วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เจาะใจ "อนุสรณ์ อมรฉัตร"


หมายเหตุ - บทสัมภาษณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือ "ปรากฏการณ์ยิ่งลักษณ์" จัดทำโดยทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์โลกวันนี้


แรกเริ่มรัก

"ช่วงที่เจอคุณปู ผมทำงานบริษัทในเครือซีพี ส่วนคุณปูทำงานที่ Yellow Pages ผมรู้จักพี่สาวคุณปู เพราะเขาส่งสินค้ามาขายในแม็คโคร คุณปูอยากเอา Yellow Pages มาวางในแม็คโครเลยนัดให้เราคุยกัน ตอนเจอกันรู้สึกว่าคุยกับถูกคอ จำไม่ได้ว่าเริ่มจีบตอนไหน

ตอนนั้นคุณปูฮอต ส่วนผมก็เนื้อหอมเหมือนกัน (ยิ้ม) ผมเพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา กลับมาทำงานบริษัทและไปสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ถือว่าหน้าที่การงานมั่นคง เลยมีคนเข้าหาเยอะแต่ผมถูกใจคุณปูที่สุด เพราะเขาสวย ทำงานเก่ง เวลาคุยสามารถปรึกษาเรื่องธุรกิจได้ เพราะเขาไม่แข็งเกินไป บางครั้งเขาแนะนำเราบางครั้งเราแนะนำเขา

ผมชอบที่คุณปูมาจากสังคมต่างจังหวัด ดังนั้น การสื่อสารระหว่างเราจึงเป็นแบบง่ายๆ คุยกันรู้เรื่อง เพราะผมเองก็เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ถ้าเทียบกับนักธุรกิจคนอื่นๆ ที่มาจีบคุณปู ผมคงสู้ไม่ได้แต่คุณปูไม่ใช่คนที่สนใจตรงนี้ คิดว่าเหตุผลที่คุณปูเลือกผมคงเพราะมองว่าขยันทำงาน


ผมประทับใจคุณปูที่เป็นคนอ่อนโยนแต่เข้มแข็ง เราทั้งคู่งานยุ่งมากเหมือนกัน แต่เขาแกร่งและขยันมาก เวลาผมโทรศัพท์ไปจีบเขาสามารถนั่งเซ็นเอกสารไปด้วยคุยไปด้วยได้ หรือบางทีผมไปพักผ่อนกับเพื่อนแล้วโทร.ไปหา เขายังนั่งทำงานอยู่เลย"

เริ่มต้นชีวิตครอบครัว

"ผมตัดสินใจขอแต่งงานกับคุณปู เพราะอยู่ด้วยแล้วมีความสุขเขาเป็นทั้งเพื่อน ที่ปรึกษา ช่วยเติมเต็มส่วนที่เราไม่มี คอยดูแลเอาใจใส่จนทำให้ชีวิตผมดีขึ้น

แม้จะแต่งงานกันแล้วเราก็ยังให้เวลาส่วนตัวซึ่งกันและกัน บางวันผมไปตีกอล์ฟ คุณปูไปร้านเสริมสวยบางครั้งผมไปสังสรรค์กับเพื่อน ส่วนเขาไปช็อปปิ้ง ทุกอย่างเลยลงตัว

ผมอยู่กับคุณปูมาเกือบ 20 ปีไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง ถ้างอนก็ไม่นาน เพราะเรามีกฎว่าถ้าผมงอนห้ามออกจากบ้าน และภายในครึ่งชั่วโมงต้องง้อเขา (หัวเราะ) ส่วนคุณปูถ้างอนแล้วออกไปไหน เขาจะโทร.บอกว่าอยู่ไหน แล้วให้ผมตามไปง้อเลยทำให้ผมคิดว่างั้นจะทะเลาะกันทำไม ดีกันไว้ดีกว่า"

ชีวิตคู่เติมเต็มเมื่อมีลูก

"ก่อนมี "น้องไปค์" ผมกับคุณปูมีกิจกรรมที่ชอบทำของแต่ละคน แต่พอมีลูกก็เปลี่ยนไปเราสองคนหันมาทุ่มเทเวลาให้ลูกหมด

ถ้าไม่มีน้องไปค์ คุณปูอาจจะเห็นว่าผมเป็นลูกไปแล้วก็ได้ เพราะก่อนมีลูกชาย เขาเคยมาลูบคอล้อเล่นแล้วเรียกว่า "ลูกป๊อปๆ" (หัวเราะ)

พอมีน้องไปค์แล้ว เราสองคนยิ่งผูกพันขึ้นเรื่อยๆ คุณปูเคยบอกว่าลูกชายกับพ่อเหมือนกันมากถึง 90% เขาบอกว่าเมื่อก่อนเวลาผมไม่อยู่เขาจะเหงา แต่ตอนนี้ผมจะไปไหนก็ได้ เพราะเขามีน้องไปค์เป็นตัวแทนผม (ยิ้ม)"

เป็นผู้หญิงแกร่ง อดทน

"คุณปูเป็นคนที่กล้ายอมรับความจริงและกล้าเผชิญความจริงเขาสามารถนั่งดูทีวีที่มีคนมาด่าหรือใส่ร้ายเขาได้ ช่วงหนึ่งที่มีแต่คนออกมาด่า ผมบอกว่าทนดูได้ยังไง ผมเห็นแล้วยังต้องรีบปิดทีวีหนี แต่เขาบอกว่าไม่ได้หรอก ต้องดูเพื่อเก็บข้อมูลจะได้ชี้แจงและตอบโต้ว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง เรียกว่าเขาอดทนและทำใจรับกับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาได้ดี

ทุกวันนี้คุณปูยังทำงานหนัก ยิ่งมาลงเล่นการเมืองก็ยิ่งทำงานหนัก ทำให้เวลาเขาบ่น ผมจะยอมๆ เขา แต่ถึงจะงานหนักยังไง แค่ไปแหย่เขาหน่อย เขาก็หัวเราะแล้ว เขารู้จักแบ่งอารมณ์ ผมยังคุมอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าเขาเลย ไม่ได้ชมกันเอง แต่ชมในฐานะนักธุรกิจและคิดว่านี่เป็นจุดแข็งของเขา"

"หลังจากนี้ครอบครัวผมคงเปลี่ยนไปเยอะ จากเดิมที่เราเป็นนักธุรกิจด้วยกันทั้งคู่ แต่พอมีคนหนึ่งเข้าไปสู่การเมือง ความเป็นส่วนตัวก็หายไปจึงต้องทำใจและทำตัวให้หนักแน่นเพราะต้องมีทั้งคนที่คิดดีและไม่ดีกับเรา แต่บางเรื่องเราก็ขำไม่ออก เพราะห่วงว่าถ้ามีคนเอาเรื่องไปจริงและไม่ดีไปบอกลูกชายเราล่ะ จะทำอย่างไร

ผมนั่งพูดกับลูกทุกวันว่า ถ้าแม่ลงเล่นการเมืองก็ต้องมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ถ้ามีคนชม ลูกรับไว้ แต่อย่าเหลิง แต่ถ้ามีคนว่าพ่อแม่ไม่ดี ลูกต้องหนักแน่น เราไม่เคยสอนให้เขารังแกใคร เอาเปรียบใคร ดังนั้น ถ้าลูกรู้ว่าแม่เป็นคนดี เวลาใครมาพูดอะไร เขาก็ต้องหนักแน่นคิดว่าต่อไปผมคงต้องระวังตัวมากขึ้น และคงปรับตัวให้ได้กับการเมืองไทย แต่ผมยืนยันว่าจะเป็นตัวของตัวเอง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเท่านั้นก็พอ"



ไม่มีความคิดเห็น: