ่ง 16 วันในการสร้างอาคารหรือบ้านเกือบไม่มีความหมาย
แต่ที่นี้เป็นสนามใหญ่มากการก่อสร้างล่าช้า 16
วันตนถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วก็ไม่สวยงามเท่าไหร่
ส่วนเรื่องห้องรับแขกของฟีฟ่าที่ยังไม่เสร็จก็อาจ้ป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฟีฟ่าไม่สบายใจ
เพราะฟีฟ่าได้เชิญแขกวีไอพีมาเกือบ 300 คน
แต่ตนยืนยันจะทำให้ห้องรับแขกแล้วเสร็จภายในเที่ยงคืนวันที่ 7-8 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าการก่อสร้างล่าช้า
แต่ไม่ได้ล่าช้าโดยไม่มีเหตุผล หรือล่าช้าจนไม่สามารถจัดการแข่งขันได้
แต่บางอย่างกทม.ดำเนินการเร็วกว่ากำหนด
ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องการสั่งซื้อสนามที่ล่าช้าอยู่ในประเทศจีน
แต่หวังว่าความล่าช้าครั้งนี้ฟีฟ่าจะมีจิตใจเอื้ออาทร ก็คงเข้าใจกันได้ แต่ตนก็ไม่ติดใจ
เพราะเข้าใจว่าเป็นคนละวัฒนธรรม และสุดท้ายกทม.ก็ได้สนาม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่างอีกว่า 2.เรื่องความปลอดภัย กทม.ได้ทำหนังสือรับรองความปลอดภัยของสนาม 2 ฉบับจากวิศวรกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ไปยังฟีฟ่าซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ
ขณะที่การอพยพ การหนีไฟ กทม.ก็ร่วมมือกับฟีฟ่ามาตลอด ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 พ.ย. หรือ 1 วันก่อนประกาศว่าไม่ใช้สนามแห่งนี้
ฟีฟ่าได้ขอให้กทม.เพิ่มเติมงาน 4 รายการ
เพื่อให้ได้มาตราฐานความปลอดภัยของฟีฟ่า
แต่กทม.ก็สามารถดำเนินการเสร็จในช่วงเช้าวันที่ 6 พ.ย.
ถึงแม้ฟีฟ่าจะหงุดหงิดเรื่องความล่าช้าการก่อสร้าง
แต่งานที่เพิ่มเติมกทม.ก็ดำเนินการให้แล้วเสร็จจนได้
ซึ่งเรื่องความปลอดภัยก็เป็นประเด็นหลักของฟีฟ่า อย่างไรก็ตาม
ที่ตนถูกเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่เป็นไรเพราะรู้แล้วว่าโดน
แต่ส่วนหนึ่งเหมือนโดนหมัดฟีฟ่าเหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังน็อคตนไม่ลง ตนยังอยู่ คนคอใหญ่น็อคยาก
และตนไม่ทราบว่าหมัดนี้มาจากไหน หรืออาจมีความกังวลจากฟีฟ่าจริงๆก็ได้
ซึ่งที่ผ่านมากทม.พยายามร่วมมือกับฟีฟ่ามาตลอด เมื่อพื้นสนามแข่งหาย
กทม.ก็หาพื้นสนามแข่งจากประเทศอื่นแทน อาทิ จากไต้หวัน อิตาลี อีก 2 สนาม ที่สุดแล้วก็นำไปติดตั้งสนามแห่งอื่นแทน ทั้งนี้ ในวันที่ 10
พ.ย.นี้จะมีการจัดคอนเสิร์ตและการแข่งขันฟุตซอลนัดอุ่นเครื่องเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของสนามด้วย
"เราจะทำสนามนี้ให้เสร็จ โดยเฉพาะห้องรับแขกของฟีฟ่า
อาคารจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนเม.ย.ปีหน้าตามสัญญา
ผมต้องขอโทษประชาชนที่ฟีฟ่าไม่เลือกสนามนี้
แต่ผมทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว การก่อสร้างใน 286 วันถือว่ามหัศจรรย์มาก
แต่ถ้าประชาชนมองว่าล้มเหลว ผมก็น้อมรับ
แต่ขอให้คำตัดสินมาในการเลือกตังผู้ว่าฯกทม.ครั้งต่อไป ผมไม่ลาออกครับ
แต่ถ้ามีการวิจารณ์กันขออย่าวิจารณ์องค์กรกทม. เพราะองค์กร และลูกน้องผมไม่มีความผิด
ขอให้วิจารณ์ผมเพียงคนเดียว ผมไม่เคยคิดว่าจะสร้างสนามให้ฟีฟ่า
แต่สร้างให้คนกรุงเทพฯ
ไม่ว่าจะถูกวิจารณ์อย่างไรความจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ว่ากทม.มีสนามที่ยิ่งใหญ่ 1
ใน 5 ในเอเชีย"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น