วันที่ 18 มีนาคม 2556 (go6TV) นายไพรินทร์
ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยกรณีกระแสข่าวในสื่อออนไลน์ โดยมีการกล่าวอ้างโดยกลุ่ม “ทวงคืน ปตท.” ที่ระบุว่า ปตท.ขายน้ำมันราคาแพง
และมีกำไรอย่างมากในการดำเนินธุรกิจน้ำมันนั้น ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวถูกบิดเบือนความเป็นจริงอย่างมาก
โดยนำข้อมูลที่มีรายละเอียดไม่ครบถ้วนมาสื่อสารในสื่อออนไลน์จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในขณะนี้
โดยอ้างว่า ปตท.เป็นต้นเหตุราคาน้ำมันแพง
ซึ่งมีการนำราคาน้ำมันดิบมาเปรียบเทียบกับร าคาขายน้ำมันสำเร็จรูป รวมทั้งนำราคาขายปลีกน้ำมันจากประเทศผู้ส่งออกน้ำมันมาเปรียบเทียบกับไทย
ซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำเข้าพลังงาน โดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลก
บวกกับภาษีของภาครัฐ ซึ่งในแต่ละประเทศมีการกำหนดระดับภาษีไม่เท่ากัน
โดยภาษีน้ำมันของไทยคิดเป็น 1 ใน 3 หรือประมาณ 29%ของราคาขายปลีกน้ำมัน
ขณะที่การดำเนินงานของ ปตท. ก็ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส
เนื่องจากอยู่ฐานะรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่
และต้องปฏิบัติตามกฎหมายของตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการประกอบกิจการพลังงาน(กกพ.) ตรวจสอบการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องด้วย
ดังนั้นการกล่าวอ้างว่า ปตท. ขายน้ำมันราคาแพง หรือผูกขาดธุรกิจก๊าซฯนั้น
จึงไม่เป็นความจริง เพราะหากผู้ประกอบการรายใดสนใจก็สามารถขออนุญาต กกพ.ได้
โดยที่ผ่านมา สาเหตุที่ ปตท.ลงทุนก่อสร่างท่อส่งก๊าซฯเพียงรายเดียว
เนื่องจากไม่มีผู้ประกอบการรายใดสนใจลงทุนเลย
สำหรับการกล่าวอ้างว่า ปตท.มีกำไร 1
แสนล้านบาทซึ่งมาจากธุรกิจน้ำมันนั้น ไม่เป็นความจริง
เพราะเมื่อเจาะจงรายละเอียดจะเห็นว่า ปตท.มีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อรายได้เพียง 4.26% เท่านั้น เทียบกับปิโตรนาสที่ 22.51%
กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย 7.06% และเชฟรอนที่ 10.95% ซึ่งกลุ่ม ปตท.มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจหลากหลาย
นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจน้ำมันก็ไม่ได้มีกำไรมากนัก
ต้องมีรายได้จากนอนออยล์เข้ามาเสริม นอกจากนี้ในแต่ละปี
ปตท.ต้องแบกรับภาระขาดทุนจากการขายก๊าซป ิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) ในปีนี้ 1 หมื่นล้านบาท และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) รวม 6.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา
ปตท.ได้มีการส่งคืนภาครัฐในรูปของภาษีและเงินปันผลในปี 2555 กว่า 6.1 หมื่นล้านบาท และในช่วงกว่า 10
ที่ผ่านมาตั้งแต่แปรรูป ปตท. ได้ส่งเงินเข้ารัฐแล้ว 5.2
แสนล้านบาท โดยกำไรไม่ได้เข้ากระเป๋าผู้บริหารแต่อย่างใด
มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน
และอีกส่วนหนึ่งต้องเก็บไว้สำหรับลงทุนหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมในอนาคต เนื่องจาก
ปตท.มีหน้าที่สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ซึ่งทราบดีว่าประชาชนต้องการใช้พลังงานราคาถูก
แต่ของราคาถูกก็จะทำให้ไม่สะท้อนต้นุทนที่แท้จริง และเกิดการไม่ประหยัดด้วย
ขณะเดียวกันหากใช ้พลังานหมดไป และในอีก 10
ปีข้างหน้าจะเอาพลังงานที่ไหนมาให้ลูกหลาน
“เป็นห่วงมากกับสถานการณ์การแสดงความคิดเห็นในสังคมออนไลน์
เนื่องจากในระยะหลังมีการพยายามให้ข้อมูลโจมตี ปตท.อย่างมาก ซึ่ง
ปตท.ไม่ใช้ด้านกฎหมายมาตอบโต้แต่อย่างใด เนื่องจาก
ปตท.เข้าใจดีว่าสื่อออนไลน์เป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
สามารถเปิดเผยข้อมูลได้อิสระ ดังนั้น
ปตท.จึงขอวอนให้ผู้อ่านใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาข้อมูลให้มาก
และขอร้องอย่าใช้สื่อออนไลน์เพื่อให้ข้อมูลเท็จ บิดเบือน หรือโจมตี เพราะจะกลายเป็นการบ่อนทำลายมากกว่าการใช้สื่อออนไลน์ในทางสร้างสรรค์
“นายไพรินทร์ กล่าว
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และครอบครัวถือหุ้นใน ปตท. เป็นผู้ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศแพง
ยอมรับว่ามีกลุ่มชินวัตรถือหุ้นใน ปตท. 0.002% โดย ปตท.มีจำนวนหุ้นทั้งสิ้น
2.85 พันล้านหุ้น ซึ่งนับว่ามีสัดส่วนน้อยมาก
ปัจจุบันปตท.มีผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 5 หมื่นคน
ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีนัยสำคัญ และไม่สามารถเข้ามามีบทบาทใดๆในการบริหารงาน ปตท.ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น