วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

GO6TV บริจาคเงินงานบอล 25,000 บ. "พี่หนุ่มเรดนนท์และเพื่อน"






ตามที่เว็บไซต์ go6tv และ เดอะเรดโพลล์ ได้จัดฟุตบอลการกุศล "สานสัมพันธ์ เว็บไซต์เสื้อแดง ครั้งที่๑" เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ที่สนามฟุตซอล@heart ตามรายละเอียดในลิ้งนี้


โดยในรายการดังกล่าวมีรายละเอียดค่าใช้จ่าย เงินบริจาค รวมทั้งที่สมทบเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น ๒๕๐๐๐ บาท ตามที่แจ้งให้ทราบโดยทั่วกันแล้วนั้น

เมื่อวานนี้ (๒๖กรกฏาคม) ทีมงานได้เดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้เข้าเยี่ยมและมอบเงินดังกล่าวให้กับเพื่อนผู้ต้องขังจากความผิด ก.ม.อาญา ม.๑๑๒ ดังมีรายนามต่อไปนี้

๑. นายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล ๕๐๐๐ บ. (หนุ่มเรดนนท์)
๒. นายวราวุฒิ ฐานังกรณ์ ๕๐๐๐ บ. (สุชาติ นาคบางไทร)
๓. นายอำพล ตั้งนพกุล ๕๐๐๐ บ. (คุณลุง SMS)
๔. นายสุริยันต์ กกเปือย ๕๐๐๐ บ. (น้องซ่อมรองเท้าโทรศิริราช)

ส่วนคุณดารณี เชิงชาญศิลปกุลนั้น เนื่องจากไม่ทันเวลาเข้าเยี่ยมช่วงบ่าย จึงจะนำไปมอบให้ในสัปดาห์หน้าต่อไป

เว็บไซต์ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือบริจาคและร่วมกิจกรรมกับ go6tv.com ด้วยดีเสมอมา

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประชาชนจุดเทียนรำลึก 1 ปี 2 เดือน รำลึกเหตุสลายการชุมนุม



วันนี้เวลา ๑๗.๐๐ น. เสื้อแดงในนามกลุ่ม คณะราษฏร ได้ร่วมกันจุดเทียนรำลึก ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ ๑๙ พ.ค. ๕๓

เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการวางดอกไม้ ผูกผ้าแดงรำลึกที่ป้าย "ราชประสงค์" และร่วมฟังการปราศัยจากนักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่รักความยุติธรรม โดยไม่ได้มีแกนนำ หรือเจ้าหน้าที่ของ นปช.มาร่วมแต่อย่างใด

การจัดกิจกรรม "เวทีคณะราษฏร" เริ่มครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฏาคม ปีที่แล้ว นำปราศัยโดยนักสู้ประชาชน "สมยศ พฤกษาเกษมสุข" ซึ่งโดนจับกุมที่ด่านโรงเกลือ เมื่อวันที่พาคณะลูกทัวร์ไปเที่ยวกัมพูชา ทีมงานที่มุ่งมั่นในอุดมการณ์จึงตกลงใจ จัดเวทีปราศัย ทุกเดือนมาโดยมีวัตถุประสงค์กระตุ้นเตือนให้สังคมคิดถึงการจับกุม คุมขังที่ปราศจากความเป็นธรรมจากอำนาจรัฐที่ชั่วร้าย โดยได้จัดวางดอกไม้ ปราศัย ในสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่สนามหลวง หน้าเรือนจำในวันสิ้นปี ตลอดจนทุกวันที่ ๑๐ ของทุกเดือน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และวันที่ ๑๙ ของทุกเดือนที่แยกราชประสงค์

และในช่วงค่ำ ก็จุดเทียนรำลึกถึงวีรชนผู้จากไปและร้องเพลง "นักสู้ธุลีดิน" เพื่อไว้อาลัย

กิจกรรมเวทีราษฏร จะยังคงจัดไปเรื่อยๆ จนกว่านักโทษการเมืองทั้งหมด ที่ถูกคุมขังด้วยข้อหาอันไม่เป็นธรรมจะได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด

GO6TV เลี้ยงอาหารผู้สูงอายุ "บ้านบางแค"

(ชมภาพ ลิ้งข้างล่างนี้)

https://picasaweb.google.com/JJSathonBkk/Go6tv

GO6TV จัดกิจกรรม “ปันน้ำใจ ผู้สูงอายุบ้านบางแค ครั้งที่ ๑”

โดยมีเพื่อนๆ มาร่วมกิจกรรมกันอย่างอบอุ่น

โดยในวันนี้เวลา ๑๑.๐๐ น. ผู้บริหาร ทีมงานและเพื่อนๆจากกลุ่มเฟรซบุ๊ค ได้ไปสถานดูแลผู้สูงอายุ บ้านบางแค ถ.เพชรเกษม ร่วมจัดอาหารเลี้ยงแด่ผู้สูงอายุทั้งชายและหญิงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมทำบุญโอกาสครบรอบ ๑ ปี เว็บไซต์ go6tv เนื่องในโอกาสวันเกิดผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ และร่วมอุทิศบุญกุศลแด่เพื่อนวีรชนผุ้จากไปในวันที่ ๑๙ ของทุกเดือน

บ้านบางแค เดิมใช้ชื่อว่า สถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2496 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี การจัดตั้งสถานสงเคราะห์แห่งนี้นับเป็นสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อให้การสงเคราะห์ผู้สูงอายุตามนโยบายสวัสดิการสังคมของรัฐ โดยเริ่มเปิดดำเนินการในสมัยของนายปกรณ์ อังศุสิงห์ เป็นอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546 บ้านบางแค ได้ปรับบทบาทจากหน่วยงานปฏิบัติการดูแลผู้สูงอายุเป็นงานส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ โดยใช้ชื่อว่า ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค

ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ อาศัยอยู่ในบ้านพักทั้งชายหญิง รวมทั้งสิ้น ๒๖๔ คน

รายละเอียดค่าใช้จ่าย

รายจ่าย ค่าอาหาร ๑๐๕๖๐ บ.

รายจ่าย ร่วมบริจาคเงินสด ๕๐๐๐ บ.

โดยมีเพื่อนๆ ร่วมบริจาคช่วยงานจำนวน ๙๕๐๐ บ.

จึงขอกราบขอบพระคุณผู้ร่วมบริจาคมา ณ โอกาสนี้

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Robert Amsterdam : Statement in Response to Airplane Seizure Rumors

In the week since Thailand’s Crown Prince Vajiralongkorn’s 737 airplane was seized by the German authorities, there have been numerous rumor-based attempts to link me directly to this matter, with claims that I played some role in the aircraft being impounded.

Let me be completely unequivocal on this matter – such fabricated allegations are utterly absurd, have no basis in fact. This kind of rumor-mongering is the product of the over-active imaginations of those who seem unable to let go of the ‘old politics’ that have dominated Thailand since 2006. These persons, who feel far more comfortable with top-down governance against the democratic will of the people, are the same people who are used to dwelling in the darkest gutters of Thai politics, preferring to rely on falsity and fabrication to smear and defame others rather than deal with evidence-based truths. I utterly condemn their actions in this matter and hope, at some point, they are fully revealed to be the disgraceful lying manipulators they most undoubtedly are.


อัมสเตอร์ดัม: ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดเครื่องบินโบอิ้ง 737

ในอาทิตย์นี้ตั้งแต่เครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชถูกเจ้าหน้าที่ทางการเยอรมันยึด ได้มีข่าวลือหลายเรื่องที่พยายามเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ โดยมีการอ้างว่า ผมมีบทบาทเกี่ยวกับการที่เครื่องบินลำดังกล่าวถูกยึด

ผมขอกล่าวอย่างชัดเจนเลยว่า ข้อกล่าวหาจอมปลอมดังกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่มีมูลความจริงใดๆทั้งสิ้น กลุ่มคนที่ปล่อยข่าวลือดังกล่าว คือเพียงผลผลิตของคนที่มีจินตนาการเกินจริงและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตัดขาด จาก “การเมืองแบบคร่ำครึ” ที่ครอบงำประเทศไทยมาได้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ได้ บุคคลเหล่านี้คือกลุ่มที่รู้สึกอบอุ่นใจกับการปกครองแบบสั่งการจากบนลงล่าง ซึ่งขัดกับเจตจำนงทางประชาธิปไตยของปวงชน และเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่เคยชินกับความมืดมิดสกปรกโสมมของการเมืองไทย และเลือกที่จะเชื่อเรื่องโกหกหลอกลวงและไม่มีมูลเพื่อใช้ป้ายสีและให้ร้าย ฝ่ายตรงข้ามมากกว่าที่จะเชื่อความจริงที่มีหลักฐานยืนยัน

แฉ!! "เทพไทและแก๊งส์ ร่วมปล่อยข่าวทนายทักษิณยึดเครื่องบินพระที่นั่ง"







ไม่มีคำบรรยายครับ
ต้องขอเริ่มต้นประนามคนเขียนคนแรก คือคุณ หงส์ดรุณ ปีกแห่งฟ้า vihok ที่เริ่มเขียนคนแรก แล้วถูกส่งต่อเป็นทอดๆ และไปลงไว้ในผู้จัดการออนไลน์ จากนั้น ในทวิตเตอร์ เทพไท เสนพงศ์ ก็ได้รับและรีทวิตเช่นกัน

ซึ่งโดยภาวะคนเป็น สส. ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเขียนข้อความที่อาจหมิ่น หรือใส่ร้ายบุคคลอื่น และเรื่องนี้ละเอียดอ่อนยิ่ง

จึงขอตำหนิอย่างรุนแรงครับ

ทหารลั่น !! เราปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลไทยเท่านั้น


พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่ศาลโลกจะตัดสินคำร้องขอของกัมพูชาให้คุ้มครองชั่วคราวปราสาทพระวิหารในวันที่ 18 ก.ค.ว่า เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาระดับข้างบนจะเป็นผู้สั่งการลงมา ขณะนี้เราต้องรอว่าพรุ่งนี้ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไร ส่วนกระแสข่าวว่า ศาลโลกจะตัดสินคุ้มครองปราสาทเขาพระวิหารนั้น ก็เป็นแค่เพียงกระแสข่าวเท่านั้น ให้รอฟังคำตัดสินในวันพรุ่งนี้ดีกว่า ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แล้วผู้บังคับบัญชาคงจะต้องมีการหารือกันตั้งแต่ ระดับของรัฐบาล ที่จะกำหนดแนวทางปฎิบัติลงมาผ่านทางกระทรวงกลาโหมและกองทัพบก อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้ดูแลอธิปไตยตามแนวชายแดนของเราให้ดี สำหรับสถานการณ์ตามแนวชายแดนขณะนี้ทุกอย่างยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงและกำลังมีเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา รอแค่เพียงคำสั่งของผู้บังคับบัญชาว่าจะออกมาอย่างไร เราก็พร้อมที่จะปฎิบัติตามเพื่อดูแลอธิปไตยของเรา

ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกไม่มีภาระผูกพันธ์กับศาลโลก เราปฎิบัติตคามคำสั่งของรัฐบาล ศาลโลกเป็นเรื่องของระดับประเทศ ระดับรัฐบาล รัฐบาลจะเป็นผู้ตกลงใจ ส่วนกองทัพปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล เราไม่ได้ปฎิบัติตามคำสั่งของศาลโลก โดยจะต้องมีรัฐบาลมากรองชั้นหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ไม่ว่า จะเป็นรัฐบาลรักษาการหรืออะไรก็แล้วแต่ เขามีอำนาจที่จะตกลงใจตามแนวทางที่เห็นเหมาะสม กองทัพเป็นหน่วยงานของรัฐ ศาลโลกตัดสินอย่างไรก็เป็นเรื่องของศาลโลก ในส่วนของรัฐบาลก็ต้องพินิจพิเคราะห์เอาเองว่าจะตกลงอย่างไร ในส่วนกองทัพมีหน้าที่ปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวออกมาว่า ศาลโลกมีแน้วโน้มจะตัดสินให้คุ้มครอง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณาตกลงใจ ส่วนเรื่องการถอนกำลังเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเป็นผู้พิจารณา และกองทัพจะปฎิบัติตามนโยบายนั้น

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องรอดูคำตัดสินในวันพรุ่งนี้ว่าจะออกมาอย่างไร แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล กองทัพคงไม่สามารถไปตกลงใจหรือปฎิบัติตามคำสั่งของใครได้นอกจากรัฐบาล

“กองทัพไม่ได้มีหน้าที่และภาระผูกพันธ์ที่จะต้องปฎิบัติตามคำสั่งของศาลโลก แต่เราปฎิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลไทยเท่านั้น ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไร รัฐบาลไทยก็ต้องเป็นผู้พิจารณาว่าจะปฎิบัติตามคำตัดสินนั้นหรือไม่ หรือต้องดำเนินการทำอะไรต่อไป ต้องสั่งการมา” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
-----------

จาตุรนต์ : กรณีแขวนยิ่งลักษณ์ : กกต. 5 คนมีอำนาจเปลี่ยนการตัดสินของประชาชนทั้งประเทศได้


สวัสดีทุกท่านครับ ขอวิจารณ์เรื่องการยังไม่รับรองคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

กรณีที่มีการไปแจ้งความเกี่ยวกับการให้การเท็จในศาลก็ดี การร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยก็ดีเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินคดีกันไป

แต่ไม่อาจเป็นเหตุให้กกต. ไม่รับรองคุณยิ่งลักษณ์ได้เลย

ตามที่เป็นข่าวจึงเหลืออีกประเด็นเดียวคือเรื่อง “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”และการที่นักการเมืองที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์ช่วยคุณยิ่งลักษณ์หาเสียง

เรื่องนี้ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ที่ว่า ตามกฎหมายผู้สมัครและพรรคการเมืองสามารถใช้ผู้ที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์ทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือผู้ที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ถูกกฎหมายห้ามไม่ให้ทำอะไรบ้าง

ผู้ที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นผลสืบเนื่องจากการยุบพรรคการเมืองนั้นถูกห้ามอยู่ใน 2 ส่วนด้วยกันคือ

1.ห้ามไปก่อตั้งพรรคการเมือง ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองใดๆ และ2.ห้ามออกเสียงเลือกตั้ง ซึ่งมีผลให้ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง และไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางตำแหน่งที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนั้นๆไว้ว่าจะต้องไม่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง

จากการที่ไม่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง จึงทำให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมืองด้วย

โดยสรุปผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งอันเป็นผลมาจากการที่พรรคการเมืองที่ตนเป็นกรรมการบริหารพรรคถูกยุบไป จะถูกห้ามกระทำในสิ่งต่างๆต่อไปนี้

ห้ามเป็นสมาชิกพรรค ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรค ห้ามร่วมกับผู้ใดก่อตั้งพรรคการเมือง ห้ามไปออกเสียงเลือกตั้ง ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายกำหนดคุณสมบัติไว้ว่า จะต้องไม่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง เช่น รัฐมนตรีเป็นต้น

ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าผู้ที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งทั้ง 111 และ 109 คนนั้นไม่ได้ถูกกฎหมายห้ามไม่ให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องใดๆ

ทั้งนี้ รวมทั้งไม่มีกฎหมายใดห้ามบุคคลเหล่านี้หาเสียงให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ผู้ที่อยู่ระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งจึงยังคงมีสิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายไทยที่จะแสดงความคิดเห็นเหมือนคนไทยทั่วไปทุกประการ

ที่ผ่านมา ในระหว่างการหาเสียง ผู้ที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งก็แสดงความเห็นอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับผู้สมัคร ทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุน

ซึ่งก็เท่ากับเป็นการช่วยหาเสียงนั่นเอง และก็ไม่มีใครว่าอะไร

ที่ถูกเพ่งเล็งและเป็นประเด็นถกเถียงกันเรื่อยมาก็คือการไปช่วยปราศรัยหาเสียง ซึ่งยังไม่มีข้อยุติในเรื่องนี้

ในการเลือกตั้งครั้งก่อน พรรคพลังประชาชนเคยถามกกต.ว่า ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งทำอะไรได้แค่ไหน แต่กกต.ก็ตอบมาอย่างกำกวม

กกต.บอกว่า ผู้ที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งถูกห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรค จึงไม่พึงทำอะไรที่เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค

แล้วก็เกิดการตีความเลยเถิดเลอะเทอะไปว่า รวมถึงการห้ามถ่ายรูปคู่กับผู้สมัคร ขึ้นเวทีหาเสียงหรือเดินตามช่วยหาเสียงด้วย

เมื่อกกต.ตีความอย่างกำกวม พรรคการเมืองและนักการเมืองก็กลัวจะได้ใบเหลือง ใบแดงจึงไม่กล้าให้ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งขึ้นเวทีหรือช่วยหาเสียง

นอกจากนั้นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิ์ ก็มักถูกขอร้องไม่ให้ไปหาเสียงให้พรรคการเมืองหรือผู้สมัคร ถึงแม้จะอยู่คนละเวทีกันก็ตาม

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความกลัว ไม่มีกฎหมายอะไรรองรับแม้แต่น้อย

ถ้าจะพูดให้เฉพาะเจาะจงลงไป ก็คงต้องมาดูว่าการช่วยหาเสียงเป็นการกระทำตามหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคหรือไม่

กกต.ใช้ตรรกะว่ากรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่ช่วยลูกพรรคหาเสียง เพราะฉะนั้นใครที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงย่อมกำลังทำเสมือนเป็นกรรมการบริหารพรรคอยู่

เมื่อผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ์ถูกห้ามเป็นกรรมการบริหารแล้วมาทำอะไรเสมือนเป็นกรรมการบริหารจึงผิดกฎหมาย

แต่ตรรกะนี้ใช้ไม่ได้ เพราะทำให้เกิดการห้ามในสิ่งที่กฎหมายไม่ได้ห้าม และอาจนำไปสู่การลงโทษคนทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย

ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นได้ง่ายๆ เช่น หมอที่อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนใบประกอบโรคศิลป์ย่อมถูกห้ามสั่งจ่ายยาที่เป็นอำนาจของหมอ ห้ามผ่าตัดคนไข้

แต่หมอที่ถูกถอนใบประกอบโรคศิลป์ไม่ได้ถูกห้ามไม่ให้คุยกับคนไข้ หรือห้ามทายาแดงให้คนไข้หรือเช็ดตัวให้คนไข้เพราะใครๆก็มีสิทธิ์ทำได้

จะบอกว่าเวลาหมอตรวจคนไข้ต้องคุยกับคนไข้ เพราะฉะนั้นใครคุยกับคนไข้ย่อมทำเสมือนเป็นหมอไม่ได้

พลเมืองไทยจะถูกห้ามทำอะไรก็ด้วยกฎหมายเท่านั้น การที่กกต.ห้ามผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งช่วยผู้สมัครหาเสียงจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากฎหมาย

ว่ากันตามกฎหมาย กรณี“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” - “กรณี111- 109” ช่วยผู้สมัครหาเสียง ไม่เป็นเหตุให้กกต.สามารถให้ใบเหลืองหรือใบแดงแก่ผู้สมัครรายใดได้เลย

การไม่รับรองคุณยิ่งลักษณ์จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลรองรับ

แต่ที่แย่คือ จะบอกว่ากกต.ไม่มีอำนาจก็ไม่ได้ เพราะกกต.อาจให้ใบเหลือง ใบแดงใครก็ได้

กกต.สามารถให้ใบเหลือง ใบแดงใครก็ได้โดยไม่ต้องมีพยานหลักฐานว่าได้ทำอะไรผิดหรืออาจตัดสินตรงข้ามกับพยานหลักฐานก็ได้ และเมื่อตัดสินแล้วก็สิ้นสุด

และนี่คือ ปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่ยึดหลักนิติธรรมของประเทศนี้ที่ให้อำนาจคนเพียง 5 คนมีอำนาจเปลี่ยนการตัดสินของประชาชนทั้งประเทศได้

กรณีคุณยิ่งลักษณ์นี้จึงขึ้นอยู่กับว่ากกต.จะประเมินความเสียหายทางการเมืองที่จะเกิดจากการไม่รับรองหรือการตัดสิทธิ์คุณยิ่งลักษณ์อย่างไร

เมื่อเป็นอย่างนี้ ความไม่น่าเชื่อถือจึงเกิดขึ้น ความไม่แน่ใจในรัฐบาลใหม่ในสายตาของชาวโลกจึงเกิดขึ้นและกำลังเป็นผลเสียต่อประเทศอย่างยิ่ง

ถ้าการแขวนคุณยิ่งลักษณ์จะมีประโยชน์อยู่บ้างก็คือ เป็นการที่กกต.ได้ส่งสัญญาณให้เห็นแล้วว่าการที่ประชาชนจะกำหนดว่าใครควรเป็นรัฐบาลไม่ง่ายเลย

ผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายกำลังได้รับการเตือนแล้วว่าการจะได้มาซึ่งประชาธิปไตยก็ดี รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาก็ดี ไม่ราบรื่นและยังจะมีอุปสรรคได้อีกมาก