วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ระเบิดเรียกทหารมาทำรัฐประหาร! ลงหลังเวทีพันธมิตรฯ




เมื่อเวลา 22.55 น. วันที่ 31 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่ด้านหลังเวทีกลุ่มพันธมิตร ใกล้สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนินนอก เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน วขย 568 กรุงเทพฯ พังเสียหาย ซึ่งจอดทิ้งไว้ด้านหลังเวทีดังกล่าว โดยคนร้ายซุกระเบิดไว้ใต้เบาะ ก่อนจุดชนวน ทำให้ระเบิดขึ้น มีนายไพฑูรย์ วิเศษศรี อายุ 58 ปี นายหนูปั่น ภูทองเรือง อายุ 56 ปี ส่วนอีกรายไม่ทราบชื่อ ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล หนึ่งใน 3 ราย อาการสาหัส เป็นพ่อค้าขายไอศครีม ถูกสะเก็ดระเบิดและไฟลวกตามตัว และจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย 1 คัน แต่เจ้าของรถจักรยานยนต์ยังไม่ปรากฏตัว

"จับผิดนเรศวรโพลล์" ใช้ตัวอย่างแค่ 203 คนอ้างทั้งจังหวัดแก้หน้าให้ "มาร์ค"




วันที่ 31 พฤษภาคม 2554 ผศ.ดร.จักร พันธ์ชูเพชร อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก เป็นประธานแถลงข่าว "นเรศวรโพล" ภาคเหนือตอนล่างประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ว่าผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด 1,828 ตัวอย่าง สำรวจระหว่าง 29-30 พฤษภาคม 2554 ว่าระบบบัญชีรายชื่อ คะแนนความนิยมสูงสุดเป็นพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 23.2 ส่วนประชาธิปัตย์ ร้อยละ 22.2 ส่วนพรรคอื่นร้อยละ 4.5 และยังไม่ตัดสินใจ 50.1 ส่วนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 31.8 เป็นนายอภิสิทธิ์ ร้อยละ 29.6 เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนอื่น 7.3 และยังไม่ตัดสินใจ 31.2


ทางด้านความคิดเห็นที่ว่า กรณีพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.สูงสุดได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ให้หัวหน้าพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี รับได้หรือไม่ ผลก็คือ รับได้ร้อยละ 37.1 รับไม่ได้ 33.7 ไม่แสดงความคิดเห็น 29.2


ข้อสังเกตุ

1. อ้างกลุ่มตัวอย่างแค่ 203 ตัวอย่างในแต่ละจังหวัด หากกระจายเป็นแต่ละอำเภอ/ตำบล จะเหลือกลุ่มตัวอย่างแค่ ประมาณ 5 คนต่อตำบลเท่านั้น ตามหลักสถิติ ไม่น่าจะเชื่อถือได้


2. คะแนนที่ออกมาในข้อ 1 และ 2 ไม่ค่อยสัมพันธ์กัน เพราะหากคนตัดสินใจเลือกคนเป็นนายกฯ แล้ว นั้นหมายถึงเขาต้องเลือกพรรคนั้นแน่ คนเลือกตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ 60 คน แต่จะเลือกพรรคแค่ 47 คน คงเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกัน คนเลือกนายกฯอภิสิทธิ์ ตั้ง 65 คน แต่ทำไมกลับกรอกคะแนนเลือกประชาธิปัตย์แค่ 45 คน 20 เสียงที่หายไปจากคน 203 คน ถือเป็นเปอเซนต์ที่ "ประหลาด" มาก เพราะมีโอกาสเบี่ยงเบนได้เกิน 10 เปอร์เซนต์


3. โพลล์นี้ เน้นชี้นำไปที่ "การยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ให้หัวหน้าพรรคคนกลาง" และเน้นย้ำไปที่ พรรคที่ได้เสียงน้อยกว่าอันดับ1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล



ไทยพีบีเอส ไม่รอ กสช.พร้อมเดินหน้าลุยวิทยุออนไลน์ และนิวมีเดีย

ไทยพีบีเอส หวนคืนชื่อเก่า “ไทยพีบีเอส” เพื่อครอบคลุมทุกสื่อ ก้าวสู่ปีที่ 4 รุกจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพิ่มรายการสาระบันเทิงมากขึ้น ไม่รอ กสช.พร้อมเดินหน้าลุยวิทยุออนไลน์ และนิวมีเดีย    ลั่น พ.ค.นี้ ออกอากาศในระบบ Hd จากรังใหม่

นายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ไทยพีบีเอส เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ไทยพีบีเอส ได้มีการปรับอัตลักษณ์ในนาม “ทีวีไทย” แต่เนื่องจากพบว่าอาจจะทำให้เกิดความสับสน ได้ว่าเรามีแต่สื่อเดียว คือ สถานีโทรทัศน์เท่านั้น ทั้งที่เรามีบทบาทครอบคลุมทุกสื่อ บวกกับการที่เราเป็นสื่อสาธารณะแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีนโยบายที่จะผลิตข่าว และรายการที่สะท้อนความเป็นภูมิภาคเอเชีย คำว่า ไทยพีบีเอส จึงเป็นชื่อที่เหมาะสม บวกกับในปี 2555 นี้ ไทยพีบีเอส ยังได้รับความไว้วางใจจากสถาบันพัฒนากิจการวิทยุโทรทัศน์แห่งเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Institute for Broadcasting Development หรือ AIBD) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 120 องค์กรทั่วภูมิภาค หรือกว่า 30 ประเทศ ในการให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Asia Media Summit (AMS) ซึ่งเป็นงานประชุมสุดยอดด้านสื่อสารมวลชนแห่งเอเชีย ซึ่งทางไทยพีบีเอสพร้อมจะผลักดันในเรื่องของบทบาทของสื่อสาธารณะกับการพัฒนา ประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม ในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 นี้ ทางสถานีจะมีการขยายฐานผู้ชมให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมส่วนใหญ่ฐานผู้ชมจะอายุตั้งแต่ 40-45 ปีขึ้นไป โดยผังรายการไตรมาส 2 ปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มรายการสาระบันเทิงจะมีรายการใหม่กว่า 11 รายการ เช่น สารคดี เรื่อง ฉันจะเป็นชาวนา, ดอกรัก บานแฉ่ง, เป็น อยู่ คือ, หลงกรุง และรายการ ประกาศภาวะฉุกเฉิน ขณะที่สัดส่วนรูปแบบรายการยังคงเดิมที่ รายการข่าว 40% ปีนี้จะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น รายการสระบันเทิง 30% และ รายการสาระประโยชน์ 30% 

นอกจากนี้ ปีนี้ทาง ส.ส.ท.พร้อมเดินหน้ารุกไปยังสื่อใหม่ๆ มากขึ้น โดยไม่ขอรอ กสช.เกิด ไม่ว่าจะเป็น สื่อวิทยุออนไลน์ ที่จะได้เห็นชัดเจนขึ้น รวมไปถึงสื่อนิวมีเดียที่ขณะนี้กำลังอยู่ในการศึกษา เพื่อให้ทำงานสอดคล้อง และต่อยอดกับรายการต่างๆทางไทยพีบีเอสต่อไป เช่น รายการเด็ก อนาคตจะมีการจัดทำเว็บไซต์ขึ้นมา เพื่อต่อยอดสร้างกิจกรรมให้กับรายการเด็กมากขึ้น ที่สำคัญ ในปีนี้ภายในเดือน พ.ค.ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จะมีการถ่ายทอดสัญญาณเป็นระบบ HD จากสำนักงานใหม่ด้วย ภายหลังที่เริ่มย้ายจากตึกชินวัตร 3 ไปสำนักงานแห่งใหม่ ขณะที่เครื่องมือเดิมนั้นหมดอายุลงเช่นกัน

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

จดหมายเปิดผนึกถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

จดหมายเปิดผนึกถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

เรียน รองนายกรัฐมนตรีสุเทพ

ตามที่สื่อมวลชนไทยรายงาน เราได้รับทราบมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ ท่านได้ข่มขู่ผมในฐานะที่ผมเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของสมาชิกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในประเทศไทย และมันไม่ใช่แค่เพียงข่มขู่จะดำเนินคดีกับผม แต่ยังมีคำขู่แบบไม่เฉพาะเจาะจงว่าวันหนึ่งผมต้อง “เจอ” หากพิจารณาการกระทำก่อนหน้านี้ของสมาชิกรัฐบาลท่านและตัวท่านเอง ผมมีเหตุผลอย่างดีที่จะแสดงออกถึงความกังวลใจเป็นพิเศษในเรื่องการใช้กระบวนการกฎหมายป้ายสีผม การกระทำเหล่านี้เข้าใจได้ว่า เป็นวิธีการข่มขวัญที่รัฐบาลคุณใช้จัดการกับผู้วิพากษ์วิจารณ์ชาวต่างชาติ รวมถึงการจับกุมพลเมืองสหรัฐและรังควาญนักวิชาการต่างชาติเมื่อไม่นานมานี้ด้วย

ผมเกรงว่าคำขู่ของท่านจะถูกเปิดโปงต่อกลุ่มคนที่ติดตามผลงานของเรามาตลอด การวิจารณ์และเรียกร้องให้ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์รับผิดต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ใช่การโจมตีประเทศไทยหรือสถาบันต่างๆของประเทศ หากมันเป็นการโจมตีประเทศไทยจริง ไม่ใช่เพียงตัวแทนกฎหมายของเราควรจะถูกท้าทายเท่านั้น แต่องค์กรระหว่างประเทศอย่าง ฮิวแมนไรท์วอซซ์และคณะกรรมาธิการนักกฎหมาย (Commission of Jurists) ที่เน้นย้ำให้เห็นถึงการทำลายสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลท่านควรจะถูกท้าทายด้วยเช่นกัน เราทำงานใกล้ชิดร่วมกับกลุ่มนักกฎหมายไทยมาตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อประกันว่าการดำเนินงานของเราจะมีความสอดคล้องกับกฎหมายของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ และเรายังคงทำเช่นนั้น ทั้งยังให้ความสนใจกับรายละเอียดและเคารพกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด ทีมงานและพยานทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเรารวบรวมและเผยแพร่หลักฐานอาชญากรรมของรัฐบาลท่าน ในทางกลับกัน เรายังรอให้รัฐบาลท่านแสดงหลักฐานพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่อบุคคลที่ขัดขืนการปกครองของคุณ

การสร้างสภาพแวดล้อมอันเป็นปรปักษ์ต่อที่ปรึกษากฎหมายของฝ่ายตรงข้ามในการทำงานที่สำคัญเพื่อสนับสนุนระบบนิติรัฐเป็นสิ่งที่ทำลายประเทศไทย คำขู่ของท่านและรัฐบาลท่านเกี่ยวกับการคุกคามทางการเมืองมีส่วนทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยแย่ลงในสายตาของประชาคมโลก การกระทำของท่านและพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้ศาลยุติธรรมเป็นเครื่องมือกดขี่ฝ่ายตรงข้ามและปกปิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องได้ถูกเปิดโปงแล้วทั้งในประเทศและนอกประเทศ

ในวันที่ 2 มิถุนายน ศาลจะไต่สวนแกนนำเสื้อแดง 17 คน และหลายคนกลัวว่าสิ่งที่แย่ที่สุดจะเกิดขึ้น: นั้นคือเรื่องพรรคประชาธิปัตย์จะใช้วิธีการแบบเผด็จการและไม่ชอบด้วยกฎหมายคุมขังแกนนำฝ่ายตรงข้ามเหล่านี้ด้วยข้อหาจอมปลอม ซึ่งจะกระทบกับความชอบธรรมและความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้เข้าใจในบริบทที่กว้างหว่า ผมขอเชิญทุกท่านให้อ่านคำขู่ของท่านต่อผม ร่วมกับคำแถลงการณ์ร่วมของผมกับแกนนำเสื้อแดง นางธิดา ถาวรเศรษฐ

ความพยายามของท่านและรัฐบาลท่านที่จะกดขี่และทำให้คนเสื้อแดงท้อแท้นั้นไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จ ประชาชนชาวไทยสมควรได้รับการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรม สำนักงานกฎหมายผมรวมรวมข้อมูลของการกระทำหลายอย่างของพรรคท่านและกองทัพที่ใช้บั่นทอนเจตจำนงของประชาชน เราแนะนำให้ท่านอย่าเดินซ้ำรอยประวัติการใช้ความรุนแรงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแลกดขี่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างเผด็จการของพรรคท่าน เราแนะนำให้ท่านร่วมมือตามบทบาทของท่าน โดยให้ยุติกิจกรรมในพรรคของท่านที่เคลื่อนไหวร่วมกันทหาร โดยใช้กองทัพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจครอบงำการเมืองอย่างผิดกฎหมาย

ในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ผมแนะนำให้ท่านประพฤติตัวด้วยความเอื้ออารีและมีศักดิ์ศรี เพื่อให้สมกับตำแหน่งในระดับสูงของท่าน

โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม

หมดปัญญาหาเสียง! "สุเทพ" ท่องคาถาลูกเดียว "แดงเผาเมือง"



เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า สำหรับการหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้นั้น ทาง ส.ส.แต่ละจังหวัดเป็นคนดำเนินการร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังจากส่วนกลางไปช่วยเสริม แต่จะใช้วิธีการเดินหาเสียงพบปะประชาชน ตั้งเวทีปราศรัย ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าประชาชนจะไม่เลือก ปชป.เพราะไม่ให้การช่วยเหลือในเหตุการณ์น้ำท่วม ตนยืนยันว่าทุกโครงการที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนเดินหน้าไปตามปกติ จึงเชื่อมั่นว่าคะแนนเสียงของพรรคในพื้นที่ภาคใต้จะเพิ่มมากขึ้น เพราะประชาชนที่ติดตามการทำงานของรัฐบาลเห็นว่า ปชป.และนายกรัฐมนตรีทุ่มเททำงานอย่างหนักมากว่า 2 ปี เพื่อรักษาบ้านเมือง ในขณะที่คู่แข่งเผาบ้านเผาเมือง

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ไม่ว่าโพลจะออกมากี่ครั้งกี่หน พรรคไหนนำอย่างไร ก็ไม่มีผลต่อการลงคะแนนเสียงของประชาชน เพราะประชาชนไม่ได้ลงคะแนนเลือกตั้งตามโพล เคยบอกแล้วว่ากระบวนการทางการตลาดของคู่ต่อสู้ ปชป. พยายามสร้างภาพและให้ลิ่วล้อทั้งหลายออกมากระพือ แต่เชื่อว่าไม่ได้ผล เพราะประชาชนตัดสินด้วยตัวเอง คะแนนเสียงของพรรคแซงคู่แข่งตั้งแต่วันนี้อยู่แล้ว


"คนไม่ลืมว่าคนเหล่านั้นเผาบ้านเผาเมือง ใครจะไปลืมได้ คนกรุงเทพฯจำได้เลยว่ากรุงเทพฯเหมือนกับเกิดกลียุค เผาบ้านเผาเมืองเอาอาวุธสงครามมายิงเจ้าหน้าที่และประชาชน เป็นช่วงเวลาที่ทารุณโหดร้ายที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2553 คนทั้งประเทศก็เห็นแล้ว อย่างนี้ใครจะเลือก ซึ่งวันนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังสู้กับคนที่คิดทำร้ายบ้านเมือง"Ž นายสุเทพกล่าว

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"ไมร่า มณีภัสสร" คว้าแชมป์เวทีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์



เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 29 พฤษภาคม ที่สตูดิโอเวิร์คพอยท์ บางพูน การจัดการประกาศผลผู้ชนะเลิศรายการ "ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์" พรวสวรรค์บันดาลชีวิต ที่ให้คนมาแสดงความสามารถไม่จำกัดรูปแบบ โดยตัดสินจากคะแนนโหวตของประชาชน ซึ่งผู้ชนะเลิศ ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดเป็น "ก็อตทาเลนต์คนแรกของเมืองไทย" ได้แก่ น.ส.มณีภัสสร มอลลอย ไมร่า หรือ "ไมร่า-มณีภัสสร" TGT 35 รับรางวัลพลิกชีวิต มูลค่าร่วม 10 ล้านบาท ได้แก่ เงินสด 5 ล้านบาท คอนโดมิเนียมจากโครงการแอ็บสแตร็กส์ พหลโยธินพาร์ค (Abstracts Phahonyothin Park) และรถยนต์มาสด้า3 2.0 ลิตร ส่วนอันดับที่ 2 ได้แก่ นายสมศักดิ์ เหมรัญ TGT 10 กีตาร์มือเดียว

ด้าน น.ส.มณีภัสสรกล่าวว่า ขณะนี้ยังตกใจอยู่ ขอขอบคุณทุกคนที่โหวตให้ ที่ผ่านมาตั้งใจทำให้ดีที่สุด ดีใจที่มีคนชอบ ส่วนเงินรางวัล 10 ล้านที่ได้นั้น จะแบ่งเป็นทุนการศึกษาส่วนหนึ่ง แบ่งส่วนหนึ่งให้เพื่อนๆ ที่ซ้อมละคร a boy and a tiger ของ อ.บรูซ แกสตัน ของบ้านเกด้า ที่ให้การดูแลช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวี ส่วนอนาคตยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้ แต่อยากก็ทำงานในวงการบันเทิง

เผยโฉม " Mr.Joe W. Gordon" เหยื่อ ม.112 รายล่าสุด


เผยโฉมเหยื่อคดีมาตรา 112 รายล่าสุด เป็นคนไทยสัญชาติอเมริกัน ชื่อภาษาอังกฤษคือ Mr.Joe W.gordon ชื่อไทย นายเลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ DSI

พยานผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า DSI บุกเข้าจับกุมโจ หรือเลอพงษ์ ที่บ้านพักของเขาที่จังหวัดนครราชสีมาเมื่อวานนี้ (25 พฤษภาคม) ช่วงบ่าย และควบคุมตัวเข้ากรุงเทพฯมาสอบปากคำที่สำนักงาน DSI

โจ-เลอพงษ์ เป็นคนไทยโดยกำเนิด และเดินทางไปพำนักในสหรัฐอเมริกามาประมาณ 30 ปี ได้สัญชาติอเมริกัน เขาถูกDSIควบคุมตัวระหว่างเดินทางกลับเมืองไทยมาเยี่ยมญาติพี่น้อง ล่าสุดได้มีการติดต่อกับทางสถานฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยแล้วเมื่อช่วงเช้า โดยทนายความของเขา

"เท่าที่ทราบDSIแจ้งข้อหาโจ-เลอพงษ์คือ กล่าวหาว่าเขากระทำผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 แต่ไม่ทราบรายละเอียด"พยานที่รับทราบเหตุการณ์จับกุมระบุ

จากการสืบสวนข้อมูลในกูเกิ้ลพบว่า โจ-เลอพงษ์เคยเขียนเวบไซต์เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ต้นกำเนิดของประเทศสหรัฐอเมริกา ข้อมูลในการสอบโอนสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน รวมภาพถ่ายทิวทัศน์ และธรรมชาติในรัฐโคโลราโด และรัฐใกล้เคียง


หมายเหตุ ทางเว็บไซต์ขออภัย เนื่องจากภาพประกอบผิดจากเนื้อข่าวจริง จึงขอขอบคุณในคำแนะนำและขออภัยมา ณ ทีนี้เป็นอย่างสูง

"แม่ปู" หนีบ "ลูกปู" ไหว้พระแก้วมรกต ศาลหลักเมือง



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 พ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ได้ใช้วันหยุดครอบครัวที่เว้นจากการลงพื้นที่หาเสียง พาด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายพร้อมคนใกล้ชิดในครอบครัว เดินทางเป็นการส่วนตัวออกจากบ้านพักไปสักการะพระศรีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ภายในพระบรมมหาราชวัง พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์ เช่น เจ้าแม่กวนอิม บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ ใช้เวลา ประมาณ 20 นาที โดยได้รับความสนใจจากประชาชนและบรรดานักท่องเที่ยว เข้ามาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมครอบครัวได้เดินเท้าไปบริเวณศาลหลักเมือง เพื่อสักการะเจ้าพ่อหลักและศาลเจ้าพ่อหอกลอง รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยรอบบริเวณ ซึ่งระหว่างทางได้ทำการปล่อยนกกระจิบ เพื่อเป็นศิริมงคล โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ควงคู่บุตรชายผูกผ้าเจ็ดสีรอบศาลหลักเมืองทั้ง 3 ต้น และเติมน้ำมันตะเกียงสำหรับคนเกิดวันพุธกลางคืนร่วมกับบุตรชายเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ ท่ามกลางอากาศแสงแดดจ้าและอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งใช้เวลาราวกว่าเกือบ 1 ชั่วโมง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของกรุงเทพฯ

วางระเบิดปลอมป่วน "เพื่อไทย-อยุธยา"


ป่วนเมืองกรุงเก่ารับเลือกตั้ง มือมืดลอบวางระเบิดปลอมใกล้บ้าน”สุรเชษฐ์ ชัยโกศล”ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เชื่อเป็นการข่มขู่ของคนไม่หวังดี

เมื่อเวลา08.00 น.วันนี้(29พ.ค.) พ.ต.ท.พินิจ อยู่สุภาพ สารวัตรเวร สภ. สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากนายทศพร จันทร์ลอย อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ .2 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา อาชีพเก็บของเก่าขาย ว่า พบวัตถุต้องสงสัยเป็นแท่งคล้ายวัตถุระเบิดบริเวณ ป้อมยามสวนสาธารณะใต้สะพานปรีดีธำรง ฝังเกาะเมือง ต.หอรัตนชัย อ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าภายในห้องน้ำป้อมยาม มีถุงพลาสติกสีเขียววางอยู่ ภายในมีท่อพีวีซี ขนาด 2 นิ้ว สีเหลือง จำนวน 3 แท่ง ความยาวประมาณ 8 นิ้ว หัวท้ายอุดด้วยเรซิล มีสายไฟเชื่อมต่อกับนาฬิกาดิจิตอล ถ่านไฟฉายขนาดเล็กจำนวน 2 ก้อน พันด้วยกระดาษกาวอย่างแน่นหนา รวมกันอยู่ จึงกันประชาชนให้ห่างออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ด้วยวิธีสแกน ปรากฏว่าภายในท่อพีวีซี ไม่มีดินปืนหรือวัตถุที่สมารถจุดระเบิดได้ เป็นท่อเปล่าๆจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจุดที่พบวัตถุระเบิดใกล้กับบ้านพักของนายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคเพื่อไทย ประมาณ30 เมตร ส่วนจุดที่พบเป็นจุดปล่อยรถหาเสียงของนายสุรเชษฐ์ด้วย

พ.ต.ท.พินิจ กล่าวว่าน่าจะเป็นพวกป่วนเมือง นำมาวางเอาไว้โดยหวังผล อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวาย แล้วคนเก็บของเก่าขายมาพบเห็นสายไฟโผล่ออกมา จึงได้แจ้งให้ตำรวจไปตรวจสอบ ซึ่งวัตถุที่พบคล้ายกับระเบิดแสวงเครื่อง แต่เป็นของปลอม ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และจะทำการตรวจสอบหามือดีที่นำมาวางป่วน

ต่อมานายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคเพื่อไทย เข้าพบพ.ต.ท.พินิจ เพื่อสอบถามและขอดูวัตถุคล้ายระเบิด จากนั้นได้เดินทางไปดูจุดที่พบวัตถุต้องสงสัย พร้อมทั้งกล่าวว่าเชื่อว่าน่าจะมาทำการข่มขู่ตนและรถหาเสียงเพราะจุดที่พบทุกเช้าและเย็นจะทำการตรวจเช็ครถและปล่อยขบวนรถออกหาเสียง สงสัยว่าจะเป็นฝีมือขอผู้ไม่หวังดีต่อการเลือกตั้ง

272 นักเขียนทั่วไทยลงชื่อ "เรียกร้องแก้ไข ม.112"

จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนนักเขียนไทยทั่วประเทศ
เรื่อง: ขอเชิญร่วมลงชื่อในการเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 และยุติการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพปิดกั้นการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

เพื่อนนักเขียนทุกท่าน เรา - นักเขียนผู้มีรายชื่อในท้ายจดหมายฉบับนี้ เชื่อว่าท่านคงเห็นด้วยว่า เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น คือหัวใจสำคัญของการเป็นนักเขียนในสังคมประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนผู้ทำงานเขียนเพื่อเลี้ยงชีพ หรือเป็นนักเขียนผู้ผลิต “งานสร้างสรรค์” ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนผู้มีอุดมการณ์ ศรัทธา และความเชื่อส่วนตัวเช่นไร เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น ถือเป็นพื้นฐานสำคัญเบื้องต้นที่เอื้อให้นักเขียนทุกคนทุกแขนงในสังคม ได้มีพื้นที่ มีอิสรภาพ และมีโอกาสในการพัฒนาทั้งคุณภาพผลงานและทั้งคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่โดยเท่าเทียมกัน

เมื่อใดก็ตามที่เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นตกอยู่ในสภาวะบอบบาง อ่อนแอ และสั่นคลอน สถานภาพของการเป็นนักเขียนในสังคมประชาธิปไตยย่อมตกอยู่ในสภาวะบอบบาง อ่อนแอ และสั่นคลอนไปด้วย ผลกระทบเบื้องต้น คือการหยุดชะงักของโอกาสในการพัฒนาความรู้ ความคิด และการสร้างสรรค์งานเขียน เนื่องเพราะถูกจำกัดขอบเขตการแสดงออกและการสานต่อทางปัญญา ผลกระทบขั้นรุนแรงกว่าคือการต้องใช้ชีวิตและทำงานภายใต้บรรยากาศอันมืดมิด ภายใต้ความหวั่นวิตกถึงการสูญเสียสิทธิ สูญเสียอิสรภาพอย่างไม่เป็นธรรม และหวาดกลัวต่ออันตรายที่อาจเกิดกับตนเองและครอบครัว

สังคมไทยขณะนี้ มีการนำกฎหมายอาญามาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย มีการใช้มาตราดังกล่าวในการข่มขู่คุกคาม กระทั่งฟ้องร้องดำเนินคดี คุมขังและริดรอนอิสรภาพของประชาชนผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก ทำให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังก้าวล่วงสู่สภาวการณ์ที่เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นถูกคุกคามอย่างอยุติธรรมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือไปจากความกังวลในฐานะประชาชนที่อาจต้องเผชิญกับการคุกคาม เราในฐานะนักเขียน ย่อมมิอาจนิ่งดูดายและปล่อยให้หัวใจสำคัญของการเป็นนักเขียนและการทำงานเขียนภายใต้สังคมประชาธิปไตย ต้องตกอยู่ในวิกฤตเช่นนี้

ข้อความสั้น ๆ ของกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่กล่าวว่า: “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” ได้ถูกนำมากล่าวอ้างกล่าวหาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพื่อข่มขู่ ฟ้องร้อง และคุมขังประชาชน หลายครั้งเป็นการตีความกฎหมายโดยกว้าง เช่น แม้แต่การไม่ยืนถวายพระพรเมื่อมีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก็กลายเป็นความผิดฐานดูหมิ่นได้ นอกจากนั้น กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้ ยังได้ฉวยใช้ความรู้สึกต่อองค์พระมหากษัตริย์ของคนทั่วไป มารวบรัดขั้นตอนการดำเนินคดี ไม่ดำเนินคดีตามกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมตามกฎหมาย หากแต่เป็นการดำเนินคดีตามอำเภอใจ เช่นสั่งให้มีการไต่สวนโดยปิดลับ และห้ามสื่อมวลชนทำข่าวจนกระทั่งบัดนี้ แม้แต่สื่อมวลชนและนักวิชาการที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐบาล ซึ่งอภิปรายเรื่องการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันกษัตริย์อย่างเป็นวิชาการ ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยกฎหมายมาตรา 112 เช่นกัน

หลายกรณีที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการ “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย” อย่างไร นอกจากเป็นเพียงแต่การพยายามนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ด้วยเหตุผลและข้อมูลทางประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยกิริยาและวาจาที่อยู่บนมาตรฐานของมนุษย์ผู้มีอารยธรรม อีกทั้งยังเป็นการแสดงทัศนะที่เกิดจากเจตนารมณ์อันดีต่อสถาบันกษัตริย์และสังคมไทย เป็นการนำเสนอแนวทางที่จะสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับสถาบันกษัตริย์ในระยะยาว มิได้ลบหลู่ล่วงเกิน หรือต้องการ “ล้ม” สถาบันแต่ประการใด

บรรยากาศของความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในสังคม และพฤติกรรมคุกคามโดยคนบางกลุ่ม เช่น ทหารไทยที่ออกมาตบเท้าข่มขู่ประชาชนและฟ้องร้องนักวิชาการ ตอกย้ำให้เราตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมต้องนำกฎหมายอาญามาตรา 112 มาเป็นประเด็นทบทวนพิจารณาปรับปรุงแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันมิให้เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นของประชาชนถดถอยล้าหลัง ก้าวย่างไปสู่ยุคมืด หรือถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิงในที่สุด

ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องแยกแยะ “การล้มสถาบัน” ออกจากการอภิปรายเพื่อนำไปสู่เสถียรภาพทางสังคมในระยะยาว และการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดของประชาชน ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ในฐานะประชาชนชาวไทยผู้มีความเป็นห่วงและกังวลต่อสภาวการณ์บ้านเมืองภายใต้บรรยากาศของความหวาดกลัว และในฐานะนักเขียนไทยผู้หวงแหนเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น เราต้องการเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเร็วที่สุด และสนับสนุนการนำแนวทางที่ปัญญาชนบางกลุ่มบางท่าน (เช่น กลุ่มนิติราษฎร์ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และกลุ่มอื่นๆ) ได้เสนอแนะไว้ในหลายวาระ ขึ้นมาพิจารณาประกอบกัน เพื่อนำไปสู่บทสรุปที่เป็นธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคมไทย

นอกจากนี้ เราต้องการเรียกร้องให้ผู้ใช้สถาบันกษัตริย์เป็นข้ออ้างในการแสดงบทบาทและวางอำนาจทางการเมือง เช่น ทหาร ได้ยุติพฤติกรรมดังกล่าว และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง หากความสงบสุข ความสามัคคี และความเป็นธรรม คือสิ่งที่ท่านต้องการให้เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์ใจ

ในสังคมประชาธิปไตยที่ประกอบด้วยความแตกต่างหลากหลาย การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความเชื่อและความคิดเห็นที่แตกต่าง คือกระบวนการที่ช่วยให้เกิดความมั่นคงในการอยู่ร่วมกัน และช่วยบรรเทาความรุนแรงของความขัดแย้งที่สามารถบังเกิดตามธรรมชาติของสังคม การประนีประนอมนั้นมิได้เกิดจากความกลัว หากแต่เกิดจากการฝากความหวังไว้กับการเรียนรู้ของประชาชน และฝากความเชื่อมั่นไว้กับสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน หากเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นของประชาชนถูกคุกคามและสั่นคลอน ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อระบอบประชาธิปไตยและต่อประเทศของตน ย่อมสั่นคลอนเสื่อมถอยอย่างไม่ต้องสงสัย

เพื่อนนักเขียนที่เคารพทุกท่าน เรา - นักเขียนผู้มีรายนามในท้ายจดหมายนี้ ต้องการเรียกร้องให้มีการทบทวน ปรับปรุง แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อความมั่นคงของประชาธิปไตย เพื่อความเป็นธรรมในสังคม เพื่อความยืนยงของสถาบันกษัตริย์ และเพื่ออนาคตของประเทศชาติ

เรา - นักเขียนผู้มีนามต่อท้ายจดหมายฉบับนี้ มั่นใจว่าเพื่อนนักเขียนทุกท่านตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น และหากท่านเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง เห็นด้วยว่าต้องยุติการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราขอเรียนเชิญให้ท่านร่วมแสดงออกกับเราในครั้งนี้ ด้วยการลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวในฐานะนักเขียน เราย้ำว่าเสียงของท่านมีความสำคัญกับผู้ที่กำลังถูกดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรมทุกคน ทั้งในอดีต และในอนาคต เราขอให้ท่านสละเวลาลงชื่อเพื่อร่วมเรียกร้องด้วยกันกับเรา ตามช่องทางที่ระบุไว้ท้ายจดหมายฉบับนี้


19 พฤษภาคม 2554


บินหลา สันกาลาคีรี
ปราบดา หยุ่น
ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง
ซะการีย์ยา อมตยา
กิตติพล สรัคคานนท์
วรพจน์ พันธุ์พงศ์
วาด รวี

รายชื่อผู้ร่วมลงนามทั้งหมด ถึงปัจจุบัน
1. กฤช เหลือลมัย
2. สุเจน กรรพฤทธิ์
3. กวีอราสุ
4. ธีรภัทร เจริญสุข
5. พรสุข เกิดสว่าง
6. สานุ อร่ามเอกวนิช
7. สรายุทธ์ ธรรมโชโต
8. นงลักษณ์ หงส์วิเศษชัย
9. เฉลิมพันธุ์ หวันชิตนาย
10. เดือนวาด พิมวนา
11. ประกาย ปรัชญา
12. นพดล ปรางค์ทอง
13. นพรุจ หิญชีระนันทน์ (แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า)
14. กิตติกา บุญมาไชย
15. ภาณุ มณีวัฒนกุล
16. วิจักขณ์ พานิช
17. เกียรติศักดิ์ ประทานัง (ปั้นคำ)
18. สฤณี อาชวานันทกุล
19. ชญานิน เตียงพิทยากร
20. ทองธัช เทพารักษ์
21. “ผาดไหม”
22. อธิฌลา (อันธิฌา ทัศคร)
23. ดาราณี ทองศิริ
24. นิติพงศ์ สำราญคง
25. ศรัทธา แสงทอน
26. สหรัฐ พัฒนกิจวรกุล
27. วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
28. ปราย พันแสง
29. คณพล วงศ์วิเศษไพบูลย์
30. บุญชิต ฟักมี
31. สิทธา วรรณสวาท
32. นิศากร แก่นมีผล
33. อาทิชา ตันธนวิกรัย
34. ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ (มน. มีนา)
35. การะเกตุ ศรีปริญญาศิลป์ (การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์)
36. วรัญญู อินทรกำแหง
37. พิชญา โชนะโต
38. พีระ ส่องคืนอธรรม
39. วรวุฒิ สัจจะปรเมษฐ
40. พิเชฐ แสงทอง
41. คำ ผกา
42. โคจร สมุทรโชติ
43. ภู่มณี ศิริพรไพบูลย์
44. วิชัย ดวงมาลา
45. แก้วตา ธัมอิน
46. พิรุณ อนุสุริยา
47. พณ ลานวรัญ
48. ธิติ มีแต้ม
49. ธาริต โตทอง
50. ภูมิภัทร์ สงวนแก้ว
51. ณัฐชา วิวัฒน์ศิริกุล
52. มหรรณพ โฉมเฉลา
53. รวิวาร โฉมเฉลา
54. ปิยะพันธ์ เลิศคุณากร
55. นฤพนธ์ สุดสวาท
56. ณภัค เสรีรักษ์
57. ธนะ วงษ์มณี
58. อนุพงษ์ เทพวรินทร์
59. จรูญพร ปรปักษ์ประลัย
60. ระยิบ เผ่ามโน
61. อรุณรุ่ง สัตย์สวี
62. รางชาง มโนมัย
63. ภู กระดาษ
64. มัคคุเทศก์ทางวิญญาณ
65. รน บารนี
66. ธีร์ อันมัย
67. วิวัฒน์ เลิศฯ (วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา)
68. มูหัมหมัดฮาริส กาเหย็ม
69. พรพิมล ลิ่มเจริญ
70. ก่องแก้ว กวีวรรณ
71. กตัญญู สว่างศรี
72.หรินทร์ สุขวัจน์
73. สมหวัง ดังพ่อตั้งจิต
74. คาล รีอัล
75. กฤชวัชร์ เตชะวณิย์
76. ชานันท์ ยอดหงษ์
77. นราวุธ ไชยชมภู
78. จรัส โฆษณานันท์
79. อนันต์ เกษตรสินสมบัติ
80. วิวัฒน์ จ่างตระกูล (Wiwat Chang)
81. โอปอล์ ประภาวดี
82. วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์
83. ภัทรภร วาดกลิ่นหอม
84. ภัควดี วีระภาสพงษ์
85. สุทธิดา มนทิรารักษ์
86. อำพล ฐาปนพันธ์นิติกุล
87. อาทิตย์ ศรีจันทร์
88. สิรนันท์ ห่อหุ้ม
89. ทินกร หุตางกูร
90. อธิคม คุณาวุฒิ
91. กรรณิการ์ กิจติเวชกุล
92. กันต์ธร อักษรนำ
93. อโนชา ปัทมดิลก
94. วิสัย เร็วเรียบ
95. รชา พรมภวังค์ (ลือชา กิจบำรุง)
96. กุดจี่ พรชัย แสนยะมูล
97. ชัชชล อัจนากิตติ
98. อติภพ ภัทรเดชไพศาล
99. วิทวัส จันทร์ก้อน
100. นิวัต พุทธประสาท

101. เรืองเดช จันทรคีรี
102. วิภาส ศรีทอง
103. เด็ดเดี่ยว เหล่าสินชัย
104. ไกรวุฒิ จุลพงศธร
105. ธเรศ นวลศิริ
106. นครินทร์ วนกิจไพบูลย์
107. วัชรัสม์ บัวชุ่ม
108. เมดินา อดุลยรัตน์
109. ตรีมีซีย์ ยามา
110. คันฉัตร รังสีกาญจนส่อง
111. แอลสิทธิ์ เวอร์การา
112. เวียง-วชิระ บัวสนธ์
113. ธนรรถวร จตุรงควาณิช
114. วรชัย เพชรคุ้ม
115. อุทิศ เหมะมูล
116. จันทร์เคียว ปริยา รัตนโยธา
117. วุฐิศานติ์ จันทร์วิบูล
118. จักรพันธุ์ ขวัญมงคล
119. รัชตะ อารยะ
120. รุ่งฤทธิ์ เพ็ชรรัตน์
121. แพร จารุ
122. ณขจร จันทวงศ์ (อังตวน)
123. มงคล โรจนวิสุทธิกุล
124. นพพล โสภารัตนาไพศาล
125. วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์
126. รัชดา อุษณกร
127. วรวิช ทรัพย์ทวีแสง
128. สมศรี ตรังคสันต์
129. อรวรรณ ตรังคสันต์
130. ภาณุ ตรัยเวช
131. รุเธียร (วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์)
132. ภู เชียงดาว
133. ประชา แม่จัน
134. เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
135. ณัฐวัจน์ สุจริต
136. สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์
137. อารีรัตน์ โก
138. หริศ ทัดมาลัย
139. ปรีดีโดม พัฒนชูเกียรติ
140. เนตรนภิส วรศิริ
141. ฉัตรนคร องคสิงห์
142. เบญจมาส วินิจจะกูล
143. จู พเนจร
144. ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์
145. ณรรธราวุธ เมืองสุข
146. A.L. Nawaf (นาวัฟ มะมิง)
147. ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
148. Travis Bickle
149. สุดแดน วิสุทธิลักษณ์
150. ไมเคิ้ล เลียไฮ
151. สังคม ศรีมหันต์
152. กานต์ ณ กานท์
153. สมอล์ล บัณฑิต อานียา
154. กิ่งกาญจน์ ศรีปริญญาศิลป์ (วาดวลี)
155. คำสิงห์ ศรีนอก
156. วัฒน์ วรรลยางกูร
157. ทองขาว ทวีปรังษีนุกูล
158. Homo erectus
159. เพียงคำ ประดับความ
160. ชัยพร อินทุวิศาลกุล
161. ชัชวาลย์ โคตรสงคราม
162. วีราภรณ์ ประสพรัตนสุข
163. วิโรจน์ อิชยาวิโรจน์
164. พินิจ นิลรัตน์
165. อังกฤษ อัจฉริยะโสภณ
166. lily CU
167. สหรัฐ ศราภัยวานิช
168. มาโนช พรหมสิงห์
169. สุจิตต์ วงษ์เทศ
170. มนตรี ศรียงค์
171. ปฐวี วิรานุวัตร
172. ฮวงซีเนี้ย
173. เทพวุธ บัวทุม
174. ณรงค์ศักดิ์ นิลเขต
175. วรเทพ อรรคบุตร
176. ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล
177. ภาคิน นิมมานนรวงศ์
178. วริษฐ์ บูรณปัทมะ
179. วรุจ ประสพดี
180. พัชระ นิรันด์กาล
181. ริยานันท์
182. กฤตพจน พงศ์ถิรประสิทธิ์
183. ขวัญพร เจริญยิ่ง
184. ศิริวร แก้วกาญจน์
185. ประพัทธ์ จิวรังสรรค์
186. มาลัย 'อิสรา
187. อาณัติ แสนโทน
188. อะตอม (คอมเมนเตอร์จากประชาไท)
189. รอมแพง อริยมาศ
190. mm (คอมเมนเตอร์จากประชาไท)
191. From Hell
192. เรืองรอง รุ่งรัศมี
193. โมน สวัสดิ์ศรี
194. วรรณา สวัสดิ์ศรี (ศรีดาวเรือง)
195. สุชาติ สวัสดิ์ศรี (สิงห์สนามหลวง)
196. นาโก๊ะลี
197. อุรุดา โควินท์
198. จักรกลจินตนาการ
199. ธันย์ชนก นาควิโรจน์
200. กิ่งฟ้า เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ( ควันบุหรี่ )

201. วรารัตน์ กระแสร์
202. อัจฉริยะ ใยสูง
203. วิชิดา ภูมิสวัสดิ์
204. ณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล
205. น้ำเพชร เชื้อชม
206. ชัยปภัส ไวรักษ์
207. ขวัญชาย ดำรงค์ขวัญ
208. รุจ ธนรักษ์
209. ณัฏฐา มหัทธนา
210. ชมพร ไชยล้อม
211. ปิยนารถ ธรรมวัฒนะ
212. เด็ด จงมั่นคง
213. ปิยกุล ภูศรี
214. วรธาร พึ่งแก้ว
215. จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์
216. นฤมล สารากรบริรักษ์
217. อรรถกฤษณ์ มหาเกตุ
218. ธัช ธาดา
219. กฤศ ภู่จันทร์ธร
220. เบญญภา อิ่มพร
221. สุจิตรา อุ่นเอมใจ
222. สนานจิตต์ บางสพาน.
223. กัญญา มีบำรุง
224. ลัดดา สงกระสินธ์
225. รมิดา ตาฬวัฒน์
226. สมิทธิ ธนานิธิโชติ
227. วจีหน้ากาก
228. สิรินทร์ เรืองวัฒนไพศาล
239. ไพสิฐ พันธฺุพฤกษชาติ
230. พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ
231. ปาลิดา ประการะโพธิ์
232. มนต์สวรรค์ จินดาแสง
233. วิษณุ อินเหมย
234. วรวดี วงศ์สง่า
235. อัญชลี อุชชิน
236. ชาญชนะ หอมทรัพย์
237. สุขุมพจน์ คำสุขุม
238. เป็ดสววรรค์ (Funniest Blogger :bloggang.com)
239. กะว่าก๋า (วีระกิจ อัชรีวงศ์ไพศาล)
240. กานต์ เกรันพงษ์
241. ภาวิดา ลีภาพันธ์
242. แสงดาว ศรัทธามั่น
243. มาลานชา
244. เมธี
245. วรชัย เพชรคุ้ม
246. ธัญลักษณ์ บุญสัมฤทธิ์
247. สองขา
248. ธิติบดี รุ่งธีรวัฒนานนท์
249. ศันสนีย์ ทรงเกียรติธนา
250. ยุวดี วัชรางกูร
251. รุ่งโรจน์ "อริน" วรรณศูทร (วัฒนา สุขวัจน์)
252. ปุณณดา สายยศ
253. กำพล วงศ์กุหมัด
254. ภาคภูมิ ลมูลพันธ์
255. จุรี พิพัฒนรัง
256. มาร์ค พี ภูแสง (ภุชพงศ์ ภูแสง)
257. เอกกมล เอมระดี
258. ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร
259. อัคนี มูลเมฆ
260. มีสเตอร์สะหวอยแมน
261. จักรพันธุ์ กังวาฬ
262. นางสาวรัตติกาล แซ่ฮ่อ
263. รจนา ลาร์เช่น
264. พิฐ บางพระ
265. พีรพล บางพระ
266. จำลอง ฝั่งชลจิตร
267. กิตติ จินศิริวานิชย์
268. อมิธา อัมระนันทน์
269. วินัย ชาติอนันต์
270. เฉลิมพล ปทะวานิช
271. วชิรา
272. อโลชา เวียงพงศ์


หมายเหตุ – ท่านสามารถติดต่อลงชื่อได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

1. ติดต่อกับเจ้าภาพทั้งแปดโดยตรง
2. อีเมล thaiwriteranti112@rocketmail.com
3. www.thaipoetsociety.com กระทู้นี้
4. แฟกซ์: ถึง วาด รวี ที่เบอร์ 02 439 3536
5. จดหมาย: วารสารหนังสือใต้ดิน 825/666 หมู่ 1 ประชาอุทิศ ทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140
6. facebook: UndergroundBuleteen Thailand

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คลิปปราศัย พรรคเพื่อไทย สวนลุมพินี




ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ


เฉลิม อยู่บำรุง



ผู้สื่อข่าวรายงานจาก บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี มีประชาชนสวมเสื้อสีแดงเดินทางเข้าร่วมจับจองที่นั่งด้านหน้าเวทีเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีแนะนำผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยทั้ง 33 เขต จากนั้นเป็นการ ปราศรัยของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตามด้วย นายโอฬาร ไชยประวัติ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจะปิดท้ายด้วย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ในเวลา 20.30 น. เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และนโยบายของพรรค รวมถึงปราศรัยถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล ขณะที่บริเวณหลังเวที มีสมาชิกพรรค และแกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก ขณะที่ การจราจรบริเวณโดยรอบติดขัดและหนาแน่นตลอดแยกศาลาแดง

ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ได้ปราศรัย ตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยชนะประชาธิปัตย์ในกรุงเทพแน่นอน หากเพื่อไทยแพ้ประชาธิปัตย์ ตนเองจะเลิกเล่นการเมือง พร้อมประกาศว่า ประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้าน 4 + 4+4 รวมเป็น 12 ปี แน่นอน

ต่อมาในช่วงค่ำ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปราศรัยหาเสียง ครั้งแรกในสนามกรุงเทพ บริเวณสวนลุมฯ ในช่วง 20.40 น. ตอนหนึ่งว่า ไม่คิดแก้แค้น แต่คิดจะแก้ไข จะสร้างความสามัคคีปรองดอง

"ไม่ต้องห่วงพี่ชายดิฉัน ปัญหาบ้านเมืองสำคัญเป็นอย่างแรก"

รอยเตอร์ประจานซ้ำ จับคนอเมริกันข้อหาหมิ่นฯ ม.112

Reuters

U.S. citizen charged with Thai royal insult

(Reuters) - Thai authorities have arrested and charged a U.S. citizen with insulting the country's revered monarchy, the latest of a growing number of people accused of breaching the world's toughest lese-majeste laws.

The Department of Special Investigation (DSI), Thailand's equivalent of the FBI in the United States, said Thai-born Lerpong Wichaikhammat, 55, had translated an article deemed offensive to the monarchy and posted it on his blog.

He was also accused of providing a web link to a controversial biography by an American author of 83-year-old King Bhumibiol Adulyadej, a book banned in Thailand.

Lese-majeste, or insulting the monarchy, is a very serious offence in Thailand, where many people regard King Bhumibol as almost divine. Each offence is punishable by up to 15 years in prison. The latest alleged offences also contravened the country's Computer Crimes Act, the DSI said.

"He denied all charges and we are preparing the case to submit to the court for prosecution," DSI Chief Tharit Pengdith told Reuters.

Critics say the law is being abused to discredit opposition activists and politicians, who mostly deny pursuing a republican agenda. The number of complaints, especially those lodged by the military, has jumped ahead of a July 3 parliamentary election.

The law has been a regular feature of the charged political atmosphere in Thailand in the past five years. The generals who overthrew Prime Minister Thaksin Shinawatra in 2006 cited his alleged disrespect for the monarchy among other reasons.

The king, the world's longest-reigning monarch, is a respected unifying figure and moral arbiter in Thailand. He has been hospitalized since September 2009, making only rare appearances. The army goes to great lengths to protect him.

Lerpong, who has dual Thai and American citizenship and is also known as Joe W. Gordon, was arrested Wednesday in the northeastern province of Nakhon Ratchasima. A spokesman for the U.S. embassy in Bangkok said he had been receiving consular assistance as of Friday.

RISING NUMBERS

David Streckfuss, a Thailand-based scholar who follows lese-majeste cases closely, said 397 known cases were submitted to the Criminal Court between 2006 and 2009, a 1,500 percent rise from the preceding 15 years, when cases averaged four or five a year.

Of those 397 cases, 213 decisions had been handed down and 40 were pending with the Appeals Court, Streckfuss told the Foreign Correspondents Club of Thailand Tuesday, adding that nine cases had been pending at the Supreme Court since 2005.

Recent arrests include students, political activists and academics, some of whom have faced pressure from authorities and even their own universities after calling for the lese-majeste law to be reformed.

Criticism of the law is taboo, as is public disclosure of the nature of the alleged offences, and local media rarely report arrests and convictions related to royal insults.

Army chief Prayuth Chan-ocha last month ordered subordinates to lodge lese-majeste complaints against three leaders of the "red shirt" anti-government movement which backs the opposition in parliament and paralyzed Bangkok with protests last year.

He also told army-owned Channel 5 television to devote more air time to royal programs.

(Reporting by Panarat Thepgumpanat. Writing by Martin Petty.; Editing by Jason Szep)

"เทือก" ฟิวส์ขาดด่าโรเบิร์ต-แขวะทักษิณ "คนจ้างเลวยิ่งกว่า?"


ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมว่า ขณะนี้กำลังให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายหาช่องทางดำเนินคดีกับนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัมส์ ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะชอบมายุ่งเรื่องที่กระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย ขอให้คนไทยจำชื่อนี้ไว้ให้ดี เป็นคนที่ชอบทำร้ายประเทศไทย ทำรายงานใส่ร้ายประเทศไทย จนเสียภาพพจน์ในสายตาต่างประเทศ เช่น การเลือกตั้งครั้งนี้ ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ นายคนนี้มันรับจ้างมาทำร้ายประเทศไทย แต่คนที่จ้างมันเลวยิ่งกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางการเอาผิดนายโรเบิร์ต อันเตอร์ดัม จะลำบากหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า กิ้งกือก็ตกท่อได้ อวดดีนัก วันหนึ่งก็คงต้องเจอ

"ปูขมิ้น" ค่ำใหนนอนนั้น วันอาทิตย์พาลูกเที่ยว



รายงานข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทยระบุเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ว่า แกนนำ พท.ได้ยกเลิกกำหนดวันลงพื้นที่หาเสียงในต่างจังหวัดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย (พท.) จากเดิมวันที่ 29 พฤษภาคม จะลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรีและราชบุรี วันที่ 30 พฤษภาคม ลงพื้นที่พิษณุโลกและนครสวรรค์ วันที่ 31 พฤษภาคม จะลงพื้นที่ชัยนาท, สิงห์บุรีและอ่างทอง แล้ววันที่ 2 มิถุนายน จะลงพื้นที่นครราชสีมาและสุรินทร์ วันที่ 3 มิถุนายน ลงพื้นที่บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ทั้งหมดและนำตารางการหาเสียงมาพิจารณาใหม่ เพื่อวางยุทธศาสตร์ในการเดินสายหาเสียง เพื่อไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เหนื่อยจนเกินไป แกนนำซึ่งนำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) และนายนิวัติธำรง บุญทรงไพศาล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะประชุมร่วมกับทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อกำหนดเส้นทางการหาเสียงใหม่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากที่สุด โดยจะกำหนดเส้นทางหาเสียงเป็นแบบการเดินสาย ค่ำไหนนอนนั่น เหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยใช้ได้ผลในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2548 อีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 28 พฤษภาคม ก่อนที่ พท.จะเปิดปราศรัยใหญ่ที่สวนลุมพินี อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นแกนนำพรรคกำหนดให้ทุกวันอาทิตย์ สุดสัปดาห์ เป็นวันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องลงพื้นที่หาเสียง แต่จะใช้ภาพของครอบครัว โดยเฉพาะการพา ด.ช.ศุภเษก อมรฉัตร บุตรชายวัย 9 ขวบ พักผ่อน อาทิ การเดินตลาด การทำบุญไหว้พระ และพบปะประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นอีกจุดขายหนึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"พระ" ฟันธง "ยิ่งลักษณ์-นายกรัฐมนตรี 2 สมัยซ้อน"


จากกระแสของหมอดูหมอเดา ที่ความน่าเชื่อถืออาจจะอยู่ในระดับ จริงบ้าง มั่วบ้าง

"มติชนออนไลน์" จึงขอพาผู้อ่านไปรู้จักกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองลพบุรี ซึ่งใครต่อใครต่างเลื่อมใสศรัทธาใน "ตาวิเศษ" ของท่าน ที่สามารถทำนายทายทักเหตุการณ์ต่างๆ จนกลายเป็น "พระหมอดู" ที่คนใหญ่คนโตในสังคม ต่างไปกราบไหว้ขอเป็นลูกศิษย์ลูกหาอยู่ไม่ขาดสาย


พระอาจารย์ที่กำลังกล่าวถึง คือ พระครูวิจิตรสุธาการ หรือพระอาจารย์นวย เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม (วัดค้างคาว) ต.บางขาม อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เคยทำนายตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถูกต้องมาแล้วหลายต่อหลายคน ทั้งในสมัยของ นายบรรหาร ศิลปอาชา, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, นายชวน หลีกภัย, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ นายสมัคร สุนทรเวช

หลายปีก่อน พระครูวิจิตรสุธาการ เคยทำนายไว้ว่า ชะตาเกิดของคนเหนือที่ชื่อใต้ (ทักษิณ) มีพลังแรงถึงระดับ 19 มากกว่านักการเมืองคนใดในแผ่นดิน และจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ซึ่งภายหลังคำทำนายเป็นจริง แม่ยายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร คือ คุณพจนีย์ ณ ป้อมเพชร ก็ผันตัวกลายเป็นศิษย์วัดค้างคาวตั้งแต่นั้นมา รวมทั้งคอยมาสะเดาะเคราะห์ให้ลูกเขยที่วัดอยู่เป็นประจำ


อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนการรัฐประหาร ปี 2549 พระอาจารย์เคยแนะนำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปลี่ยนนามสกุลใหม่ โดยเติมคำว่า "ดำรง" ต่อท้ายเป็น "ชินวัตรดำรง" และให้นำตาลปัตร 19 อันมาถวาย เพื่อแก้ไขดวงชะตาชีวิตให้ดีขึ้น แต่ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมทำตามที่บอก โดยให้เหตุผลว่ากลัวผู้สื่อข่าวโจมตีหาว่านายกฯ งมงายเชื่อไสยศาสตร์มากเกินไป จึงไม่ยอมเปลี่ยน กระทั่งถูกปฏิวัติยึดอำนาจในที่สุด


ต่อมา ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยไปต่างประเทศ ตนจึงได้ส่ง พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ แกนนำพรรคไทยรักไทย นำตาลปัตรปักชื่อ "พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรดำรง" จำนวน 19 เล่มมาถวาย จึงทำพิธีสวดญัตติแก้ดวงชะตาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น


ทุกวันนี้ พระครูวิจิตรสุธาการ หรือพระอาจารย์นวย มีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นคนมีชื่อเสียงมากมาย ทั้งนักการเมืองระดับชาติ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการ และไฮโซ ซึ่งส่วนใหญ่ จะมาให้พระอาจารย์ดูดวงชะตา รวมถึงเปลี่ยนชื่่อ-นามสกุล เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต


"ส่วนใหญ่เปลี่ยนแล้วก็ได้ดีแทบทุกคน เท่าที่จำได้ก็มีจะเป็น พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.ทบ. จากเดิมชื่อ "สมภพ" เปลี่ยนมาเป็น "สมทัต" หลังจากเปลี่ยนก็ได้เป็น ผบ.ทบ. ทันทีเลย หรืออย่าง พลเอกเรวัต บุญทับ ก็มาเปลี่ยนเป็น "ณพล" หรือ พลเอกจิรเดช คชรัตน์ ผู้ช่วยผบ.ทบ. จากชื่อเดิมอนุสรณ์ ก็เปลี่ยนให้เช่นเดียวกัน ที่จริง ยังมีนายตำรวจใหญ่ระดับชาติอีกหลายคน แต่อาตมาจำไม่ได้แล้ว อย่าไปรู้เลยว่าเขาเป็นใคร "


ล่าสุด "มติชนออนไลน์" สัมภาษณ์พิเศษพระครูวิจิตรสุธาการ หรือพระอาจารย์นวย ในหลายประเด็นที่คนอยากรู้


เมื่อถามถึงสิ่งที่ทุกคนอยากทราบมากที่สุด คือใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป


"พระครูวิจิตรสุธาราม" ตอบแบบฟันธงในทันทีว่า "คุณยิ่งลักษณ์จะได้เป็นนายกฯคนต่อไปร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม" คนไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ และจะได้นั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำประเทศถึง 2 สมัย


"เพื่อไทยจะได้เสียงเกินครึ่ง คือ 250 เสียง ส่วนประชาธิปัตย์จะได้ไม่ถึง 200 เสียง เพราะคุณยิ่งลักษณ์มีพลังในตัวสูงถึงระดับ 19 เทียบเท่ากับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเลข 19 ในทางโหราศาสตร์ถือเป็นเลขดี เลขจักรพรรดิ์ ขณะที่ดวงชะตาของคุณอภิสิทธิ์ในช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก จะสู้กับใคร ก็แพ้เขาหมด เพราะฉะน้ัน หลังจากแพ้การเลือกตั้ง คุณอภิสิทธิ์ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเปลี่ยนหัวหน้าพรรคใหม่ เพื่อให้สู้กับคุณยิ่งลักษณ์ได้ในสมัยหน้า "


พร้อมกันนี้ พระเกจิอาจารย์วัดค้างคาว ยังได้แนะให้คุณอภิสิทธิ์เปลี่ยนชื่อหรือเพิ่มชื่อ เพื่อแก้เคล็ด เพราะชื่อ "อภิสิทธิ์" เมื่อคำนวณออกมาจะได้เลข 5 ซึ่งเป็นเลขอับ เพราะเป็นเลขของพระ หมายถึงดวงเสมอตัวพระ ส่วนคุณยิ่งลักษณ์ได้เลข 44 ซึ่งถือเป็นเลขมงคล และเมื่อนำมารวมกัน ก็เท่ากับเลข 8 ซึ่งหมายถึงดาวอังคาร ดาวนักรบ ถือเป็นเลขที่ยิ่งใหญ่


"คุณอภิสิทธิ์ต้องไปเพิ่มชื่อหรือเปลี่ยนชื่อ ต้องเอาอักษรผู้ชนะเข้าไป แต่ถึงบอกไป เขาก็ไม่เชื่อหรอก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เขาไม่เชื่อมาตั้งแต่สมัยคุณชวนแล้ว"


พระอาจารย์ยังได้ทำนายว่า สถานการณ์บ้านเมืองหลังการเลือกตั้ง ปัญหาความวุ่นวายต่างๆจะหมดไปเลย ทุกอย่างจะราบรื่น จะไม่มีการชุมนุมกันอีก เพราะเกรงใจนายกฯ ผู้หญิง และ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะได้นิรโทษกรรมกลับมา ตั้งแต่สมัยแรกที่คุณยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี


"อีกไม่นานท่านจะได้กลับมา เพราะอย่างน้อย ท่านก็ทำความดีความชอบไว้กับบ้านเมืองเยอะ"

คำทำนายของพระอาจารย์ในวันนี้ ทำให้นึกย้อนไปถึงคำพูดที่ท่านเคยบอกไว้กับ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เมื่อครั้งหนึ่งว่า "เราต้องอยู่เฉยๆ ทำแต่ในสิ่งที่ดีๆ คิดดี ทำดี ไม่ต้องไปคิดแค้น ไม่ต้องไปอาฆาตพยายาทใคร แล้วเราก็จะชนะเอง เฉยเสียดีที่สุด ความอดทนยิ่งมีเท่าไหร่ ยิ่งให้ความสุขเรามากเพียงนั้น"


คำทำนายของ เจ้าอาวาสวัดค้างคาว ยังต้องรอการพิสูจน์ หลัง 3 กรกฎาคม ว่าจะแม่นยำเพียงใด?

( เรื่อง ชชานันท์ ลิ่มทอง )