วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ผู้ว่าฯ เอ๋อ" จัดให้! ใช้ "รถหลวง-ทะเบียนขาด" เป็น "รถแกนนำม็อบหน้ากากขาว" แห่กลางเมือง


เผยหลักฐานชิ้นสำคัญ”รถกรุงเทพมหานคร เป็นรถแกนนำม็อบหน้ากากขาว” มัดผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ ในฐานะให้การสนับสนุนม็อบป่วนเมือง

วันที่ 30 มิถุนายน 2556 (go6TV) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยสองคัน มีสัญลักษณ์ “กรุงเทพมหานคร” อยู่ตัวถังรถ  มีคันหนึ่งสีดำ และอีกคันหนึ่งสีขาว ทั้งสองคันได้ปิดกระดาษสีขาวขนาด A4 ทับทะเบียนบ้ายรถ และตัวอักษรระบุเขตของตัวรถ และมีคนถือภาพพระบรมฉายาลักษณ์บนรถ  ได้ขับมุ่งหน้าไปยังลานเซ็นทรัลเวิร์ล และเข้าจอดหน้าห้างสรรพสินค้า ซึ่งปกติเป็นพื้นผิวการจราจรไม่สามารถจอดได้ แต่รถคันดังกล่าวสองคันเปิดไซเรนด์ และไฟกระพริบจอดไว้ริมถนนหน้าห้าง โดยที่ตำรวจไม่กล้าดำเนินการอะไร


จากนั้นเวลา 14.30 น. ได้เคลื่อนกลับรถตรงหน้าห้าง ทั้งที่เป็นสถานที่ห้ามกลับรถ เลี้ยวขวามาถนนพระราม 1 จอดปิดถนนและให้ม็อบหน้ากากขาวได้เดินจัดขบวนตามรถยนต์สองคันดังกล่าว พร้อมพาแกนนำขึ้นรถยนต์ ติดลำโพงเครื่องเสียงและปราศัยโจมตีรัฐบาลตลอดทางตั้งแต่เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากหน้าห้างสรรพสินค้า ผ่านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และไปปิดสี่แยกหน้ามาบุญครอง

ประชาชนวิจารย์กันอย่างมากว่าม็อบหน้ากากขาวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากกรุงเทพมหานคร ทั้งการอำนวยความสะดวกรถสุขา-ห้องน้ำเคลื่อนที่ที่สนามหลวง ตลอดจนการใช้ทรัพย์สินของราชการมาช่วยนำม็อบกลางกรุงเทพมหานครในวันนี้


ชาวสุรินทร์ประนามอภิสิทธิ์ ไม่กล้าจัดเวทีผ่าความจริงเมืองช้าง ดีแต่พูดค้านทุกเรื่อง

30 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศและติดป้ายประชาสัมพันธ์ทั่ว จ.สุรินทร์ ว่าจะจัดเวทีผ่าความจริงในวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย.56 บริเวณโรงเรียนสุรวิทยาคาร อ.เมือง จ.สุรินทร์ ล่าสุดไม่มีการจัดเวทีผ่าความจริงตามวัน เวลาดังกล่าวแต่อย่างใด มีเพียงการนำป้ายไปติดทับป้ายประชาสัมพันธ์ข้อความว่าเลื่อนวัน เวลาในการจัดออกไปโดยไม่มีกำหนด และประชาสัมพันธ์การเลื่อนกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่มีกำหนดผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบูลสกายแชลแนท สร้างความสงสัยให้กับประชาชนชาวสุรินทร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนเสื้อแดงจังหวัดสุรินทร์หลายกลุ่มที่เตรียมการต้อนรับอย่างสมเกียรติ์

นางสมเนียง คงพลปาน แกนนำคนเสื้อแดงสุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้คนเสื้อแดงจังหวัดสุรินทร์ มีความสงสัยว่าทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำไม่มาจัดเวทีผ่าความจริงที่จังหวัดสุรินทร์ ในวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย.56 ตามที่โฆษณาไว้ ตนและพี่น้องคนเสื้อแดงเตรียมต้อนรับอย่างสมเกียรติ์ และจะตั้งป้อมรอต้อนรับอย่างนี้ตลอดไป ฝากบอกถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายเป็นฆาตกร 100 ศพ น่าจะมาเหยียบจังหวัดสุรินทร์ดูบ้างถ้าแน่จริง บอกว่าจะมาแล้วไม่กล้ามาอย่างนี้เอาผ้าถุงไปนุ่งดีกว่า เอาผ้าถุงไปใส่ก็ยังไม่พอต้องเอาผ้าถุงไปคลุมหัวแล้วเอาปี๊บไปคลุมหัวเดินดีกว่า มาสุรินทร์วันไหนก็ตาม นปช.ภาคอีสาน จะมารอต้อนรับให้แดงทั้งสุรินทร์ มาจัดเวทีผ่าความจริงที่จังหวัดสุรินทร์วันไหนบอกด้วย คนเสื้อแดงจะจัดเต็มจัดหนักแน่นอน โครงการรับจำนำข้าวของนายกปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ประโยชน์แก่ประชาชน แต่นายอภิสิทธิ์ และพรรคฝ่ายค้าน กลับมาค้านทุกเรื่อง ถามว่าเมื่อประชาชนได้รับประโยชน์มันมีอะไรมั้ย ชาวนากระดูกสันหลังของชาติ ความอยู่รอดของพี่น้องประชาชน กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ก็มีแต่ชาวไร่ชาวนาทั้งนั้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว ไม่เหมือนสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อุ้มแต่คนรวย คนจนไม่อุ้ม ตนฝากถึง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประชาชนเลือกท่านมาบริหารประเทศคนเสื้อแดงจะต่อต้านกระบวนการล้มรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน ขอให้นายก ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศต่อไป และขอประกาศให้รู้ว่า คนเสื้อแดงสุรินทร์ และ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน มีอุดมการณ์เดียวกันในการปกป้องรัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ รัฐบาลที่มาจากประชาชน กระบวนการคิดล้มล้างรัฐบาลไม่ว่า จะกลุ่มหน้ากากขาว อภิสิทธิ์ จำลอง และพันธมิตร ขอเพียงรัฐบาลและ ครม. ปู 5 จงเข้มแข็ง และทำงานด้วยควมซื่อสัตย์สมดั่งที่ประชาชนไว้วางใจเลือกเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ไม่ต้องกลัวพวกล้มรัฐบาลอีกต่อไปคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินจะคอยปกป้องรัฐบาลของประชาชน

ด้านนายประดับ สืบสันต์ ทนายความเสื้อแดงสุรินทร์ กล่าวว่า เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและเวทีผ่าความจริง ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มาจังหวัดสุรินทร์ในวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย.56 สาเหตุที่ไม่มาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อ้างเหตุผลไปต่างนานา จะมาไม่มาก็แล้วแต่พี่น้องคนเสื้อแดงสุรินทร์พร้อมต้อนรับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ตลอดเวลา หากมาคราวหน้าบอกล่วงหน้า บอกแล้วต้องมานะ หากบอกแล้วไม่มาก็คือไม่ใช่ นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ  พี่น้องเสื้อแดงทั้งหลายทั้งอีสานใต้และคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน อภิสิทธิ์ ก็มาจากการเลือกตั้ง นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนเขาเลือกให้คุณเป็นฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ คุณก็จงเป็นฝ่ายค้าน ส่วนนายกฯปูก็เป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ควรปล่อยให้เขาบริหารประเทศต่อไป ตอนที่คุณเป็นนายกรัฐมนตรีจากการจัดตั้งในค่ายทหาร เมื่อคุณเป็นนายกฯแล้วคุณทำอะไรบ้าง แต่พอนายกฯยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศคุณก็มาค้านเอา ค้านเอา คุณเป็นนายกฯครั้งแรกก็แจกเช็คช่วยชาติคนละ 2,000 บาท ให้เฉพาะคนมีเงินเดือนรากหญ้าไม่ได้นี่คืออะไร เมื่อจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารพี่น้องคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินได้ไปเรียกร้องให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ แต่กลับถูกกระชับพื้นที่แล้วเอาทหารมาปราบมาสลายการชุมนม จนพี่น้องคนเสื้อแดงทั้งแผ่นแดนตายประมาณ 100 ศพ บาดเจ็บ 3,000 กว่าราย สูญหายเป็น 1,000 ราย ผมจำและจำที่จะต้อนรับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เพราะคนเสื้อแดงสุรินทร์ตาย 5 ศพ โดนยิงด้วยสไนเปอร์ทั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ ถ้าคุณจากมาจัดเวทีผ่าความจริงที่จังหวัดสุรินทร์ ตนในฐานะทนายความคนเสื้อแดงจะถามว่าคุณสั่งฆ่าประชาชนทำไม ใครยิง เอะอะคุณก็ว่าเป็นชายชุดดำยิง ตอนคุณเป็นรัฐบาลจับชายชุดดำได้ยัง ขณะนี้ก็ไม่มีคนชุดดำมายิงคนเสื้อแดงแล้ว คุณมาให้ได้นะนายสุเทพ นายอภิสิทธิ์ แล้วจะมาจัดเวทีผ่าความจริงที่สุรินทร์เอาสมองส่วนไหนคิด 

"พานทองแท้" เผย "ขบวนการล้มข้าว" เริ่มแล้ว!!!

30 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว https://www.facebook.com/oakpanthongtae โดยมีข้อความดังนี้

"ขบวนการล้มข้าว" เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ

ถ้าอยากรู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังขบวนการฯนี้ ต้องมาดูกันที่ "ผังล้มข้าว" ครับ

ผม วิเคราะห์จาก "ผังล้มข้าว"แล้ว ขบวนการนี้เริ่มขึ้นจาก แนวความคิดของพรรคการเมืองที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง ไม่ยอมอดทนทำความดีให้ประชาชนรัก แล้วรออีก4ปีค่อยกลับมาลงสนามเลือกตั้งใหม่ เหมือนกับที่นานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วเขาทำกัน จึงต้องเล่นการเมืองนอกสภา เดินสายโจมตีรัฐบาล ปลุกระดมชาวบ้านให้ต่อต้านนโยบายของพรรคเพื่อไทย

ผังล้มข้าวที่1 เริ่มจากออกมาโจมตีว่านโยบายจำนำข้าวตันละ 15,000บาท ทำให้รัฐขาดทุนมากเกินไป จนคนเริ่มสับสนว่านโยบายนี้ดีหรือไม่ ทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจลดราคาลงเป็น 12,000บาท ก็ออกมาโจมตีว่าไม่เห็นด้วย ปลุกระดมชาวนาให้ออกมาชุมนุมอีก ลองรัฐบาลกลับมารับจำนำที่15,000บาท ก็ต้องโดนโจมตีเหมือนเดิม รัฐบาลก็ งง งง ว่าตกลงกรูจะทำไงให้เมิงเลิกด่าซะทีฟระ..???

ผังล้มข้าวที่2 พอโจมตีมากๆผู้เกี่ยวข้องก็ไม่กล้าขายข้าวสิครับ รับมาหมื่นห้าชาวนายิ้มแก้มปริแฮบปี้กันทั้งประเทศ แต่ราคาตลาดหมื่นเดียวพอขายปุ๊บ ก็โดนโจมตีปั๊บว่าขาดทุนอีกแล้วตันละห้าพัน ขายไปล้านตันก็หาว่ารัฐทำฉิบหายไปอีกห้าพันล้าน คนขายก็อิดๆออดๆไม่กล้าขาย กลัวๆกล้าๆอย่างนี้ข้าวก็ค้างเต็มโกดังครับ

ผังล้มข้าวที่3 พอล๊อคข้าวให้อยู่ในโกดังเรียบร้อย คราวนี้ก็ปล่อยข่าวสารพัดครับ หาว่าข้าวเน่าเต็มโกดัง ที่ไม่เน่าก็หาว่าใส่ยากันเน่า ใครกินไปจะเป็นมะเร็ง ทั้งฟอเวิร์ดเมล์ทั้งส่งต่อไลน์กันสารพัด โจมตีข้าวยี่ห้อโน้น เชียร์ข้าวยี่ห้อนี้ กันเต็มไปหมด ป้ายที่เห็นนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแผนสกปรกครับ ลงทุนทำArtwork จ้างช่างprintลงแผ่นผ้าใบ,ไวนิล แผ่นนึงหลายบาท ดูยังไงก็ไม่ใช่ฝีมือชาวบ้าน แต่จะเป็นใครทำน่าจะเดากันได้ไม่ยาก

"ขบวนการ ล้มข้าว" ก็คือ"ขบวนการล้มชาวนา"ครับ ปล่อยข่าวโจมตีเรื่องข้าว รัฐบาลอาจกระเทือน แต่ผลกระทบถึงชาวนารุนแรงกว่าเยอะครับ แต่ละคนเคยเป็นรัฐบาลเคยมีตำแหน่งใหญ่ๆโตกันทั้งนั้น กลับมาเต้าข่าวหลอกสังคมทำเป็นเด็กเล่นขายของ "ช้างชนกันในนา ต้นข้าวย่อมแหลกราญ"ครับ ขืนปล่อยให้โจมตีกันอย่างนี้ต่อไป ต่อให้รัฐบาลอยู่ได้ แต่ชาวนาก็ตายก่อน หากเกิดวิกฤติความเชื่อมั่นต่อคุณภาพข้าวไทยขึ้นมา บอกไว้ตรงนี้เลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบเต็มๆครับ

บอกใบ้ แผนอุบาทว์ "ผังล้มข้าว-ล้มชาวนา" ให้แล้ว ใครมาเป็นรัฐมนตรีฯพาณิชย์ ก็ช่วยๆแก้ไขให้รวดเร็วทันอาการกันหน่อยครับ ซื้อข้าวจากชาวนามาแพงๆ ขายในตลาดโลกก็ย่อมต้องขาดทุนอยู่แล้ว ใครๆเขาก็รู้กันทั่ว ไม่ต้องไปสนใจพวกงมงาย ที่คิดว่าจำนำข้าวจะต้องไม่ขาดทุน อันนั้นเขาเอาไว้หลอกสลิ่มครับ ขอเพียงเปิดเผยตัวเลขให้ชัดเจน ทุกกระบวนการต้องตรวจสอบได้ ระมัดระวังอย่าให้มีการทุจริตอย่างจริงจัง หากตรวจพบการทุจริต ให้จัดการขั้นเด็ดขาด ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก ข้าวที่มีอยู่ก็เก็บรักษาให้ดีๆ มีช่องทางระบายออกได้ก็ทำให้โปร่งใส ทำแบบนี้ได้คนเขาก็ปรบมือให้ทั้งประเทศแล้วละครับ

เอาง่ายๆ ตรวจสอบเรื่องข้าวให้ได้เหมือนที่ อาธาริตฯกำลังลุยตรวจสอบรถหรู รถจดประกอบอยู่ตอนนี้ แค่นี้ก็สะใจกองเชียร์แล้วละคร๊าบบบ....

สหรัฐอเมริกา ยืนยัน ข้าวไทยปลอดภัย


30 มิถุนายน 2556 go6TV - นายวอลเตอร์ เอ็ม เบราโนห์เลอร์ (Walter M. Braunohler) โฆษกสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันทางการสหรัฐไม่ได้เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติต่อข้าวไทยที่ ส่งออกไปยังสหรัฐ ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งแต่อย่างใด สำหรับประกาศเตือนภัยยาฆ่าแมลงในสินค้าข้าวบนเว็บไซต์เอฟดีเอของสหรัฐที่เป็นข่าวนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นระเบียบการประกาศเตือนภัยที่เผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2541 และมีการอัพเดตข้อมูลใหม่ๆ เสมอเมื่อมีรายการสินค้าอื่นๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง

"ทางการสหรัฐและรัฐบาลไทยมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเสมอมา เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าอาหารของไทยจะมีความปลอดภัยสำหรับบริโภคทั้งในไทยและสหรัฐ" นายวอลเตอร์กล่าว

โฆษกทูตสหรัฐระบุว่าด้วยว่า การประกาศเตือนล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค. ไม่เกี่ยว ข้องกับโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลไทย ส่วนการติดเชื้อหรือสารเคมีในผลิตภัณฑ์ข้าวนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพการจัดเก็บสินค้าที่แตกต่างไปในแต่ละสถานการณ์ และยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐไม่มีท่าทีต่อต้านนโยบาย ดังกล่าว

สอดคล้องกับ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรค เพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องข้าว ว่า "ไม่แปลกเพราะนายอภิสิทธิ์ไม่เคยมีความคิดในทางบวกกับรัฐบาล รัฐบาลทำอะไรก็ ผิดไปหมด เล่นเกมการเมืองจนทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤตในเรื่องข้าว ซึ่งการปล่อยข่าวโจมตีเรื่องการรมยาข้าวว่าใช้ยามากเกินไป ทำให้หนูและแมลงสาบตายในโกดังข้าว หากกินข้าวจากการรับจำนำข้าวเข้าไปแล้วอาจทำให้เป็นมะเร็งตายได้นั้น เป็นการพูดที่ขาดจิตสำนึก และขาดความรับผิดชอบต่อประเทศ และประชาชน ทั้งที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์ ยืนยันผลตรวจวิเคราะห์ข้าวว่าไร้ปัญหาและปลอดภัยได้มาตรฐาน รับประทานได้ ก็ยังปล่อยข่าวว่า อย.สหรัฐสั่งห้ามนำเข้าหรือกักกันข้าวไทย เพราะเกรงว่าข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวมีสารเคมีเกินขนาด"

นายอนุสรณ์กล่าวว่า "ทูตพาณิชย์ในสหรัฐยืนยันแล้วว่าไม่มีการกักกันหรือห้ามนำเข้าข้าวไทย และเพื่อความมั่นใจกรมวิชาการเกษตร และ อย.ไปตรวจเพิ่มอีกรอบ ตนขอประณามคนที่ปล่อยข่าวทำลายประเทศแบบนี้ว่าไม่สมควรอยู่ในแผ่นดินไทย และถ้ามีใครต้องตายจากมะเร็งควรเป็นพวกปล่อยข่าวมากกว่าที่ตายเพราะมะเร็งอารมณ์"

ตีแตกหน้าสลิ่ม! "ธีรัตถ์" เผยคำยืนยันปลัดพาณิชย์ "ข้าวเหนียวยูนิเวอร์แซลไรซ์" ที่ถูกสหรัฐกัก ไม่ใช่ข้าวโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล

30 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30น. ที่ผ่านมา นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @teeratr อ้างอิงคำยืนยันของ นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า ข้าวเหนียวของบริษัทยูนิเวอร์แซลไรซ์ที่ถูกกักที่สหรัฐ ไม่ใช่ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยมีเนื้อหาดังนี้

  • ปลัดกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าข่าวที่ออกมาว่าข้าวเหนียวของไทยที่ถูกกักไว้ที่ลอสแองเจลิสนั้น ไม่ใช่ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว
  • ปลัดพาณิชย์ย้ำว่าข้าวเหนียวของบริษัทยูนิเวอร์แซลไรซ์ ที่พบสารปนเปื้อนในสหรัฐอเมริกานั้น ตรวจแล้วว่าบริษัทด้ังกล่าวไม่ได้เป็นคู่ค้าของรัฐบาล
  • ปลัดวัชรีบอกว่า ข้าวที่ถูกกักเอาไว้เป็นข้าวเหนียว ซึ่งน่าจะเป็นการซื้่อมาจากเอกชนที่อื่นๆ เพราะข้าวเหนียวร่วมโครงการจำนำข้าวน้อยมาก
  • ปกติข้าวเหนียวบริโภคภายในประเทศเสียมากกว่า ส่งออกน้อย โดยตลาดส่งออกข้าวเหนียวหลักของไทยคือสาธารณรัฐประชาชนจีนมากที่สุด
  • ปลัดพาณิชย์บอกว่าข้าวไทยขึ้นชื่อว่าเป็นข้าวที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานส่งออก เพราะมีการดูแลข้าวในสต็อกที่ได้มาตรฐาน จึงไม่เคยมีเลยถูกกัก
  • ปลัดพาณิชย์บอกว่าการเสนอข่าวโดยไม่ดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้าว เอกชนผู้ส่งออกข้าวจะได้รับผลกระทบและกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยเอง

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ยิ่งลักษณ์" ชวนเที่ยวงาน OTOP หนุนเกษตรโซนนิ่งสร้างรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน


29  มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา รายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมชมและเลือกซื้อสินค้าในงานโอทอปชวนชิมและผลไม้ไทย ที่จัดขึ้น ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 ศูนย์แสดงสินค้าเมืองทองธานี โดยในงานดังกล่าวมีผลไม้และอาหารจากทั่วประเทศมาวางจำหน่ายให้ได้เลือกซื้อกันระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน จนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2556 รวมถึงสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านไปรษณีย์ไทย ให้จัดส่งไปทุกที่ทั่วประเทศได้อีกด้วย 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "เหตุผลสำคัญในการจัดงานครั้งนี้ คือการช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางในการระบายพืชผลทางการเกษตรที่มีผลผลิตมากในช่วงนี้ เป็นการช่วยแก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ขณะเดียวกันยังได้รับความร่วมมือจากบรรดาผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดใหญ่ มาร่วมซื้อผลไม้เพื่อนำไปจำหน่ายตามร้านค้าของตนเอง ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยระบายผลไม้ได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามในการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำนั้น ในระยะกลางนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะต้องมีการวางแผนนำพืชผักผลไม้เข้าสู่กระบวนการแปรรูป เพื่อให้มีระยะเวลาการเก็บที่นานขึ้น แต่ในระยะยาวสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ก็คือการจัดพื้นที่ทำการเกษตรให้เหมาะสม หรือ เกษตรโซนนิ่ง"

"เกษตรโซนนิ่ง จะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวให้แก่เกษตรกรของไทย โดยจะมีการจัดพื้นที่ที่เพาะปลูกพืชให้เหมาะสม เหมาะกับสภาวะ การชลประทาน รวมถึงการคมนาคมขนส่ง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่อไร่ต่ำ และมีรายได้ที่สูงขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดสรรว่าพื้นที่จังหวัดใด เหมาะกับการปลูกพืชชนิดใด ในพื้นที่ดังกล่าวมีความต้องการพืชอะไร เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว อีกทั้งเป็นการแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตรล้นตลาด และราคาตกต่ำ" 

ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย้ำว่าเกษตรโซนนิ่งนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดพื้นที่ แต่การเข้าร่วมโครงการนั้น เป็นไปตามความสมัครใจของเกษตรกร โดยภาครัฐหวังให้เป็นทางเลือก ในการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร 

ทางด้าน ดร.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวด้วยว่าเกษตรโซนนิ่ง จะมีการจัดรูปที่ดิน การใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อทำให้การบริหารผลผลิตได้สินค้าที่ราคาไม่แพง หรือราคาต่ำจนเกินไป ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการใช้แผนที่และฐานข้อมูลชุดเดียวกันในการดำเนินการ 

ส่วน นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มเดินหน้าเกษตรโซนนิ่งแล้ว ได้มีการประกาศพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสม 13 ชนิด การทำปศุสัตว์ 5 ชนิด และ สัตว์น้ำ 2 ชนิดในประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมีการสำรวจและวิจัยแล้วพบว่าเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ อีกทั้งสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนแก่เกษตรกร

ข้อมูลเพิ่มเติม
Facebook Yingluck Shinawatra - นายกฯยิ่งลักษณ์เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลอาหาร OTOP และผลไม้


Youtube ไทยคู่ฟ้า - นายกรัฐมนตรีเปิดงานเทศกาลอาหาร OTOP และผลไม้

"ทักษิณ" ยก "แมนเดล่า" ต้นแบบปรองดอง แนะคนไทยหยุดปล่อยข่าวลือ โกหกใส่ร้าย ทำลายล้างกัน


29 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/thaksinofficial โดยมีเนื้อหาดังนี้

หายไปนานครับ เดินทางมากไปหน่อย วันนี้ทราบข่าวท่านประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดล่า (Nelson Mandela) ประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้ ผู้เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อายุ 94 ปี เกิดอาการป่วยหนักรักษาตัวอยู่ในไอซียู ผมก็เลยขออนุญาตเขียนถึงท่านหน่อยครับเพื่อแสดงความนับถือและยกย่องบุคคลที่เป็นรัฐบุรุษของโลกไม่ใช่เพียงแอฟริกาใต้เท่านั้น

ท่านถูกจับติดคุกหลายปีในขณะต่อสู้กับการปกครองของคนผิวขาวเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับคนผิวดำซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศจนต้องถูกจับเข้าคุกไปเป็นสิบๆปี แต่ก็ไม่เคยลดละความพยายามที่จะต่อสู้

ในขณะที่ท่านติดคุก ก็มีภริยาของท่านคือ Winnie Mandela ภรรยาแรกที่มีบุตรด้วยกันหลายคนเป็นผู้นำการต่อสู้อยู่ข้างนอก จนท่านเนลสัน แมนเดลาพ้นคุก และลงเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยชนะได้เป็นประธานาธิบดีด้วยเสียงท่วมท้น แล้วท่านก็มาเริ่มขบวนการสร้างความปรองดองในชาติโดยใช้กีฬาคือรักบี้ฟุตบอลเป็นสื่อกลางให้คนขาวและคนดำมารวมกัน ซึ่งก็ได้ผลมากจนเกิดความปรองดองในชาติได้ 

ผมบังเอิญรู้จักภรรยาของท่านคือ Winnie Mandela ซึ่งเป็น ส.ส.อยู่ในสภา ขณะนั้นท่านก็อายุ 80 กว่าแล้ว(ภายหลังเลิกกันและภรรยาคนปัจจุบันของท่านคืออดีตภรรยาของอดีตประธานาธิบดีโมซัมบิก ซึ่งถึงแก่กรรมไปก่อนนานแล้ว) มาดาม Winnie ได้ชวนผมไปเยี่ยมที่บ้านที่อยู่ปัจจุบัน เป็นบ้านที่ท่านเนลสัน แมนเดลาได้มาอยู่ด้วยหลังจากออกจากคุก และก็ได้ให้ลูกสาวท่านพาผมไปเยี่ยมคารวะท่านประธานาธิบดี เมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ตอนนั้นท่านยังสมอง sharp มาก แต่ก็ไม่ค่อยดี ท่านยืนไม่ค่อยได้นาน ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านถูกล่ามโซ่ ทำให้ขามีปัญหา และท่านก็ถามถึงเหตุการณ์บ้านเราในขณะนั้น ท่านอยากเห็นความปรองดองในประเทศไทย ก็แลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่พักนึง

พอวันนี้ผมก็เลยเขียนเพื่อแสดงความเคารพและหัวใจนักสู้ที่มีความเมตตาคิดถึงส่วนรวมมากกว่าตัวเอง และก็ได้แต่อยากเห็นประเทศไทยซึ่งเคยเป็นเมืองศิวิไลซ์แต่วันนี้กลับมีความแตกแยกได้กลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่เป็นที่ชื่นชมและน่าเคารพในสายตาคนอื่นเขาบ้าง แต่ก็ไม่ง่าย ถ้าเรายังอยู่กันด้วยการปล่อยข่าวลือโกหกทุกเรื่องเพียงเพื่อหวังทำลายฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ตัวเองได้มีอำนาจโดยไม่เคารพกติกาของประชาธิปไตย แถมคนรักษากติกาก็ไม่มีใจเป็นธรรม

วันนี้คนแอฟริกาใต้ไม่ว่าจะเป็นคนผิวขาวหรือคนผิวดำ เขาก็มีความรักชาติเขาและเคารพกติกาที่มีอยู่ทั้งๆที่คนผิวขาวแทบจะไม่มีบทบาททางการเมืองมากนัก เขาก็เต็มใจที่จะอยู่ในกติกาของเขา 

บังเอิญกัปตันเครื่องบินส่วนตัวผมทั้งสองคนก็เป็นคนแอฟริกาใต้ผิวขาวทั้งคู่ เลยได้คุยกันถึงการต่อสู้ของท่านแมนเดลาและการอยู่ร่วมกันของคนทั้งผิวขาวและผิวดำอย่างสันติครับ

"ควงป้าย" อาชีพใหม่ยอดนิยม ของวัยรุ่นสหรัฐ



แม้โลกแห่งการโฆษณาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนวิธีโฆษณาแบบเดิมๆ เช่น ป้ายโฆษณา ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำธุรกิจหลายประเภท หลายเมืองใหญ่ทั่วอเมริกาได้นำป้ายโฆษณาแบบเคลื่อนที่หรือการใช้คนยืนควงป้ายโฆษณาเพื่อเรียกร้องความสนใจ และก็ได้ผลดีเสียด้วย

ตามข้างถนนในเมืองใหญ่ๆทั่วอเมริกา คุณสามารถพบเห็นเด็กวัยรุ่นยืนหมุนหรือควงป้ายโฆษณาขนาดต่างๆได้ทั่วไป ที่ว่าหมุนหรือควงก็เพราะวัยรุ่นเหล่านั้นจะนำป้ายโฆษณาหมุนขึ้นบน ลงล่าง ไขว้หน้าไขว้หลัง บางครั้งก็เต้นไปกับป้ายด้วย เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา
                            
Horacio Moreno ทำอาชีพรับควงป้ายโฆษณามา 5 ปีแล้ว เขาบอกว่าได้เงินดีแถมยังสนุก ที่สำคัญไม่ต้องไปเป็นลูกน้องใครให้เขาโขกสับ ผู้ว่าจ้าง Moreno คือบริษัทโฆษณา Arrow Advertising ที่มีสาขาในหลายเมืองทั่วอเมริกา

คุณ Michael Patterson ประธานบริษัท Arrow Advertising สาขากรุงวอชิงตัน เล่าถึงต้นกำเนิดของไอเดียควงป้ายโฆษณานี้ว่า เพื่อนของตนเคยไปรับงานพิเศษถือป้ายตามข้างถนน แล้วรู้สึกว่าเป็นงานที่ไม่น่าทำเอาเสียเลย แต่เมื่อลองทำให้ป้ายเคลื่อนไหวไปมาแทนที่จะอยู่นิ่งๆ กลับสร้างความสนใจได้มากขึ้น และยอดขายสินค้าก็เพิ่มขึ้นด้วย เพื่อนจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียก่อนที่จะขยายมาฝั่งตะวันออก

คุณ Patterson บอกว่า 12 ปีต่อมา บริษัทมีสาขาอยู่ใน 11 ประเทศ และใน 49 เมืองใหญ่ๆของสหรัฐ โดยArrow Advertising ว่าจ้างคนควงป้ายโฆษณาไปแล้วหลายหมื่นคนในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งธุรกิจที่ใช้บริการคนควงป้ายนั้นมีทุกประเภท แต่ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ถึงกระนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนควงป้ายได้ง่ายๆ แต่ต้องผ่านการฝึกฝนพอสมควร คุณ Patterson บอกว่าที่ต้องฝึกฝนก็เพราะคนควงป้ายต้องมีทักษะและเทคนิค เช่นไม่ควงป้ายเร็วเกินไป เพราะผู้คนจะไม่ทันเห็นว่าป้ายนั้นโฆษณาอะไร นอกจากนั้น คุณ Patterson บอกด้วยว่าท่าเต้นที่แปลกๆ ก็เรียกร้องความสนใจของลูกค้าได้เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจึงได้จัดอบรมการเต้นและควงป้ายให้กับเด็กนักเรียนมัธยมปลายในแต่ละท้องถิ่นที่ต้องการทำงานเพื่อหารายได้พิเศษ ซึ่งเด็กที่มาเรียนส่วนใหญ่นั้นเป็นเด็กผู้ชาย แต่บางครั้งก็มีเด็กผู้หญิงมาร่วมเรียนด้วย เช่น Estefanie Amaya นร.มัธยมปลายวัย 16 ปี เธอบอกว่าผู้หญิงก็ควงป้ายเป็นเหมือนกันและก็ทำได้ดีไม่แพ้ผู้ชายเลย    

อ้างอิง
เด็กวัยรุ่นอเมริกันรับจ้างควงป้ายโฆษณาตามข้างถนนเพื่อหารายได้พิเศษ กลายเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตในอเมริกา                                         

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สุดไฮเทค! "ยิ่งลักษณ์" โพสต์อินสตาแกรมวีดิโอ เชิญชวนประชาชนเที่ยวงาน OTOP



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30น. ที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจนายกรัฐมนตรี ภายในห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ลงในอินสตาแกรม @pouyingluck_shin เป็นคลิปอินสตาแกรมวีดิโอ โดยกล่าวว่า "อย่าลืมแวะไปงาน เทศกาล OTOP และผลไม้" ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นะคะ เม็ดเงินของท่านจะได้ช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้เกษตรกรค่ะ" พร้อมกับข้อความระบุประกอบคลิปดังกล่าวว่า "เม็ดเงินที่ทุกท่านใช้ซื้อสินค้าและผลิตผลต่างๆ ถือเป็นกำลังใจและช่วยผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยของเรา เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็งนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงต่อไปค่ะ"

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้กล่าวในการเปิดงานเทศกาลอาหาร OTOP และผลไม้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า "รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีนโยบายสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนา โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แต่ละชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ในการพัฒนาสินค้า และสนับสนุนให้ชุมชนมีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้สมัยใหม่ แหล่งเงินทุน และการตลาด เพื่อเชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ"

"นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำถึงการจัดงานว่า เป็นการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงาน เพื่อช่วยเหลือพี่น้อง OTOP และเกษตรกร ชาวสวนผลไม้ ในการกระจายและจำหน่ายผลไม้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลไม้ของเกษตรกรออกผลผลิตเป็นจำนวนมาก ทำให้สินค้าราคาตกต่ำ และบางครั้งก็เกิดปัญหาสินค้าลดตลาด รัฐบาลจึงได้จัดงานนี้ขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ"

ครั้งแรกของโลก! "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" โชว์ความสามารถด้านโซเชี่ยลมีเดียร์ แถลงข่าวผ่าน "อินตราแกรมวิดิโอ"


28 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซท์ InsideThaiGOV ได้เผยแพร่ ภาพข่าว ระบุว่า เฟซบุ๊ก ( www.facebook.com/Sand.Chayika ) ของ นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์คลิปวีดีโอการแถลงข่าวของนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกระแสข่าวองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาแจ้งเตือนกักกันสินค้าข้าวนำเข้าของไทย ผ่านโซเชี่ยลมีเดียร์ "อินตราแกรมวิดิโอ" 

สำหรับการนำเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ ด้วยการนำคลิปวีดีโอ การแถลงข่าวของภาครัฐมาเผยแพร่ทันทีทีมีการแถลงข่าว เพื่อให้สามารถสื่อสารข้อมูลโดยตรงถึงประชาชน ในครั้งนี้ของนางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นับเป็นมิติใหม่ของการสื่อสารของภาครัฐ ผ่านโซเชี่ยลมีเดียร์อย่างเป็นประโยชน์ ภายใต้การนำของ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เพียง 1 สัปดาห์ Facebook ประกาศเปิดตัว ฟีเจอร์เด็ดใหม่บนอินตราแกรม (Instagram) นั่นคือ Video for Instagram ที่สามารถโพสต์คลิปขนาดเล็ก รองรับการถ่ายคลิปสั้น พร้อมตกแต่งฟิลเตอร์ได้แบบอินสตาแกรม ซึ่งรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับเป็นรัฐบาลและหน่วยงานแรกของโลกที่ใช้  "อินตราแกรมวิดิโอ" ในการร่วมแถลงข่าว



สู้เพื่อประชาชน! "ยิ่งลักษณ์" แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีการบริหารจัดการน้ำ

28 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้มี หนังสือคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่147/2556 แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีการบริหารจัดการน้ำ โดยหนังสือคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวประกอบด้วยส่วนขององค์ประกอบของคณะกรรมการกลั่นกรอง คือมี รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นรองประธานกรรมการ  มีกรรมการอีก 8 คน ประกอบด้วย  ปลัดกระทรวงการคลัง, ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ปลัดกระทรวงยุติธรรม, เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, ผ.อ.สำนักงบประมาณ, เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, เลขาธิการคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ผู้แทนสำนักอัยการสูงสุด และอีกหนึ่งท่านคือ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ

ซึ่งในหนังสือได้กำหนดภาระอำนาจหน้าที่ โดยมีหลักคือการ พิจารณาศึกษาคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 1025/2556 และเสนอแนวทางในการดำเนินโครงการการบริหารและจัดการน้ำต่อไป  รวมถึงยังมีอำนาจหน้าที่ในการขอให้หน่วยงานรัฐ องค์กรหรือบุคคล ให้ความร่วมมือในการชี้แจง แสดงความคิดเห็น และยังสามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานอื่นเพื่อดำเนินงานตามมอบหมายได้


ASTVหน้าแหก! สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศแจงข้อเท็จจริง สหรัฐไม่ได้กักข้าวไทย

28 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้ปรากฏหนังสือราชการของสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยระบุว่า เป็น "ข้อเท็จจริงการนำเสนอข่าวของประเทศไทยกรณีองค์การอาหารและยาสหรัฐฯประกาศแจ้งเตือนกักกันสินค้าข้าวนำเข้าของไทย" ทั้งนี้ หนังสือฉบับดังกล่าว เป็นการตอบโต้การบิดเบือนข่าวสารในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของสำนักข่าว ASTV ผู้จัดการออนไลน์ที่ปล่อยข่าวบิดเบือนในกรณีดังกล่าว โดยครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่สื่อดังกล่าวใส่ร้ายและบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเพื่อต้องการให้ประชาชนหลงเชื่อและลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล

ทั้งนี้ เนื้อหาเอกสารฉบับดังกล่าวของสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีจำนวน 6 หน้า โดยมีเนื้อหาดังนี้









ลากไส้แฉกันเอง! "หน้ากาก V" สารภาพนักรบศรีวิชัยคนดัง "สาโรจน์" เดินสายปลุกปั่น "ม็อบปะทะเลือด" ทุกแห่ง

วันที่ 28 มิถุนายน 2556 (go6TV) เพจ V For Thailand แฉแกนนำพันธมิตร “สาโรจน์” ตัวการพาม็อบไปปะทะ สร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดัง!

เพจ V for Thailand ได้แฉว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันของกลุ่มคนเสื้อแดงและหน้ากากขาวที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนนั้น ต้นเหตุเกิดจากแกนนำนักรบศรีวิชัยคนดังเจ้าของเพจ  “สาโรจน์ ขอเป็นข้ารองพระบาท ทุกชาติไป” ได้หลอกพาคนหน้ากาก V เชียงใหม่ ย้ายสถานที่จากสวนสุขภาพไปชุมนุมอีกแห่งเพื่อเกิดการปะทะทำร้ายร่างกายกัน  เมื่อเกิดการปะทะ นักรบศรีวิชัยคนดังก็จะหลบหายตัว แต่จะอัพเดทภาพการปะทะ สร้างภาพตนเป็นวีรบุรุษในสงคราม  อีกทั้งนักรบศรีวิชัย “สาโรจน์” คนนี้ได้เดินสายปลุกปั่นให้สาวกพันธมิตรออกไปปะทะอยู่บ่อยครั้ง โดยเอาชีวิตพี่น้องประชาชนเข้าแลกเพื่อให้ตัวเองได้ชื่อเสียง    โดยเพจ V For Thailand  ได้เขียนข้อความไว้ดังนี้

"ข้อมูลจากทาง V เชียงใหม่ และ V ภูเก็ต เตือนเรื่องนี้มาสู่ชาว V ทั่วประเทศ"

จากการที่ได้ทำการสอบถามข้อมูลของทางพี่น้อง V เชียงใหม่ทราบว่า ในวันที่เกิดเหตุโดนทำร้ายนั้น เดิมที ต้องการนัดชุมนุมกันที่สวนสุขภาพ

แต่ได้มี บุคล ที่อ้างว่า เป็นระดับแกนนำ เป็นนักต่อสู้ เป็นนักรบศรีวิชัย ใช้ชื่อว่า สาโรจน์ เข้าไปชี้นำเพื่อให้เปลี่ยนสถานที่

โดยอ้างว่าเขาชำนาญ และเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระดับมวลชน และบอกว่าจะถ่ายทอดสดบนเวปไซต์ ให้กับพี่น้องชาว V เชียงใหม่ ขอให้เชื่อมั่นในตัวเขา จากนั้นก็เปิดเฟสบุ๊ค เอารูปโปรไฟล์ต่างๆมาชักจูง จึงอยากให้ย้ายสถานที่ ไปยังจุดที่เกิดเหตุ

ก่อนเกิดเหตุ ผู้แอบอ้างว่าเป็นระดับแกนนำยังทำการถ่ายรูป และได้นำมาพรีเซ็นต์ ตัวเองบนเพจของเขา แต่เมื่อ แดงเชียงใหม่มา บุคลผู้นั้นกลับเดินหายไปจากการชุมนุม จากที่เรา ชาว V ได้เข้าไปดูที่เพจของผู้อ้างตัวว่าเป็นแกนนำคนดังกล่าว พบว่า ได้ สาธยายทุกสิ่งราวกับอยู่ในเหตุการณ์ จนจบ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบ นี่ไม่ใช่การกระทำครั้งแรกของบุคลคนนี้ แต่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่ทราบในสังคมเฟสบุ๊คต่างทราบดี และถือเป็นอีกหนึ่งผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับชินวัตรจริงเพียงแต่ในแนวการต่อสู้มักสร้างปัญหาให้กับทุกกลุ่มมาโดยตลอด (ข้อมูลจาก V ภูเก็ต)


ทางเราชาว V จึงขอให้บุคลดังกล่าว หากต้องการร่วมต่อสู้ หรือประชาสัมพันธ์ ข่าวสาร เรายินดี แต่อยากให้ยุติการ ยุยง ชี้นำ และขอให้ยุติการกระทำที่แอบอ้างว่าตนนั้นคือระดับแกนนำของเหล่า ชาว V ในทันที เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการเอาชีวิตของพี่น้องเป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างสถานการณ์ในการเชิดชูตัวเองเท่านั้น ไม่ได้เป็นการต่อสู้เพื่อประชาชนแต่อย่างใด ถือว่าเป็นการกระทำที่อัปยศเป็นอย่างยิ่ง เราชาว V ประณามและขอให้ยุติการกล่าวอ้าง อันเป็นเท็จกับเราชาว V ทั่วประเทศ จึงเรียนมาเพื่อทราบ

"ยิ่งลักษณ์" เตรียมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล


28 มิถุนายน 2556 go6TV - นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2556 นี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี รวมถึงเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และหัวหน้าสวนราชการที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดการเดินทางไปราชการเพื่อตรวจดูความคืบจังหวัดยโสธร และจังหวัดมุกดาหาร

ในช่วงเช้าของวันที่ 30 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเพื่อตรวจเยี่ยมกลุ่มเกษตรอินทรีย์บากเรือ ต.บากเรือ อำเภอมหาชนะชัย ซึ่งที่นั่นเกษตรกรมีการรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็ง ทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ มีการบริหารจัดการโรงสีชุมชน แปรรูปข้าวสาร และผลิตภัณฑ์จากข้าว เช่น ข้าวสารหอมมะลิ ข้าวกล้อง น้ำมันรำข้าว อีกทั้งมีสินค้า OTOP ดีเด่น ได้แก่ กลุ่มเครื่องดนตรีไทย กลุ่มทอผ้า กลุ่มอนุรักษ์ไผ่งาม ฯลฯ ทั้งนี้ชุมชนดังกล่าวถือว่าเป็นแหล่งศูนย์เรียนรู้ชุมชนที่มีชื่อเสียงของ จ.ยโสธร ที่ควรส่งเสริมและต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ในด้านการแปรรูปสินค้า และการพัฒนา OTOP ให้ก้าวสู่สากล เพื่อสร้างฐานรายได้ใหม่ให้แก่ชุมชน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการเสริมศักยภาพการกักเก็บน้ำ โครงการชลประทานห้วยลิงโจน บ้านหนองบึง ตำบลหนองแซง อำเภอเลิงนกทา ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง พื้นที่ 3,172 ไร่ เก็บกับน้ำได้ 18.40 ล้าน ลบม.ใช้ประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตรรวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะจะไปดูการจัดการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม ที่ชุมชนบ้านภู ต.ภูวง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ที่พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เนื่องจากชาวบ้านยังคงมีการแต่งกายยังที่เป็นอัตลักษณ์ นุ่งซิ่นทิว ใส่เสื้อเย็บมือย้อมคราม มีพิธีบายศรีสู่ขวัญ มีประเพณีปฏิวัติตามฮีต 12 ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบสานไว้ กินข้าวหาแลงแกงกะมัง รวมถึงการพัฒนาเป็นโฮมสเตย์หรือที่พักค้างคืน ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการพัฒนาการค้าชายแดนที่ปัจจุบันมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจะไปตรวจราชการด่านชายแดนมุกดาหาร บ.นาโปง ต. บางไทรใหญ่ อ.เมือง เพื่อหาทางในการลดข้อจำกัดพิธีการด้านศุลกากร ระหว่าง ไทย และ สปป. ลาว รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลศุลกากรระหว่างกัน

ในช่วงเย็นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปดูความคืบหน้าการก่อสร้าง “พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์” พระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ หมู่ที่ 5 บ้านมโนรมย์ ตำบลศรีบุญเรือง อำเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มีพระธาตุรูปทรงแปดเหลี่ยม และรอยพระพุทธบาทจำลอง ทั้งนี้รัฐบาลต้องการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากขึ้นของจังหวัดต่อไป

ช่วงเช้าของวันที่ 1 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร ที่ในปัจจุบันจัดการเรียนการสอนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)  และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) รวม 9 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาวิชาเครื่องกล  ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างโยธา การบัญชี คอมพิวเตอร์ธุรกิจ  เทคโนโลยีสารสนเทศ  อาหารและโภชนาการ และเกษตรกรรม และธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลเห็นควรส่งเสริมพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป

จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ แนวทางการทบทวนแผนพัฒนาจังหวัดและการจัดทำตัวชี้วัดการพัฒนาจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดยโสธรให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ ณ โรงแรมริเวอร์ ซิตี้ จังหวัดมุกดาหาร ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในช่วงเย็น

"วิทเยนทร์" ผู้บริหารบลูสกายยอมรับหญิงคลอเคลีย "อดีตพระมิซูโอะ" เป็น "พี่สาวตน"

วันที่ 28 มิถุนายน 2556 (go6TV) วิทเยนทร์ มุตามระ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย ยอมรับ ภาพหญิงสูงวัยถ่ายคู่กับอดีตพระมิซูโอะ คือ "พี่สาว" ของตน

นายวิทเยนทร์ มุตามระ ได้เขียนข้อความส่วนตัวในเฟสบุ๊ค ยอมรับว่าภาพสาวคนที่ถ่ายคู่กับอดีตอาจารย์มิซูโอะคือ "นางสุทธิรัตน์ มุตามระ" พี่สาวของตน และยอมรับเรื่องที่สองคนได้กระทำลงไป โดยมีข้อความดังนี้

"จากกรณีที่มีภาพอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะและสุภาพสตรีคนหนึ่งปรากฏและเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอยู่ในขณะนี้ ผมได้รับคำถามจำนวนมากว่าสตรีท่านนี้เป็นอะไรกับผม ผมจึงขอตอบตรงๆเพื่อความชัดเจนตรงนี้ว่า เป็น"พี่สาว"ผมครับ

ทั้งพี่สาวผมและอาจารย์มิตซูโอะทั้งสองเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อาจารย์ท่านก็ศึกษาธรรมะปฏิบัติมานานไม่เคยมีเรื่องมัวหมอง ตอนนี้ท่านก็ลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสแล้ว ผมเชื่อว่าท่านมีสติรู้ว่าท่านทำอะไรอยู่และกำลังจะทำอะไรต่อไปในอนาคต

ผมเชื่อว่าคนสองคนที่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ คนทั้งสองต้องทำบุญทำกรรมร่วมชาติกันมามากอย่างที่เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส และการตัดสินใจของคนทั้งสองก็อยู่ในกฏเกณฑ์กติกาทั้ง
ทางโลกและทางธรรม

หากจะถามผมว่าอนาคตของทั้งสองจะอยู่กันที่ไหนอย่างไร ผมตอบตรงๆว่าไม่ทราบครับ เพราะถึงเราจะเป็นพี่น้องกันเราเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน เขาจะอยู่เมืองนอกหรือเมืองไทยคือการตัดสินใจของเขาทั้งสองครับ

ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรผมจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง"


วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ธีรัตถ์" โพสต์ FB สยบข่าวลือในเน็ต เผยรัฐไม่ได้เร่งตัดการจ่ายไฟฟ้า

27 มิถุนายน 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00น. ที่ผ่านมา นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว Teerat Ratanasevi https://www.facebook.com/teerat ระบุว่า ไม่ได้มีการเร่งตัดการจ่ายไฟฟ้าตามข่าวลือในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีข้อความดังนี้


มีการใช้ Social Media ปล่อยข่าวที่ไม่จริงอีกแล้วว่ารัฐบาลสั่งให้การไฟฟ้าตัดไฟ ถ้าจ่ายบิลค่าไฟเกิน 7 วันและต้องรอ 1 เดือนถึงติดมิเตอร์ แท้ที่จริงแล้วตรงกันข้าม 

เพราะทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือเรกูเลเตอร์ จะเรียกทั้งการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้ามาหารือถึงเกณฑ์การผ่อนผันการตัดไฟให้กับประชาชน เพราะที่ผ่านมาให้เวลาประชาชนชำระค่าไฟภายใน 10 วันหลังจากได้รับบิล และตัดไฟทันที ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสม โดยอาจหารือเพื่อขยายเวลาเพิ่มเป็น 20 วัน หรือ 1 เดือน 


นอกจากนี้จะให้การไฟฟ้าพิจารณาแนวทางการตัดไฟฟ้าของชาวบ้านที่ยากจนรูปแบบใหม่ โดยต้องมีดุลพินิจพิจารณาตามความเหมาะสมด้วย

ศาลปกครองชี้ "โครงการบริหารน้ำ 3.5 แสนล้าน" ขัดรัฐธรรมนูญ ม.67 วรรค 2 ต้องทำประชาพิจารย์ก่อนจ้างออกแบบและก่อสร้าง

สรุปคำพิพากษา คดีสมาคมต่อต้านโลกร้อนฟ้องศาลปกครอง พิจารณาระงับโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้

1.        ผู้ฟ้องมีสิทธิฟ้องหรือไม่  ประเด็นนี้ ศาลเห็นว่าผู้ฟ้งอคดีที่ 1 อาจเป็นผู้เดือดร้อนหรือเสียหาย จึงมีสิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาล

2.        แผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ ขัดต่อกฎหมายหรือไม่  ประเด็นนี้ ศาลเห็นว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย

3.        ต้องทำประชาติหรือไม่   ศาลเห็นว่า ไม่ต้องทำประชามติเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำ

4.        นโยบายโครงการน้ำฝ่ายรัฐบาล ไม่ได้ขัดต่อ รธน. มาตรา 57,  58, 67 วรรค 1 วรรค 3 เพราะไม่มีหน้าที่บัญญัติในกฎหมาย  มีแต่ห้ามขัดขวางสิทธิประชาชน


5.        โครงการน้ำ ขัด รธน.ม. 67 วรรค 2 ให้เอกชนทำตามทีโอการ์ไม่ได้  เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องทำการศึกษา EHIA รับฟังความคิดเห็น  จึงมีคำพิพากษาให้รัฐไปทำกระบวนการรับฟังความเห็นประชาชนก่อน จึงดำเนินการจ้างออกแบบและก่อสร้าง 

ผอ.ช่อง 5 แจงระงับ “ฮาร์ดคอร์ข่าว” รับเนื้อหาไม่ชัด หวั่นโดนฟ้อง ยันไม่มีใครแทรกแซง บก.ตัดสินใจถอดเอง

วันที่ 27 มิถุนายน 2556 (go6TV) -  พล.ท.ฉัตรชัย สาริกัลยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่มีการสั่งระงับการออกอากาศรายการฮาร์ดคอร์ข่าว ขณะที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับบริษัทเค วอเตอร์ ที่ชนะการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนของรัฐบาล โดยนำโฆษณามาแทรกกะทันหันว่า เรื่องนี้บรรณาธิการข่าวเป็นผู้ดูแล เมื่อข่าวที่นำเสนอเกิดความผิดพลาด โดยเฉพาะเนื้อหาที่ยังไม่ชัดเจนสถานีนี้จะไม่ออกอากาศ ดังนั้นจึงต้องระงับการเผยแพร่ทันที เพราะหากททบ. 5 นำเสนอไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอาจถูกฟ้องร้องได้ ถือเป็นการป้องกันไว้ก่อน โดยทางบรรณาธิการได้ตัดสินใจระงับการออกอากาศ  ซึ่งตนทราบเรื่องเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้รับผิดชอบได้รายงานให้รับทราบและอธิบายถึงสาเหตุว่า สกู๊ปดังกล่าวยังไม่ชัดเจนเกรงว่าจะถูกฟ้องร้องได้ ยืนยันว่า การตัดสินใจการระงับการออกอากาศไม่มีใครสั่งการ เป็นการตัดสินใจของบรรณาธิการ


ผมยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่า ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงหรือสั่งการใดๆทั้งสิ้น ผมได้เรียกบรรณาธิการที่รับผิดชอบรายการดังกล่าวมาสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งทางบรรณาธิการยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะตัดสินใจด่วนที่นำสกู๊ปดังกล่าวมาเผยแพร่ทั้งที่ควรตรวจสอบมากกว่านี้ก่อน ผมได้กำชับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นให้ถือเป็นบทเรียน ต้องไม่เกิดความผิดพลาดอีก การเสนอข่าว ททบ.5 ต้องมีความรอบคอบ เป็นไปตามนโยบายให้ถูกต้องชัดเจนและเชื่อถือได้ อย่าทำงานรีบร้อนต้องตรวจสอบให้ละเอียด ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้สั่งกำชับภายหลังทราบข่าวว่า การทำงานด้านข่าวต้องเชื่อถือได้ ไม่ใช่ทำแบบนี้ แต่ถือว่ายังโชคดีที่ระงับการออกอากาศทันผอ.ททบ. 5 กล่าว.

รมต.ยุติธรรม เยียวยาเสื้อแดงติดคุก "77 ราย 19 ล้านบาท"

วันที่ 27 มิ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็นประธานการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาทางการเงินตามหลักสิทธิมนุษยชน สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองช่วงปี 2548-2553 ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยมี น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นางธิดา โตจิราการ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าร่วมการมอบเงิน ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า วันนี้(27 มิ.ย.) เป็นการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้เสียหายจากเหตุชุมนุมทางการเมืองครั้งที่ 4 โดยเป็นการจ่ายเงินเยียวยารวม 77 ราย เป็นเงินกว่า 19 ล้านบาท แยกเป็น จ.อุบลราชธานี 18 ราย อุดรธานี 28 ราย ขอนแก่น 6 ราย เชียงใหม่ 4 ราย มุกดาหาร 1 ราย และกทม. 20 ราย อย่างไรก็ตามมีผู้เสียหายส่วนหนึ่งได้ยื่นคำร้องขอให้มีการทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยา ซึ่งตนจะนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ให้พิจารณาและออกเป็นมติ เนื่องจากหลักเกณฑ์ที่ผ่านมาเป็นความเห็นชอบตามมติครม. หากจะมีการทบทวนก็ต้องให้ครม.เป็นผู้ให้ความเห็นอีกครั้ง ทั้งนี้ ย้ำว่าจะพยายามให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ส่วนความเป็นไปได้ในการแก้ไขเพื่อให้ได้รับเงินเยียวยาเพิ่มเติมนั้น เป็นหน้าที่คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเป็นผู้พิจารณาและเสนอความเห็นตามขั้นตอนต่อไป

เมื่อถามถึงมาตรการเยียวยากลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ตนไม่ทราบถึงมาตรการเยียวกลุ่มคนดังกล่าว ทราบเพียงความช่วยเหลือในกรณีฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัย ซึ่งการเยียวยากลุ่มใดหรือไม่ต้องให้คณะกรรมการมีมติและเสนอต่อครม.ในแนวทางเดียวกัน

ด้านนางธิดา กล่าวว่า การเยียวยาให้ผู้เสียหายจากคดีทางการเมืองครั้งนี้ถือเป็นการเยียวยาเพื่อให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความสงบ ซึ่งตนจะยังเดินหน้าเพื่อให้กลุ่มผู้เสียหายในส่วนที่จำคุกไม่ถึง 3 เดือน มีโอกาสได้รับเงินเยียวยาเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าหลักเกณฑ์ขณะนี้ทำให้บางรายเกิดความไม่เท่าเทียม เช่นกรณีจำคุกเกือบครบ 90 วัน ทำให้ไม่ได้รับเงินเยียวยาตามเกณฑ์ 750,000 บาท แต่ได้รับเงินเพียงค่าเยียวยารายวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 มีผู้ได้รับเงินเยียวยารวมกว่า 100 คน คิดเป็นเงินราว 50 ล้านบาท โดยหลักเกณฑ์การเยียวยาจะแบ่งเป็นเงินเยียวยากรณีถูกคุมขังวันละ 411 บาท ตามจำนวนวันที่ถูกคุมขัง นอกจากนี้ยังมีเงินเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ ซึ่งกรณีศาลมีคำสั่งยกฟ้องมีหลักเกณฑ์การเยียวยาด้านจิตใจคือ หากถูกคุมขังเป็นเวลา 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน ให้ได้รับเงินเยียวยา 750,000 บาท ถูกคุมขังมากกว่า 180 วันขึ้นไป จะได้รับเงินเยียวยา 1,500,000 บาท