ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชากลายเป็นประเด็นร้อนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงจาการ์ตา โดยนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ของกัมพูชา กล่าวประณามว่าไทยเป็นต้นเหตุของการปะทะบริเวณชายแดน ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว และทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18 ราย
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชาตกลงยินยอมให้ผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์บริเวณชายแดน ทว่าจนบัดนี้ข้อตกลงดังกล่าวก็ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากไทยยืนกรานให้กัมพูชาถอนทหารออกจากบริเวณปราสาทพระวิหารเสียก่อน
“ทั้งสองฝ่ายยอมรับข้อตกลงไปแล้ว (ไทย)ก็ควรจะปฏิบัติตามนั้น ผมไม่อยากใช้คำว่าขาดศรัทธา (แต่)พวกเขาไม่ยอมทำตามข้อตกลง” ริชาร์ด ไรออต แจม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว วันนี้(9)
“ไทยเป็นฝ่ายปฏิเสธไม่ทำตามข้อตกลง ดังนั้นจึงเกิดการปะทะขึ้นอีก” ไรออต ซึ่งเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่กำหนดให้อินโดนีเซียส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปยังชายแดนไทย-กัมพูชาฝั่งละ 15 คน กล่าว
“ผมขอย้ำว่า สมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ รวมถึงไทยและกัมพูชาด้วย ต่างให้ความเห็นชอบกับข้อตกลงดังกล่าว แต่ผมเสียใจที่ต้องพูดว่า ข้อตกลงนั้นถูกส่งกลับไปยัง 2 ประเทศคู่กรณี ซึ่งทางกัมพูชายอมรับแล้ว แต่ไทยไม่ยอมรับ” ไรออต กล่าว
“ก่อนจะมาถึงจุดนี้ กัมพูชาเคยกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ส่วนไทยก็บอกว่ากัมพูชาเริ่มก่อน ดังนั้นเพื่อพิจารณาว่าฝ่ายใดเริ่มก่อนกันแน่ รัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ฝ่ายจึงตกลงให้มีผู้สังเกตการณ์เข้าไปในพื้นที่”
ประชาชนราว 85,000 คนที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน หลังเกิดการปะทะนานหลายสัปดาห์เพื่อแย่งชิงอธิปไตยเหนือพื้นที่รอบๆปราสาทพระวิหาร
ประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน แห่งอินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับผู้นำไทยและกัมพูชาเมื่อวันอาทิตย์(8)ที่ผ่านมา ทว่าก็ยังไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น