ตามที่ร่าง
พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์
และถูกทำให้เป็นประเด็นการเมืองใส่ร้ายตัวผม บิดเบือนว่าจะคืนเงินและล้างผิดให้คนๆ
เดียว ทั้งๆ ที่วัตถุประสงค์ของกฎหมายนิรโทษกรรมนี้
กระทำเพื่อให้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งและคืนความเป็นธรรมให้กับเหยื่อของการรัฐประหารปี
49
ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ผมเคารพความเห็นต่างของคนไทย
แต่ไม่สามารถยอมรับการบิดเบือนใส่ร้ายด้วยความเท็จที่ผมและครอบครัวได้รับตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ความปรารถนาสูงสุดของผมคือต้องการให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น มีอนาคตที่มั่นคงและประเทศสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกได้
แต่เป็นที่น่าเศร้าใจที่มีนักการเมืองบางกลุ่มยังคงคิดว่าการโจมตีใส่ร้ายผมด้วยความเท็จจะช่วยให้พวกเขาได้รับความนิยมทางการเมือง
ซึ่งวิธีการนี้ก็ถูกปฏิเสธโดยประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศในการเลือกตั้งทุกครั้งในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา
ผมขอเรียนว่า การรัฐประหารในปี 2549
ได้ละเมิดหลักนิติธรรมอย่างโจ่งแจ้งทั้งการฉีกรัฐธรรมนูญของประชาชน
และคนที่ยึดอำนาจผม ตั้งคนเป็นปฏิปักษ์ต่อตัวผม
มาตั้งข้อกล่าวหาและสอบสวนอย่างเบ็ดเสร็จรวบรัด
แม้การกระทำนี้ได้ก่อให้เกิดความอยุติธรรมแก่ผมและครอบครัว
ผมขอรับความเจ็บปวดเอาไว้ เพื่อหวังให้ประเทศเดินหน้า ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี
ผมตระหนักว่าประโยชน์สุขของประเทศและประชาชนมาก่อนประโยชน์สุขส่วนตัวของผม
สิ่งที่ผมอยากเห็นในขณะนี้คือความปรองดองสมานฉันท์ของคนไทย
ผมอยากเห็นคนไทยมีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน
แม้จะอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ผมยังรักและห่วงอนาคตของลูกหลานไทย
และเชื่อมั่นว่าอนาคตของพวกเขาและอนาคตของประเทศไทยจะมีความมั่นคงก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเรามีหลักนิติธรรมสำหรับคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม
และประเทศมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่การตัดสินใจของประชาชนส่วนใหญ่ผ่านการเลือกตั้งได้รับการเคารพ
และองค์กรต่างๆใช้อำนาจในกรอบที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญ
ผมเอาใจช่วยและหวังว่าเราจะไปถึงจุดนั้นในเวลาอันใกล้นี้
ผมขอกราบขอบพระคุณสำหรับความรัก
และทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ผมผ่านช่องทางต่างๆ
ขอให้เปลี่ยนความรักและกำลังใจเหล่านั้น เป็นพลังในการสร้างความปรองดอง
ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมให้เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อไป
ด้วยความรักและปรารถนาดี
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี
6 พฤศจิกายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น