ภาพบางส่วนที่ "ประชาธิปัตย์" ต้องการสร้างความหวาดกลัวแก่ชาวกรุงเทพฯ |
การเลือกตั้ง “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” 3 มีนาคม 2556 ก็จบลงด้วยชัยชนะของ “หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร” จาก “พรรคประชาธิปัตย์” โดย “หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์” ได้รับการเลือกตั้งมาด้วยคะแนน 1.2 ล้านคะแนน ขณะที่ “พ.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ที่ได้ 1.07 ล้านคะแนน
ซึ่งผลคะแนนเลือกตั้งที่ออกมานั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ “1 ล้านคะแนน” ที่ “คนกรุงเทพฯ” มอบให้ “พล.ต.อ.พงศพัศ” และ “พรรคเพื่อไทย” ในครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครปี 2552 ที่ “พรรคเพื่อไทย” ได้มา 6.1 แสนคะแนนนั้น เท่ากับ “คนกรุงเทพฯ” มอบความไว้วางใจให้กับ “พรรคเพื่อไทย” มากขึ้นถึง “5 แสนคะแนน” และกลายเป็นว่า “พรรคเพื่อไทย” ได้รับการสนับสนุนจากคนกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น “75-76 เปอร์เซ็นต์” ของฐานคะแนนเลือกตั้งในปี 2552
นับว่าเป็นเรื่องที่ “พรรคเพื่อไทย” น่าจะยังคงยิ้มได้ แม้จะไม่ได้ “เก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.” มาครอบครอง
เพราะนอกจาก “คะแนนนิยม” ในพื้นที่ “กรุงเทพมหานคร” จะเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตาในครั้งนี้แล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการ “ตอบโจทย์ความเชื่อ” ของ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ใช้ข้อกล่าวหา “เผาบ้านเผาเมือง” ในหาเสียงเลือกตั้งได้ดีที่สุดว่า “คนกรุงเทพฯ” เริ่มที่จะ “ไม่เชื่อพรรคประชาธิปัตย์” มากขึ้นทุกวันๆ และกลับเป็นการตอกย้ำชัดเจนว่า “ประชาชนคนกรุงเทพฯ” ให้การ “ยอมรับ” พรรคเพื่อไทย เพิ่มขึ้นตามคะแนนเสียงที่ปรากฏ
แต่กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่า “พรรคประชาธิปัตย์” ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ !!
โดยเฉพาะ “ยุทธศาสตร์การหาเสียง” ด้วยการ “สร้างภาพแห่งความกลัว” ให้กับประชาชน
เพราะทั้งวลี “เผาบ้านเผาเมือง-กินรวบ” หรือแม้แต่ “ยึดประเทศ” ที่พลพรรคประชาธิปัตย์หยิบจับขึ้นมาพูดกันระหว่างการหาเสียงได้ “ปลุกความหวาดระแวง” ขึ้นในความรู้สึกของประชาชน
จนหลงลืมไปว่า “การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.” นั้นมีวัตถุประสงค์หลัก ในการเลือกสรรบุคคลที่เหมาะสม ให้มา “บริหารราชการกรุงเทพมหานคร”
และที่สำคัญคือ “กฎหมาย” ไม่ได้ให้อำนาจ “ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร” สามารถ “คานอำนาจ” หรือป้องกัน “การทุจริต” ขององค์กรใดๆ นอกเหนือจาก “สภากรุงเทพมหานคร” ได้ !
ยกเว้นเสียแต่ว่า “ผลการเลือกตั้ง” จะไปช่วย “ต่อลมหายใจ” และ “ชะลอความตกต่ำ” ของ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่เป็นอยู่เท่านั้น
เมื่อต้นตอของการได้มา ซึ่ง “ผู้ว่าฯ กทม.” คราวนี้ มีเหตุผลมาจากการ “สกัดกั้น-ขัดขวาง” และ “หวาดระแวง” โดยไม่ได้มีเป้าหมาย ที่จะเลือก “ผู้ว่าฯ กทม.” ให้มาบริหารและพัฒนากรุงเทพมหานคร
จึง “น่ากลัว” เป็นอย่างยิ่งว่า “ภาพแห่งความกลัว” ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ได้สร้างขึ้นนั้น จะทำให้ “คนกรุงเทพฯ” ได้ “ผู้ว่าฯแห่งความกลัว” ที่อาจจะทำงานบริหารและพัฒนากรุงเทพฯ ได้ไม่เต็มศักยภาพเท่ากับ “ผู้ว่าฯ กทม.” ที่ประชาชนตั้งใจ “ลงคะแนนเลือก” ให้มาเป็น “ผู้นำ” การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาหรือไม่ ??
หรือสุดท้าย “ทุกฝ่าย” จะต้องอยู่กันแบบ “หวาดระแวง” ตามที่ได้ “สร้างภาพแห่งความกลัว” เอาไว้ในช่วงรณรงค์หาเสียง ???
คงต้องเสียเวลา “ลุ้น” กันไปอีก 4 ปี !!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น