ภาพประกอบ ลูกกระสุน M16 |
วันที่ 15 มีนาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลนัดไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรการเสียชีวิตของนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลีที่ถูกยิงเสียชีวิตจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารในการสลายผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่บริเวณสี่แยกศาลาแดงไปจนถึงแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด ถึงเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
ในวันนี้พนักงานอัยการนำตัวนายมิเชล มาร์ค อายุ 58 ปี ผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์ NOS เรดิโอแอนด์เทเลวิช ประจำกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เข้าเบิกความผ่านล่ามแปลภาษา สรุปว่า ได้รับมอบหมายให้ทำข่าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2553 ได้เข้ามาทำข่าวการชุมนุมของกลุ่ม นปช. และเข้าพักที่โรงแรมอัมรินทร์ อยู่บริเวณแยกประตูน้ำ มีหน้าที่ทำข่าวตั้งแต่บริเวณโรงแรมอัมรินทร์ไปจนถึงสวนลุมพินี โดยในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ดูข่าวจากโทรทัศน์ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารกำลังเคลื่อนที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณแยกศาลาแดง โดยใช้รถทหารเป็นแนวหน้า จึงรีบออกไปดูเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุโดยไปรวมกลุ่มอยู่กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศและผู้ชุมนุมที่บริเวณสวนลุมพินีใกล้โรงแรมรีเจ้นท์ ห่างจากแยกศาลาแดงประมาณ 400-500 เมตร เมื่อหันไปมองทางแยกศาลาแดงเห็นทหารในชุดเครื่องแบบพร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 กำลังเคลื่อนพลเข้ามา
นายมิเชลเบิกความต่อว่า พยานไม่เห็นเหตุการณ์ขณะที่นายฟาบิโอถูกยิง เพราะพยานก็วิ่งหนีไปที่แยกราชประสงค์เช่นกัน ขณะที่พยานวิ่งอยู่นั้นก็ถูกกระสุนยิงเข้าที่ด้านหลัง พยานใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ่ายทอดสดไปยังสถานี และมีพลเมืองดีพาพยานไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงทราบว่านายฟาบิโอถูกยิงเสียชีวิต จากนั้นถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวชเมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงเดินทางกลับอินโดนีเซีย อีก 5 สัปดาห์จึงเดินทางมาโรงพยาบาลสมิติเวชให้หมอผ่าเอาหัวกระสุนออก พยานนำหัวกระสุนส่งให้ดีเอสไอเป็นหลักฐาน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนบอกว่า หัวกระสุนที่ผ่าออกจากตัวพยานเป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 โดยในวันเกิดเหตุไม่เห็นชายชุดดำแต่อย่างใด
ภายหลังพยานเบิกความเสร็จสิ้นแล้วพนักงานอัยการแถลงว่าจะขอนำพยานเข้าเบิกความอีก 2 ปาก ส่วนทนายความญาติจำเลยแถลงขอนำพยานเข้าเบิกความอีก 10 ปาก ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีศาลไต่สวนเพื่อมีคำสั่งเพียงว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด ถึงเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ซึ่งจากการไต่สวนพยานที่ผ่านมาก็ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนเพียงพอต่อการทำคำสั่งแล้ว จึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวนพยานที่เหลือ และนัดฟังคำสั่งในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนวันนี้มี น.ส.อลิซาเบท โปเลงกี น้องสาวนายฟาบิโอ ผู้ตายเข้าฟังการไต่สวนพร้อมพยานซึ่งเป็นชาวต่างชาติอีกประมาณ 3-4 ปาก
ภายหลัง น.ส.อลิซาเบทกล่าวว่า การไต่สวนพยานในคดีนี้ได้ยินพยานหลายปากเบิกความซึ่งเป็นพยานที่ดี แต่ก็มีบางปากที่ศาลไม่ให้เบิกความ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าศาลจะได้หลักฐานทั้งหมดในคดีครบถ้วนแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น