วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"อภิสิทธิ์" ผวา! หลัง "พิชิต" แนะ อย่านำเอกสารเท็จขึ้นศาล

"พิชิต ชื่นบาน" สส.เพื่อไทยแจ้งเตือน "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ฟ้องคดีศาลปกครอง "อาจมีความผิดฐานใช้เอกสารเท็จ และเบิกความเท็จต่อศาล"

10 พฤศจิกายน 2555 go6TV - นายพิชิต ชื่นบาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค ขอชี้ปัญหาข้อกฎหมายในอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หากไม่ยอมยุติเรื่องคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ให้ปลดจากนายทหารสัญญาบัติโดยนำปัญหานี้ไปฟ้องคดีต่อศาลปกครองคือ นายอภิสิทธิ์ฯอาจมี “ความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จ และใช้เอกสารเท็จต่อศาล” เรื่องนี้หากไม่นำปัญหาทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง นายอภิสิทธิ์ฯ ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่เชื่อคนรอบข้าง และบุคคลบางคนที่มุ่งแต่เอาใจนายอภิสิทธิ์ฯ จะทำให้ปัญหาชีวิตของ นายอภิสิทธิ์ฯ เป็นปัญหาในลักษณะที่เรียกว่า “เป็นงูกินหางไม่เสร็จสิ้น” 

"เพราะสาระสำคัญต่อคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ ๑๑๖๓/๒๕๕๕ ที่ให้ปลดนายอภิสิทธิ์ฯ ออกจากราชการ มีข้อสาระสำคัญที่นายอภิสิทธิ์ฯ ที่ต้องพิจารณา และตั้งคำถามให้กับตนเองก่อนคือ การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไปในรูปของ “คณะบุคคล” กล่าวคือ รัฐมนตรีกลาโหมมิได้ใช่อำนาจหรือดุจพินิจโดยลำพังตนเองแต่เป็นการใช้อำนาจในรูปของคณะกรรมการดังนั้น นายอภิสิทธิ์ฯจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าคณะกรรมการซึ่งเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่รังแกตนเพราะ รัฐมนตรีกลาโหมเป็นเพียงเห็นชอบตามการพิจารณา และข้อเสนอของคณะบุคคลที่เป็นกรรมการเท่านั้น"
คำสั่ง ให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ
คณะกรรมการก่อนออกคำสั่ง และในคำขึ้นต้นของคำสั่งกระทรวงกลาโหม ได้ระบุชัดแจ้งว่า “ปรากฎข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่านายอภิสิทธิ์ฯ ได้ใช้เอกสารใบสำคัญ ส.ด.๙ แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๑ อันมีข้อความสาระสำคัญอันเป็นเท็จ (ถือว่าเป็นเอกสารเท็จ) ไปประกอบการขึ้นทะเบียนกองประจำการจนทำให้เจ้าหน้าที่สำคัญผิด หลงออกใบสำคัญ ส.ด.๓ ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๓๑ ขึ้นทะเบียนกองประจำการให้นายอภิสิทธิ์ฯ” ซึ่งเรื่องนี่ถือเป็นประเด็น และสาระสำคัญของคดีนี้ที่นายอภิสิทธิ์ฯ จะต้องมีเอกสารอย่างหนึ่งอย่างใดไปแสดงต่อศาลปกครองที่ถือเป็นใบสำคัญในเรื่องการผ่อนผัน การเป็นทหารที่ถูกต้องในการไปเสนอเป็นคำฟ้อง และอ้างสืบต่อศาลในการพิจารณาคดีนี้ เพราะบัดนี้กระทรวงกลาโหมโดยรัฐมนตรีกลาโหม และคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ได้ชี้ขาดเป็นที่ยุติในข้อเท็จจริงแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ฯไม่มีใบสำคัญผ่อนผันที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ใช้ใบสำคัญผ่อนผันที่เป็นเท็จไปหลอกลวงให้เจ้าหน้าที่ โรงเรียนนายร้อย จปร. หลงผิดว่านายอภิสิทธิ์ฯ มีคุณสมบัติครบ ตนในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งอดกังวลกับนายอภิสิทธิ์ฯ ซึ่งเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ว่านายอภิสิทธิ์ฯ จะนำเอกสาร “ใบสำคัญผ่อนผันการเกณฑ์ทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายฉบับใด” ไปแสดงต่อศาลปกครองซึ่งศาลปกครองคงต้องพิจารณาว่าเอกสาร ที่นายอภิสิทธิ์ฯ นำมาแสดงในการพิจารณาคดีเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนพิจารณาออกคำสั่ง ซึ่งตลอดมา นายอภิสิทธิ์ฯ ไม่เคยนำมาแสดงต่อสังคม หรือทำความกระจ่างต่อเรื่องนี้จนกระทั่ง กระทรวงกลาโหม มีคำสั่งดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์ฯ ไม่ไตร่ตรองให้ดีด้วยตนเอง นำเอกสารที่กระทรวงกลาโหม ชี้ว่าเป็นเอกสารเท็จไปแสดงต่อศาลปัญหาที่จะเกิดขึ้นไม่จบสิ้นคือนายอภิสิทธิ์ฯ อาจจะแสดงเอกสารเท็จซ้ำซากซึ่งเป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ต้องใคร่ครวญให้ดีมิฉะนั้นจะกลายเป็นเจตนานำสืบพยานหลักฐานโดยใช้เอกสารเป็นเท็จในการพิจารณาคดีของศาลปกครอง และจะนำไปสู่การถูกกล่าวหาว่าเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล

เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ฯ อย่าไปโทษในเรื่องกระบวนการพิจารณาในการออกคำสั่งกระทรวงกลาโหม นายอภิสิทธิ์ฯ ต้องพิจารณาในประเด็นเรื่องเนื้อหาของคำสั่งเท่านั้นว่าตนใช้เอกสารเท็จหรือไม่ในขณะที่คณะกรรมการพิจารณา และให้โอกาสนายอภิสิทธิ์ฯชี้แจงแต่นายอภิสิทธิ์ฯ กลับจะไปฮ่องกงโดยอ้างติดธุระจึงถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของนายอภิสิทธิ์ฯ จะมีธุระอะไรที่สำคัญไปกว่าเรื่องนี้อีกแล้ว และเรื่องนี้สามารถมอบอำนาจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดไปยื่นคำชี้แจงและแสดงหลักฐานได้แต่นายอภิสิทธิ์ฯ ก็ละเว้นกระทำดังนั้นจะมาอ้างว่ากระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการก่อนออกคำสั่งไม่ชอบนั้นไม่ควรจะเชื่อตามที่นายอภิสิทธิ์ฯ ชี้แจงเพราะตลอดมานายอภิสิทธิ์ฯ  ยืนยันว่ามีเอกสารใบสำคัญผ่อนผันที่ถูกต้องตามกฎหมายทำไมไม่รีบเร่งนำใบสำคัญไปแสดงแต่กลับอ้างติดธุระ

คำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ให้ปลดนายอภิสิทธิ์ฯ ออกจากราชการแต่ยังให้คงเป็น “นายทหารกองหนุนรับเบี้ยหวัดบำนาญ” ทั้งๆที่ในคำสั่งระบุการกระทำของนายอภิสิทธิ์ฯ ว่าละเมิดต่อศีลธรรม และจริยธรรมรวมทั้งกระทำการทุจริต ประพฤติมิชอบในวงราชการ ผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่ควรที่จะเป็นนายทหารกองหนุนรับเบี้ยหวัดบำนาญอีกต่อไป ซึ่งตนก็ข้องใจต่อคำสั่งกระทรวงกลาโหม ดังกล่าวหากเทียบกับในเรื่องอื่นๆ ที่นายทหารคนอื่นถูกลงโทษ ไม่มีโอกาสเป็นนายทหารกองหนุนรับเบี้ยหวัดบำนาญเหมือนนายอภิสิทธิ์ฯ ถือว่ารัฐมนตรีกลาโหมเลือกปฎิบัติต่อนายอภิสิทธิ์ฯ หรือไม่ และทำไมนายอภิสิทธิ์ฯ จึงยังไม่พอใจที่ตนยังเป็นนายทหารกองหนุนรับเบี้ยหวัดบำนาญ ทั้งที่ไม่เคยได้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร  

เรื่องนี้ขอย้ำว่าที่แจ้งเตือนนี้ไม่ใช่เรื่องทางการเมืองแต่หวังดีถึงอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของประเทศไทย เป็นปัญหาทางกฎหมายโดยแท้ ในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งขอยืนยันว่าการคุ้มครองสิทธิของบุคคลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จะต้องเป็นผู้สุจริตเท่านั้น ดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์ฯ ไม่ยุติปัญหานี้ ปัญหาในอนาคตที่นายอภิสิทธิ์ฯ จะต้องคดีอาญาฐานใช้เอกสารเท็จ และเบิกความเท็จต่อศาลจะไม่มีวันเสร็จสิ้นแน่นอน 

ไม่มีความคิดเห็น: