เป็นความโศกเศร้าของประชาชนที่ยังคงอาลัยเป็นอย่างมาก กับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จากพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ ตึก 84 ปี ชั้น 5 ด้านตะวันออก โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเสด็จประทับเพื่อรักษาพระอาการตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2554
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ประสูติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2468 ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง โดยทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ซึ่งหลังจากที่ทรงประสูติได้เพียง 1 วัน สมเด็จพระบรมชนกนาถก็เสด็จสวรรคต นับตั้งแต่นั้นจวบจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพพระองค์ น้ำพระทัยของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทยนั้นก็หาที่สุดไม่ได้ ทั้งด้านการศึกษา สังคม และศิลปะ ที่สะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ได้พระอัจฉริยะภาพมาจากพระบรมราชชนกนาถมาไม่มีผิด
ปวงชนชาวไทย ขอน้อมถวายความจงรักภักดี และสดุดีพระองค์เป็นวาระสุดท้ายก่อนส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย โดยรวบรวมเรื่องราวที่คนไทยอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับพระองค์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี..
1. ก่อนหน้าที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จสวรรคต พระองค์ได้พระราชทานนามให้กับพระราชธิดา เมื่อยังทรงอยู่ในพระครรภ์ไว้ 3 พระนาม คือ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชอรสา สิริโสภาพัณณวดี, สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนจุฬิน สิริโสภาพัณณวดี และสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี แต่ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเลือกพระนามสุดท้ายพระราชทาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกคำนำพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ" แปลว่า หญิงที่สืบเนื่องจากพี่ชาย
2. ในเดือนมีนาคม 2477 ได้มีการเปลี่ยนคำนำพระนามสมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็น "สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ" ซึ่งแปลว่า น้องหญิงตามพระฐานันดร หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงขึ้นครองราชย์แทนรัชกาลที่ 7
3. ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์มีพระอัจฉริยภาพในหลายๆ ด้าน ซึ่งพระนางเจ้าสุวัทนาฯ ทรงสังเกตเห็นคือ ทรงมีความสามารถด้านการคำนวณ การจดจำทิศทาง และมีความสนใจในสิ่งต่างๆ ผิดกับเด็กสามัญชนทั่วไป เมื่อพระองค์เจริญพระชนมายุได้ 12 พรรษา พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ทรงมีพระดำริให้พระองค์ไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ
4. พระอัจฉริยภาพของพระองค์ ไม่ได้เฉิดฉายแค่ช่วงทรงพระเยาว์เท่านั้น เพราะเมื่อพระองค์ทรงเจริญวัยมากขึ้น พระอัจฉริยภาพของพระองค์ก็เพิ่มพูนมากขึ้นตาม โดยระหว่างที่ได้ทรงศึกษาอยู่ต่างประเทศ ทรงเรียนรู้เรื่องไวยกรณ์ และวรรณคดีอังกฤษ รวมถึงการเรียนเปียโน ที่หลายคนกล่าวขวัญกันอย่างมาก เพราะทรงสามารถจำโน้ตเพลงได้แม่นยำ เพียงแค่การทอดพระเนตรครั้งเดียว และไม่เคยทรงบรรเลงมาก่อน
5. พระปรีชาสามารถในเรื่องของความจำ ยังเป็นเรื่องที่น่าทึ่งสำหรับบุคคลที่ได้ทราบ พระองค์สามารถคำนวณปฏิทินร้อยปีได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังจดจำวันคล้ายวันเกิดของบุคคลต่างๆ ที่มาเฝ้าได้เป็นจำนวนมาก
6. พระองค์เป็นผู้ที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทรงเคยศึกษาธรรมะกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
7. แม้ว่าพระองค์จะเป็นถึงเจ้าฟ้าที่จบมาจากต่างประเทศ แต่พระองค์ก็เลือกที่จะภาคภูมิใจกับความเป็นไทย และไม่นิยมชมชอบเอาอย่างชาติตะวันตก พระองค์ทรงประหยัดอดออม และโปรดใช้ฉลองพระองค์ และสิ่งของต่างๆ ที่ผลิตในประเทศ อีกทั้งไม่โปรดหากข้าราชบริพารพูดภาษาไทยปนภาษาอังกฤษ เพราะโดยส่วนพระองค์จะรับสั่งภาษาไทยที่ถูกต้องชัดเจนเสมอ และทรงใช้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาฝรั่งเศสกับชาวต่างชาติเท่านั้น
8. พระองค์ทรงสนพระทัยในเรื่องการศึกษาอย่างมาก ทรงเป็นพระอุปถัมภ์ให้กับสถาบันและองค์กรต่างๆ กว่า 30 แห่ง เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, วชิราวุธวิทยาลัย, โรงเรียนสายน้ำผึ้งฯลฯ
9. ในด้านสังคมสงเคราะห์ พระองค์ทรงเสด็จออกเยี่ยมราษฎรตามหัวเมืองทั้งใกล้และไกล เพื่อพระราชทานพระอนุเคราะห์แก่ผู้ยากไร้อยู่เสมอ จนเมื่อมีพระชนมายุสูงขึ้น จึงได้เสด็จออกเยี่ยมราษฎรน้อยลง
10. สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระปณิธานในการบำเพ็ญพระกรณียกิจมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อครั้งงานฉลองพระชนมายุ 61 พรรษา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 ณ วชิราวุธวิทยาลัย พระองค์ทรงมีพระดำรัสว่า
"ฉันขอกล่าวต่อท่านทั้งปวงว่า จะพยายามบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์แก่บ้านเมือง ด้วยความจงรักภักดีต่อบ้านเกิด และต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระประมุขของชาติ ทั้งจะได้รักษาเกียรติศักดิ์แห่งความเป็นราชนารีในมหาจักรีบรมราชวงศ์ไว้ชั่วชีวิต"
แม้วันนี้พระองค์จะสู่สวรรคาลัย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่ในหัวใจของคนไทย ก็คือความงดงามในความเป็นเจ้าฟ้าที่มีพระราชหฤทัยเปี่ยมล้น ซึ่งได้แผ่ไปทั่วพื้นที่ จะประทับตราตรึงใจพสกนิกรไทยตราบนิรันดร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น