วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 (go6TV) – นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ออกแถลงการณ์หอการค้าไทย
ระบุว่าเป็นห่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
จากการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
ซึ่งอาจยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว
ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
"ขณะนี้ไทยกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
ซึ่งเป็นตัวผลักดันรายได้เข้าประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
ซึ่งจะช่วยทดแทนตัวเลขการส่งออกของไทยที่ชะลอตัวได้ ในช่วง 9
เดือนแรกของปี การส่งออกขยายตัวเพียง 0.05%
และคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวเพียง 1% เท่านั้น"
ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
แสดงจุดยืนใน 3 ประเด็น คือ 1.ยังคงยึดมั่นต่อการต่อต้านคอร์รัปชั่น
และเห็นว่า การรณรงค์คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น
ได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว 2.ขอให้ทุกฝ่ายลดการเผชิญหน้าและการท้าทายซึ่งกันและกัน
ไม่ใช้ความรุนแรง อันจะนำไปสู่ความเสียหายต่อเศรษฐกิจ
และขอให้ทุกฝ่ายยึดผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
พิจารณาการดำเนินการอย่างมีสติ เพื่อให้สันติสุขและความสามัคคีกลับมาสู่ประเทศไทยอย่างเร็วที่สุด
"และ 3. กรณีที่มีการขอความร่วมมือให้หยุดงานในวันที่
13-15 พ.ย.นี้ เอกชนไม่ขอตอบรับข้อเสนอนี้
และไม่ได้ประกาศให้พนักงานหยุดงานเพื่อไปรวมชุมนุมแต่อย่างใด
รวมทั้งไม่ขอตอบรับข้อเสนอให้หยุดชำระภาษี เนื่องจากการไม่ชำระภาษีเป็นการทำผิดกฎหมาย
ซึ่งหอการค้าไทยไม่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย"
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากมีการชุมนุมต่อเนื่องถึงสิ้นปี โดยไม่รุนแรง
จีดีพีเติบโตลดลง 0.2-0.3% หรือปีนี้ขยายตัว 3.3-3.5% แต่หากการชุมนุมรุนแรงและต่อเนื่องถึงสิ้นปีทำให้นักท่องเที่ยวหายไปเดือนละ
2 แสนคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 3.5
หมื่นล้านบาท และจีดีพีจะเติบโตเหลือ 3-3.2%
ทั้งนี้
หากการชุมนุมยืดเยื้อต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปี 57 จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจประมาณ
1 - 1.5 แสนล้านบาท ทำให้จีดีพีปีหน้าจะโต 4 - 4.5% และหากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น จีดีพีจะโตเพียง 4% จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้
5%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น