วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"หมวดเจี๊ยบ" จัดหนัก "3 เกลอปากหมา" "วิตถาร โสโครก"



ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า รู้สึกสลดใจที่ พรรคประชาธิปัตย์ เล่นการเมืองแบบ เสแสร้ง และ มีพฤติกรรม “หน้าอย่าง หลังอย่าง” เนื่องจาก เวลาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน หรือออกโทรทัศน์ ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มักจะทำเป็นพูดว่าตนเองเป็นสุภาพบุรุษ และอ้างว่าไม่เคยกล่าวหานายกรัฐมนตรี ในทางเสียหายหรือในเชิงชู้สาว เกี่ยวกับกรณีเดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ แต่ลับหลัง กลับพูดจาสองแง่ สองง่าม ดูถูกความเป็นเพศหญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดรายการของ นาย ชวนนท์ เทพไท และ ศิริโชค เมื่อวันที่ 15 กพ. 55 ทั้งสามคนได้กล่าวในช่วง นาทีที่ 3 และนาทีที่ 25 ของรายการ ในทำนองว่า “ขณะนี้โรงแรมโฟร์ซีซั่น ได้กลายเป็นพื้นที่รับน้ำ หรือ ฟลัดเวย์ ไปแล้ว”


คำพูดดังกล่าวมีความหมายในทำนองเสียหาย และเป็นความหมายที่ไม่ดี อยากทราบว่า พวกท่านหมายความว่าอย่างไร นอกจากนี้ บุคคลทั้งสาม ยังแสดงอาการหัวเราะเยาะเย้ย เหมือนเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ทั้ง ๆ ที่ ใครฟัง ก็ย่อมต้องเข้าใจว่า ประโยคดังกล่าว มีความหมายดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงของนายกรัฐมนตรี


พฤติกรรมดังกล่าว แสดงถึงระดับ ความถ่อยทราม และระดับความเป็นมนุษย์ในตัวของบุคคลทั้งสาม ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่า นี่คือการแสดงออกของบุคคลระดับโฆษกพรรค ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของพรรคในการสื่อสารกับสังคมภายนอก พูดง่าย ๆ คือ ต้องพูดแทนคนทั้งพรรค ส่วนผู้ร่วมรายการอีกสองท่าน ท่านหนึ่ง ก็เคยเป็นถึงโฆษกส่วนตัวของ นาย อภิสิทธิ์ ส่วนอีกท่าน ใคร ๆ ก็รู้จักในฐานะ วอลเปเปอร์ เพราะเห็นว่าใกล้ชิดกับ นาย อภิสิทธิ์ ราวกับเงาตามตัว แต่บุคคลทั้งสามกลับไม่ให้เกียรติความเป็นโฆษกของตัวเอง โดยการพูดจา 2 แง่ 2 ง่าม เพื่อให้คนเข้าใจนายกรัฐมนตรีไปในทางที่ไม่ดี

อยากทราบว่า พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปทำอะไรที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ทั้งนี้ การทำหรือพูดอะไร เพียงเพราะสนุกปาก หรือตอบสนองราคะในใจ เพียงเพื่อเหยียบย่ำทำลายนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเพศเดียวกับแม่ของคุณ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่สมควรทำ เนื่องจาก ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากองค์การสหประชาชาติ ที่ได้ร่วมลงชื่อสนับสนุนการยุติความรุนแรงกับผู้หญิงมากที่สุดในโลก คือ 3 ล้านกว่ารายชื่อ เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2551 ในขณะที่ประเทศอื่นในอาเซียน ร่วมลงชื่อเพียง 2 แสนราย จนทำให้ประเทศไทยและองค์การยูนิเฟม แห่งสหประชาชาติ กลายเป็นหุ้นส่วนระยะยาวในการสนับสนุนการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง


การกระทำของทีมโฆษกพรรคประชาชาธิปัตย์ครั้งนี้ เท่ากับทำลายความตั้งใจที่ดีของคนไทยกว่า 3 ล้านคน ที่สนับสนุนโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ความรุนแรงต่อผู้หญิง ไม่ได้หมายถึง การทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึง การทำร้ายทางวาจา และจิตใจ ด้วยเช่นกัน


" แม้ทั้ง 3 ท่านจะไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเพศหญิง ก็ไม่จำเป็นต้องประจานตัวเองออกอากาศ ทางบลูสกายชาแนล ซึ่งมีคนกล่าวว่า เป็นกระบอกเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกฏหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยพิจารณาว่าบุคคลทั้งสาม เข้าข่ายต้องส่งไปรับการบำบัด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงฯ ด้วยหรือไม่ เนื่องจาก พ.ร.บ.ดังกล่าว มุ่งฟื้นฟูผู้กระทำรุนแรงหรือมีทัศนคติไม่ดีต่อสตรีด้วย ทราบข่าวว่าที่ รพ.รามาธิบดี ได้เปิดโรงซ่อมสามีที่กระทำความรุนแรง แต่ไม่แน่ใจว่า รับบำบัดจิตใจหรือค่านิยมที่ไม่ถูกต้องต่อเพศหญิงด้วยหรือไม่ ประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เนื่องจาก การกระทำรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นสิ่งที่สังคมไม่ควรยอมรับ หากปล่อยไว้จะเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เยาวชน และถือเป็นปัญหาส่วนร่วม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว" รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว



ถ้ายังเหลือความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง ขอให้บุคคลทั้งสามขอโทษนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีเจตนาเช่นนั้น แต่หากท่านคิดว่า ตัวเองทำถูกต้องแล้ว ก็ขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ ซึ่งใกล้ชิดกับทั้ง 3 ท่าน เป็นผู้ตักเตือนและดึงลูกพรรคของท่านออกจากหลุมดำแห่งความวิตถาร โสโครก โดยด่วน ไม่เช่นนั้น สังคมอาจเข้าใจว่า ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ สั่งการให้ทั้ง 3 ท่าน ออกมาทำเช่นนี้ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ขออนุญาต ส่งผ้าถุง กับตะกร้อครอบปาก หลาย ๆ อัน หลาย ๆ ขนาด เอาไปให้พวกท่านเลือกใช้เอาเอง ตามใจชอบ

ไม่มีความคิดเห็น: