วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"ลุงคิม-ฐานุทัศน์" สิ้นใจอย่างสงบ สวดวัดหัวลำโพง



วันที่ 24 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง อายุ 53 ปี อาชีพพ่อค้าขายส่งถั่วทอด พักอาศัยอยู่ภายในแฟลตชุมชนบ่อนไก่ และถูกยิงเข้าบริเวณกลางหลังทะลุปอดและหัวไหล่ รวม 2 นัด จนกลายเป็นอัมพาตครึ่งตัวในช่วงเหตุปราบม็อบเสื้อแดงนั้นเสียชีวิตแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลมเหสักข์ เขตบางรัก หลังจากรักษาตัวมายาวนาน โดยเฉพาะในระยะหลังนายฐานุทัศน์ต้องผ่าตัดรักษาอาการกระดูกต้นคอเสื่อม ซึ่งเป็นผลข้างเคียงมาจากการถูกยิงจนอาการแย่ลงและเสียชีวิตในที่สุด

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า นายฐานุทิศน์ หรือ ลุงคิม ถูกยิงเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 14 พ.ค. 2553 ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และศอฉ. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกปราบปรามผู้ชุนมุนประท้วงการเมือง (กลุ่มคนเสื้อแดง) หลายพื้นที่ ทั้งยังส่งสไนเปอร์ออกปฏิบัติการด้วย อย่างไรก็ตาม นายฐานุทิศน์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง และเคยให้สัมภาษณ์ยืนยันเมื่อเดือนมิ.ย. 2553 ว่า วันที่ 14 พ.ค. 2553 ตนพร้อมด้วยนางวรานิชฐ์ และลูกชายลูกสาวรวม 4 คนเดินออกจากบ้านพักที่แฟลตชุมชมบ่อนไก่ เพื่อไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาพระราม 4

นายฐานุทิศน์ กล่าวต่อไปว่า พอเดินทางถึงปากซอย พบว่าขณะนั้นมีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมอยู่เป็นจํานวนมาก แต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไร รถเมล์ยังวิ่งผ่านปกติ จากนั้นอีก 1 ชั่วโมง ทหารเริ่มขว้างแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ตนเห็นท่าไม่ปลอดภัยจึงสั่งให้ภรรยาและลูกทั้ง 2 คนเข้าไปหลบอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ส่วนตนก็เดินตามไปด้วยแต่ช้ากว่า เมื่อภรรยาและลูกเข้าไปในร้านแล้ว ตนเหลืออีกไม่กี่เมตรก็จะถึงร้าน ปรากฏว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นชุดใหญ่ ตนรู้สึกปวดที่กลางหลังแล้วล้มลงหน้ากระแทกพื้นจนฟันหักหลายซี่ จากนั้นเริ่มชาทั้งตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ยังรู้สึกตัว ก่อนมีชาวบ้าน 3-4 คนวิ่งเข้ามาลากออกจากจุดเกิดเหตุ และนําขึ้นรถส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท และอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 14-23 พ.ค. ก่อนจะย้ายมารักษาต่อที่ร.พ.มเหสักข์

คลิปที่เผยเห็นตอนคุณลุงในเสื้อสีเขียว โดนยิง หิ้วแขนออกไปขึ้นรถพยาบาล

นายฐานุทัศน์ ระบุว่า พอถึงโรงพยาบาลปรากฏว่าตนถูกยิง 2 นัดเข้าที่กลางหลังและหัวไหล่ หมอผ่าตัดเอาหัวกระสุนที่กลางหลังออกไปแล้ว ยังคงเหลืออีก 1 หัวที่หัวไหล่ ไม่สามารถผ่าตัดออกได้เพราะอยู่ใกล้จุดสําคัญ ปัจจุบันตั้งแต่ช่วงเอวลงไปไม่มีความรู้สึก ขับถ่ายเองไม่ได้ และทุกๆ 2 ชั่วโมง ต้องพลิกตัวเนื่องจากขณะนี้เริ่มเป็นแผลกดทับบริเวณด้านหลัง นอกจากนี้ ตนได้สอบถามแพทย์ที่รักษาว่าจะกลับมาเดินได้หรือไม่ หมอบอกว่าเหลือเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะกลับมาเดินได้ปกติ ทําให้ตนเสียใจมาก และขณะนี้เริ่มประสบปัญหารายได้ภายในครอบครัว เนื่องจากตอนนี้ตนไม่สามารถหาเงินได้ ก่อนหน้านี้ตนสามารถหาเงินได้วันละไม่ต่ำกว่า 700-800 บาท จากการส่งถั่วทอดตามร้านค้าต่างๆ ย่านสีลม และเยาวราช แต่ตอนนี้ต้องขาดรายได้ และร้านค้าประจําที่ส่งถั่วให้เขาก็เริ่มมีปัญหาเพราะตนขาดส่ง

ด้าน นางวรานิชฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่สามีถูกยิงสาหัส ครอบครัวเดือดร้อนหนักไม่มีรายได้เข้ามา เพราะตนไม่ได้ทํางานอะไร สามีทําถั่วทอดขายส่งตามร้านค้าต่างๆ ย่านสีลม เยาว ราช สนามหลวง และคลองเตย ทํามาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ตอนนี้ต้องหยุดกิจการทั้งหมด และตนก็ไม่สามารถที่จะไปหางานที่ไหนทําได้เพราะจะต้องมาคอยดูแลสามี เพราะทุกๆ 2 ชั่วโมงต้องจับสามีพลิก ส่วนสาเหตุที่ถูกยิงนั้นเพราะสามีกำลังจะพาตนและลูกไปเดินห้างโลตัส ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมเลย อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับ การชุมนุมบ้าง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนอยากได้คือเตียงคนไข้ที่สามารถปรับเอนนอนได้ เพื่อให้สามีไว้ใช้หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว

"เหตุการณ์ครั้งนี้ตน เจ็บปวดที่สุด คือคำพูดที่ศอฉ.บอกว่าผู้ที่ถูกยิงเป็นพวกก่อการร้ายหรือถูกกองกำลังไม่ทราบ ฝ่ายยิง แถมยังมาปิดหูปิดตาประชาชนคุมสถานีโทรทัศน์วิทยุหลายแห่งเพื่อไม่ให้ประชาชน รับรู้ข่าวสารเรื่องจริง ตรงนี้อยากให้รัฐบาล (หมายเหตุ : รัฐบาลอภิสิทธิ์) หันมาดูแลประชาชนที่ไม่รู้เรื่องด้วย เพราะที่ผ่านมาคนที่รัฐบาลส่งมาดูแลก็แค่มาถ่ายภาพวิดีโอ และสอบถามอาการเล็กน้อย จากนั้นก็พูดให้เรามีความหวังว่าจะช่วยเต็มที่ แต่ก็เงียบหายไปจนถึงทุกวันนี้" นางวรานิชฐ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: