วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

"ฟลุ๊ค เดอะสตาร์" สารภาพ "ผมไม่กล้าสวนกระแสในงานนาฎราช"


คำอธิบายจากใจคนไทยคนนึงนี้เป็นบทความที่เขียนอยู่ในเฟรซบุ๊คและทวิตเตอร์ของคนใช้ชื่อว่า fookkub. ซึ่งเชื่อว่าเป็นของนักร้องวัยรุ่นชื่อดัง ฟลุ๊คเดอะสตาร์ โดยใจความของบทความนี้แสดงความรู้สึกเสียใจที่ไม่แสดงความกล้าหาญจุดยืนของตน และพูดถึงงานนาฎราชเมื่อสองปีก่อนไว้อย่างน่าฟังดังนี้

กล่าวถึงข้อความในทวิตเตอร์ ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีคนเอาข้อความของผมไปตีความว่าผม เป็นผู้ที่ไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ทวิตเตอร์เป็นการโพสที่จำกัดข้อความการส่งสารจึงเป็นไปได้ลำบากและอาจผิดพลาดและไม่ครบถ่วนสุ่มเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดได้ง่าย เป็นความผิดและเบาปัญญาของผมเองที่ไม่ระมัดระวังเรียบเรียงและโพสข้อความทำให้เกิดข้อกังขาขึ้นในเจตนาของผม ทั้งที่เจตนาแท้จริงของผมนั้น เพียงต้องการแสดงความรู้สึกเสียใจและให้มุมมองต่อสังคมว่า เดือนนี้เมื่อสองปีที่แล้วมีคนกลุ่มนึงซึ่งเป็นคนไทยเหมือนกันเสียชีวิตกลางเมืองหลวง นั้นคงพอตอบคำถามของท่านที่สงสัยว่าเรื่องผ่านมาสองปีแล้วทำไมถึงหยิบมาพูดนะครับ และตอบคำถามสำหรับท่านที่อ่านแค่บ้างทวิตที่รีทวิตส่งต่อกันไม่ได้อ่านมาตั้งแต่ต้นนะครับ ก่อนหน้านี้ผมตัดสินใจปิดทวิตเตอร์ของผมอย่างถาวรเพื่อจำกัดความบานปลายของเรื่องนี้ แต่เมื่อได้สติคิดไตร่ตรองก็ผมว่าการหลบหลีกนี้คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ข้อสงสัยของท่านที่ตามทวิตที่มีต่อตัวผมยังคงมีอยู่ จึงอยากจะข้อชี้แจงถ้าท่านรำลึกได้ว่าผมก็เป็นคนไทยพอๆกับท่านเราคงเป็นญาติกันมาในชั่วอายุคนนึงเมื่ออดีตของต้นตระกูลเรา ก็ได้โปรดเปิดใจให้ผมบ้างนะครับ

ในตอนต้นของทวิตเรื่องนี้ ผมได้กล่าวถึงความรู้สึกและมุมมองของผมว่า ตัวผมเองเกิดความรู้สึกสามอย่างเมื่อถึงเดือนนี้ คือ ตกใจ เสียใจ และผิดหวังในตัวเอง กับเหตุการณ์ในเดือนนี้เมื่อสองปีที่แล้ว ว่าตกใจที่คนไทยห่ำหั่นกันจนถึงแก่ชีวิต เพียงเพราะ ความคิดที่แตกต่างกัน ตกใจที่มันเกิดขึ้นในเมืองหลวงซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็มีการศึกษาสูง เสียใจกับการที่ได้รู้จักด้านมืดของผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเราที่มีอำนาจแต่กลับเพิกเฉยปล่อยให้เหตุการณ์นี่เกิดขึ้น อย่างที่สามที่เป็นประเด็นสำคัญในเรื่องนี้คือความรู้สึกผิดหวังในการกระทำของตัวเองที่ไม่หนักแน่นและไม่มีจุดยืนไม่ซื่อสัตย์ต่อความคิดของตน ยืนขึ้นปรบมือตามผู้คนส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานนั้น..

ตรงนี้เองครับที่ผมไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน กล่าวถึงงานนาฏราชเมื่อสองปีที่แล้วนะครับนี่คือคำพูดของคุณพงษ์พัฒน์ครับ

“พ่อ เป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่นะครับ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคนนะครับ ผมเกิดมาในบ้านหลังนี้ก็สวยงามมากนะ สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลกกว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมานะครับ จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และก็ดูแล…ความสุขของทุก ๆ คนในบ้าน ถ้ามีใครซักคน โกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ และก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกกับคน ๆ นั้นว่า “ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ผมรักในหลวงครับ และผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน”
จากเนื้้อหาข้างต้นในแง่ที่ว่า ใครไม่รักพ่อ เนรคุณต่อบรรพบุรุษ ก็ไม่สมควรอยู่ในบ้านในแผ่นดินนี้ที่เรียกว่าประเทศไทยนี้ ผมเห็นด้วยกับคุณพงษ์พัฒน์ทุกประการครับ แต่ประเด็นนึงที่มันเป็นความจริงในวันนั้น16 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเกิดขึ้นข้างนอกหอประชุมที่จัดงานนาฏราชในขณะนั้นคือ คนเสื้อแดงและทหารปะทะต่อสู้ห่ำหั่นกันจนถึงแก่ชีวิตไปแล้วจำนวนมากในช่วงเดือนเมษายนปีเดียวกันนั้น จากการพูดเชิงเปรียบเทียบของคุณอ๊อฟทำให้ผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่าใครสักคนในประโยคนี้
" ถ้ามีใครซักคน โกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ และก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน"


ใครคนนั้นที่คุณอ๊อฟพูดถึงคือคนเสื้อแดง ตรงนี้เองที่มันค้านกับความรู้สึกผม ว่า คุณจะตัดสินทุกคนว่าเค้าคิดอะไรได้อย่างไร ถ้าคุณไม่ไช่ตัวเขาไม่ได้เปิดสมองเขาดูความคิดเขา ผ่าหัวใจเค้าดู อาจมีหรืออาจไม่มีคนอย่างว่าในกลุ่มคนเสื้อแดงตอนนั้น แต่มันถูกต้องหรือ ที่ไปตัดสินเหมารวมว่าทุกคนในกลุ่มเสื้อแดงเป็นอย่างไรคิดอย่างไร


“ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ"


ตรงเช่นกันที่ผมมองว่าทุกคนเข้าใจตรงกัน ว่าคุณอ๊อฟกำลังสื่อสารกับคนเสื้อแดง กำลังบอกว่าถ้าเกลียด ไม่รักพ่อก็ออกไปซะ หากว่าคนที่ตายตอนนั้นเค้าดันตอบได้ว่าเค้าก็ รักพ่อ เหมือนกันละครับ?

การที่ผมทวิตเรื่องนี้ ไม่ได้มีเจตนาจาบจ้วงหรือปองร้ายสถาบันอันสูงสุดของประเทศเราแต่อย่างไร เพียงแค่ความต้องการของผมนั้นเพียงแค่จะบอกสังคมว่า สองปีที่แล้วมีคนไทยตาย ด้วยฝีมือคนไทยด้วยกันบนแผ่นดินที่เรายืนอยู่ด้วยกันนี้ ต้องการย้ำเตือนว่าเป็นการไม่ถูกต้องและไม่ยุติธรรมต่อคนตาย ที่เราไปตัดสินเขาด้วยความคิดของเราเอง ผมจึงบอกว่าเสียใจที่วันนั้นไม่มีความกล้าพอที่จะสวนกระแสไม่ลุกขึ้นปรบมือ เพราะ แม้ในมุมที่ดีของข้อความที่คุณอ๊อฟพูดเรื่องความรักพ่อความรู้สึกต่อพระเจ้าแผ่นดินของคุณอ๊อฟที่น่าเคารพคารวะยิ่งนั้น มันปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกด้านอีกมุมคือกำลังมีคนที่สูญเสีย พ่อและแม่ที่สูญเสียลูก ภรรยาที่สูญเสียสามี ลูกที่สูญเสียพ่อแม่เค้าเหล่านั้นก็เป็นคนไทยพอๆกับเราๆท่านๆ ผมจึงคิดว่าในมุมนี้ผมไม่อยากลุกขึ้นปรบมือเพราะนอกจากผมจะปรบมือให้กับความจงรักภักดีของคุณอ๊อฟความรักที่มีต่อพ่อความซาบซึ้งใจที่คนไทยมีต่อพระเจ้าแผ่นดินแล้ว อาจมีคนคิดว่าผมกำลังละเลยที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต ผมกำลังเหมารวมและเหยียบย้ำซ้ำเติมเขาเหล่านั้นด้วยการลุกขึ้นปรบมือ ผมอาจจะเป็นคนที่ชอบคิดไปไกลเอง หากคุณอ๊อฟพูดในวาระอื่นที่ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่คนไทยกกลุ่มหนึ่งกำลังโดนตั้งข้อหาไม่จงรักภักดี ทั้งด้วยผังล้มเจ้าและวาทะกรรมมากมายจนสุดท้านเขาเหล่านั้นถึงแก่ชีวิต ผมจะยืนขึ้นปรบมือโดนสดุดีและไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆที่จะแสดงความภูมิใจและความจงรักภักดีเช่นกัน แต่ยิ่งเมื่อกาลเวลาผ่านไปมีการพิสูจน์ว่าผังล้มเจ้าเป็นเรื่องโอละพ่อ และข้อหาต่างๆต่อคนเหล่านั้นจับต้องไม่ได้แล้ว ผมยิ่งรู้สึกเสียใจกับการกระทำในวันนั้น

ผมไม่ได้ต้องการจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับใครหรือต้องการจะห่ำหั่นกับผู้ใด ที่บอกว่าตนรักและต้องปกป้องสถาบันด้วยการมาตัดสินผมว่าไม่จงรักภักดี ไม่รักพ่อ คุณจะรู้หัวใจผมได้อย่างไร ผมจะรักพ่อน้อยกว่าคุณหากผมไม่ได้ประกาศออกไปว่าผมรักพ่อเหมือนที่คุณประกาศอย่างนั้นหรือครับ

ขอกราบขอโทษคุณ พงษ์พัฒน์นะครับที่ได้กล่าวถึงมากมายในบทความนี้ สุดท้ายที่อยากจะฝากถึงผู้ที่ได้อ่านข้อความของผมว่ากี่ชีวิตแล้วที่ถูกสังเวยไปเพราะข้อหาลมๆ ข้อหาไม่จงรักภักดี ข้อให้คิดให้เยอะๆสำหรับคนที่คอยจ้องจะจับผิดและคอยสงสัยคนอื่นว่าจงรักภักดีหรือไม่ แค่คุณตัดสินคนอื่นด้วยความคิดของคุณ ชวนเค้าทะเลาะไปเรื่อยเรื่องสถาบัน นั้นก็คือคุณต่างหากที่เป็นฝ่ายดึงฟ้าลงต่ำและเป็นฝ่ายเริ่มกระบวนการทำร้ายสถาบันอย่างแท้จริงแล้ว

โดย Pachara Thummol 's Facebook เมื่อ 12 เมษายน 2012 เวลา 22:38 น

ไม่มีความคิดเห็น: