

วันที่ 31 พฤษภาคม 2554 ผศ.ดร.จักร พันธ์ชูเพชร อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก เป็นประธานแถลงข่าว "นเรศวรโพล" ภาคเหนือตอนล่างประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ว่าผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด 1,828 ตัวอย่าง สำรวจระหว่าง 29-30 พฤษภาคม 2554 ว่าระบบบัญชีรายชื่อ คะแนนความนิยมสูงสุดเป็นพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 23.2 ส่วนประชาธิปัตย์ ร้อยละ 22.2 ส่วนพรรคอื่นร้อยละ 4.5 และยังไม่ตัดสินใจ 50.1 ส่วนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 31.8 เป็นนายอภิสิทธิ์ ร้อยละ 29.6 เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนอื่น 7.3 และยังไม่ตัดสินใจ 31.2
ทางด้านความคิดเห็นที่ว่า กรณีพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.สูงสุดได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ให้หัวหน้าพรรคอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี รับได้หรือไม่ ผลก็คือ รับได้ร้อยละ 37.1 รับไม่ได้ 33.7 ไม่แสดงความคิดเห็น 29.2
ข้อสังเกตุ
1. อ้างกลุ่มตัวอย่างแค่ 203 ตัวอย่างในแต่ละจังหวัด หากกระจายเป็นแต่ละอำเภอ/ตำบล จะเหลือกลุ่มตัวอย่างแค่ ประมาณ 5 คนต่อตำบลเท่านั้น ตามหลักสถิติ ไม่น่าจะเชื่อถือได้
2. คะแนนที่ออกมาในข้อ 1 และ 2 ไม่ค่อยสัมพันธ์กัน เพราะหากคนตัดสินใจเลือกคนเป็นนายกฯ แล้ว นั้นหมายถึงเขาต้องเลือกพรรคนั้นแน่ คนเลือกตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ 60 คน แต่จะเลือกพรรคแค่ 47 คน คงเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกัน คนเลือกนายกฯอภิสิทธิ์ ตั้ง 65 คน แต่ทำไมกลับกรอกคะแนนเลือกประชาธิปัตย์แค่ 45 คน 20 เสียงที่หายไปจากคน 203 คน ถือเป็นเปอเซนต์ที่ "ประหลาด" มาก เพราะมีโอกาสเบี่ยงเบนได้เกิน 10 เปอร์เซนต์
3. โพลล์นี้ เน้นชี้นำไปที่ "การยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ให้หัวหน้าพรรคคนกลาง" และเน้นย้ำไปที่ พรรคที่ได้เสียงน้อยกว่าอันดับ1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
เรียน รองนายกรัฐมนตรีสุเทพ
ตามที่สื่อมวลชนไทยรายงาน เราได้รับทราบมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ ท่านได้ข่มขู่ผมในฐานะที่ผมเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของสมาชิกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในประเทศไทย และมันไม่ใช่แค่เพียงข่มขู่จะดำเนินคดีกับผม แต่ยังมีคำขู่แบบไม่เฉพาะเจาะจงว่าวันหนึ่งผมต้อง “เจอ” หากพิจารณาการกระทำก่อนหน้านี้ของสมาชิกรัฐบาลท่านและตัวท่านเอง ผมมีเหตุผลอย่างดีที่จะแสดงออกถึงความกังวลใจเป็นพิเศษในเรื่องการใช้กระบวนการกฎหมายป้ายสีผม การกระทำเหล่านี้เข้าใจได้ว่า เป็นวิธีการข่มขวัญที่รัฐบาลคุณใช้จัดการกับผู้วิพากษ์วิจารณ์ชาวต่างชาติ รวมถึงการจับกุมพลเมืองสหรัฐและรังควาญนักวิชาการต่างชาติเมื่อไม่นานมานี้ด้วย
ผมเกรงว่าคำขู่ของท่านจะถูกเปิดโปงต่อกลุ่มคนที่ติดตามผลงานของเรามาตลอด การวิจารณ์และเรียกร้องให้ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์รับผิดต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ใช่การโจมตีประเทศไทยหรือสถาบันต่างๆของประเทศ หากมันเป็นการโจมตีประเทศไทยจริง ไม่ใช่เพียงตัวแทนกฎหมายของเราควรจะถูกท้าทายเท่านั้น แต่องค์กรระหว่างประเทศอย่าง ฮิวแมนไรท์วอซซ์และคณะกรรมาธิการนักกฎหมาย (Commission of Jurists) ที่เน้นย้ำให้เห็นถึงการทำลายสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลท่านควรจะถูกท้าทายด้วยเช่นกัน เราทำงานใกล้ชิดร่วมกับกลุ่มนักกฎหมายไทยมาตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อประกันว่าการดำเนินงานของเราจะมีความสอดคล้องกับกฎหมายของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ และเรายังคงทำเช่นนั้น ทั้งยังให้ความสนใจกับรายละเอียดและเคารพกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด ทีมงานและพยานทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเรารวบรวมและเผยแพร่หลักฐานอาชญากรรมของรัฐบาลท่าน ในทางกลับกัน เรายังรอให้รัฐบาลท่านแสดงหลักฐานพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่อบุคคลที่ขัดขืนการปกครองของคุณ
การสร้างสภาพแวดล้อมอันเป็นปรปักษ์ต่อที่ปรึกษากฎหมายของฝ่ายตรงข้ามในการทำงานที่สำคัญเพื่อสนับสนุนระบบนิติรัฐเป็นสิ่งที่ทำลายประเทศไทย คำขู่ของท่านและรัฐบาลท่านเกี่ยวกับการคุกคามทางการเมืองมีส่วนทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยแย่ลงในสายตาของประชาคมโลก การกระทำของท่านและพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้ศาลยุติธรรมเป็นเครื่องมือกดขี่ฝ่ายตรงข้ามและปกปิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่องได้ถูกเปิดโปงแล้วทั้งในประเทศและนอกประเทศ
ในวันที่ 2 มิถุนายน ศาลจะไต่สวนแกนนำเสื้อแดง 17 คน และหลายคนกลัวว่าสิ่งที่แย่ที่สุดจะเกิดขึ้น: นั้นคือเรื่องพรรคประชาธิปัตย์จะใช้วิธีการแบบเผด็จการและไม่ชอบด้วยกฎหมายคุมขังแกนนำฝ่ายตรงข้ามเหล่านี้ด้วยข้อหาจอมปลอม ซึ่งจะกระทบกับความชอบธรรมและความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้เข้าใจในบริบทที่กว้างหว่า ผมขอเชิญทุกท่านให้อ่านคำขู่ของท่านต่อผม ร่วมกับคำแถลงการณ์ร่วมของผมกับแกนนำเสื้อแดง นางธิดา ถาวรเศรษฐ
ความพยายามของท่านและรัฐบาลท่านที่จะกดขี่และทำให้คนเสื้อแดงท้อแท้นั้นไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จ ประชาชนชาวไทยสมควรได้รับการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรม สำนักงานกฎหมายผมรวมรวมข้อมูลของการกระทำหลายอย่างของพรรคท่านและกองทัพที่ใช้บั่นทอนเจตจำนงของประชาชน เราแนะนำให้ท่านอย่าเดินซ้ำรอยประวัติการใช้ความรุนแรงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแลกดขี่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างเผด็จการของพรรคท่าน เราแนะนำให้ท่านร่วมมือตามบทบาทของท่าน โดยให้ยุติกิจกรรมในพรรคของท่านที่เคลื่อนไหวร่วมกันทหาร โดยใช้กองทัพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจครอบงำการเมืองอย่างผิดกฎหมาย
ในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ผมแนะนำให้ท่านประพฤติตัวด้วยความเอื้ออารีและมีศักดิ์ศรี เพื่อให้สมกับตำแหน่งในระดับสูงของท่าน
โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
ป่วนเมืองกรุงเก่ารับเลือกตั้ง มือมืดลอบวางระเบิดปลอมใกล้บ้าน”สุรเชษฐ์ ชัยโกศล”ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เชื่อเป็นการข่มขู่ของคนไม่หวังดี
เมื่อเวลา08.00 น.วันนี้(29พ.ค.) พ.ต.ท.พินิจ อยู่สุภาพ สารวัตรเวร สภ. สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากนายทศพร จันทร์ลอย อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ .2 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา อาชีพเก็บของเก่าขาย ว่า พบวัตถุต้องสงสัยเป็นแท่งคล้ายวัตถุระเบิดบริเวณ ป้อมยามสวนสาธารณะใต้สะพานปรีดีธำรง ฝังเกาะเมือง ต.หอรัตนชัย อ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าภายในห้องน้ำป้อมยาม มีถุงพลาสติกสีเขียววางอยู่ ภายในมีท่อพีวีซี ขนาด 2 นิ้ว สีเหลือง จำนวน 3 แท่ง ความยาวประมาณ 8 นิ้ว หัวท้ายอุดด้วยเรซิล มีสายไฟเชื่อมต่อกับนาฬิกาดิจิตอล ถ่านไฟฉายขนาดเล็กจำนวน 2 ก้อน พันด้วยกระดาษกาวอย่างแน่นหนา รวมกันอยู่ จึงกันประชาชนให้ห่างออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ด้วยวิธีสแกน ปรากฏว่าภายในท่อพีวีซี ไม่มีดินปืนหรือวัตถุที่สมารถจุดระเบิดได้ เป็นท่อเปล่าๆจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจุดที่พบวัตถุระเบิดใกล้กับบ้านพักของนายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคเพื่อไทย ประมาณ30 เมตร ส่วนจุดที่พบเป็นจุดปล่อยรถหาเสียงของนายสุรเชษฐ์ด้วย
พ.ต.ท.พินิจ กล่าวว่าน่าจะเป็นพวกป่วนเมือง นำมาวางเอาไว้โดยหวังผล อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวาย แล้วคนเก็บของเก่าขายมาพบเห็นสายไฟโผล่ออกมา จึงได้แจ้งให้ตำรวจไปตรวจสอบ ซึ่งวัตถุที่พบคล้ายกับระเบิดแสวงเครื่อง แต่เป็นของปลอม ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และจะทำการตรวจสอบหามือดีที่นำมาวางป่วน
ต่อมานายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคเพื่อไทย เข้าพบพ.ต.ท.พินิจ เพื่อสอบถามและขอดูวัตถุคล้ายระเบิด จากนั้นได้เดินทางไปดูจุดที่พบวัตถุต้องสงสัย พร้อมทั้งกล่าวว่าเชื่อว่าน่าจะมาทำการข่มขู่ตนและรถหาเสียงเพราะจุดที่พบทุกเช้าและเย็นจะทำการตรวจเช็ครถและปล่อยขบวนรถออกหาเสียง สงสัยว่าจะเป็นฝีมือขอผู้ไม่หวังดีต่อการเลือกตั้ง
ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
เฉลิม อยู่บำรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี มีประชาชนสวมเสื้อสีแดงเดินทางเข้าร่วมจับจองที่นั่งด้านหน้าเวทีเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีแนะนำผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยทั้ง 33 เขต จากนั้นเป็นการ ปราศรัยของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตามด้วย นายโอฬาร ไชยประวัติ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจะปิดท้ายด้วย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ในเวลา 20.30 น. เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และนโยบายของพรรค รวมถึงปราศรัยถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล ขณะที่บริเวณหลังเวที มีสมาชิกพรรค และแกนนำพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก ขณะที่ การจราจรบริเวณโดยรอบติดขัดและหนาแน่นตลอดแยกศาลาแดง
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ได้ปราศรัย ตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยชนะประชาธิปัตย์ในกรุงเทพแน่นอน หากเพื่อไทยแพ้ประชาธิปัตย์ ตนเองจะเลิกเล่นการเมือง พร้อมประกาศว่า ประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้าน 4 + 4+4 รวมเป็น 12 ปี แน่นอน
ต่อมาในช่วงค่ำ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปราศรัยหาเสียง ครั้งแรกในสนามกรุงเทพ บริเวณสวนลุมฯ ในช่วง 20.40 น. ตอนหนึ่งว่า ไม่คิดแก้แค้น แต่คิดจะแก้ไข จะสร้างความสามัคคีปรองดอง
"ไม่ต้องห่วงพี่ชายดิฉัน ปัญหาบ้านเมืองสำคัญเป็นอย่างแรก"
(Reuters) - Thai authorities have arrested and charged a U.S. citizen with insulting the country's revered monarchy, the latest of a growing number of people accused of breaching the world's toughest lese-majeste laws.
The Department of Special Investigation (DSI), Thailand's equivalent of the FBI in the United States, said Thai-born Lerpong Wichaikhammat, 55, had translated an article deemed offensive to the monarchy and posted it on his blog.
He was also accused of providing a web link to a controversial biography by an American author of 83-year-old King Bhumibiol Adulyadej, a book banned in Thailand.
Lese-majeste, or insulting the monarchy, is a very serious offence in Thailand, where many people regard King Bhumibol as almost divine. Each offence is punishable by up to 15 years in prison. The latest alleged offences also contravened the country's Computer Crimes Act, the DSI said.
"He denied all charges and we are preparing the case to submit to the court for prosecution," DSI Chief Tharit Pengdith told Reuters.
Critics say the law is being abused to discredit opposition activists and politicians, who mostly deny pursuing a republican agenda. The number of complaints, especially those lodged by the military, has jumped ahead of a July 3 parliamentary election.
The law has been a regular feature of the charged political atmosphere in Thailand in the past five years. The generals who overthrew Prime Minister Thaksin Shinawatra in 2006 cited his alleged disrespect for the monarchy among other reasons.
The king, the world's longest-reigning monarch, is a respected unifying figure and moral arbiter in Thailand. He has been hospitalized since September 2009, making only rare appearances. The army goes to great lengths to protect him.
Lerpong, who has dual Thai and American citizenship and is also known as Joe W. Gordon, was arrested Wednesday in the northeastern province of Nakhon Ratchasima. A spokesman for the U.S. embassy in Bangkok said he had been receiving consular assistance as of Friday.
RISING NUMBERS
David Streckfuss, a Thailand-based scholar who follows lese-majeste cases closely, said 397 known cases were submitted to the Criminal Court between 2006 and 2009, a 1,500 percent rise from the preceding 15 years, when cases averaged four or five a year.
Of those 397 cases, 213 decisions had been handed down and 40 were pending with the Appeals Court, Streckfuss told the Foreign Correspondents Club of Thailand Tuesday, adding that nine cases had been pending at the Supreme Court since 2005.
Recent arrests include students, political activists and academics, some of whom have faced pressure from authorities and even their own universities after calling for the lese-majeste law to be reformed.
Criticism of the law is taboo, as is public disclosure of the nature of the alleged offences, and local media rarely report arrests and convictions related to royal insults.
Army chief Prayuth Chan-ocha last month ordered subordinates to lodge lese-majeste complaints against three leaders of the "red shirt" anti-government movement which backs the opposition in parliament and paralyzed Bangkok with protests last year.
He also told army-owned Channel 5 television to devote more air time to royal programs.
(Reporting by Panarat Thepgumpanat. Writing by Martin Petty.; Editing by Jason Szep)
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมว่า ขณะนี้กำลังให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายหาช่องทางดำเนินคดีกับนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัมส์ ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะชอบมายุ่งเรื่องที่กระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย ขอให้คนไทยจำชื่อนี้ไว้ให้ดี เป็นคนที่ชอบทำร้ายประเทศไทย ทำรายงานใส่ร้ายประเทศไทย จนเสียภาพพจน์ในสายตาต่างประเทศ เช่น การเลือกตั้งครั้งนี้ ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ นายคนนี้มันรับจ้างมาทำร้ายประเทศไทย แต่คนที่จ้างมันเลวยิ่งกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางการเอาผิดนายโรเบิร์ต อันเตอร์ดัม จะลำบากหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า กิ้งกือก็ตกท่อได้ อวดดีนัก วันหนึ่งก็คงต้องเจอ
จากกระแสของหมอดูหมอเดา ที่ความน่าเชื่อถืออาจจะอยู่ในระดับ จริงบ้าง มั่วบ้าง
"มติชนออนไลน์" จึงขอพาผู้อ่านไปรู้จักกับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองลพบุรี ซึ่งใครต่อใครต่างเลื่อมใสศรัทธาใน "ตาวิเศษ" ของท่าน ที่สามารถทำนายทายทักเหตุการณ์ต่างๆ จนกลายเป็น "พระหมอดู" ที่คนใหญ่คนโตในสังคม ต่างไปกราบไหว้ขอเป็นลูกศิษย์ลูกหาอยู่ไม่ขาดสาย
พระอาจารย์ที่กำลังกล่าวถึง คือ พระครูวิจิตรสุธาการ หรือพระอาจารย์นวย เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม (วัดค้างคาว) ต.บางขาม อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เคยทำนายตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถูกต้องมาแล้วหลายต่อหลายคน ทั้งในสมัยของ นายบรรหาร ศิลปอาชา, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, นายชวน หลีกภัย, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ นายสมัคร สุนทรเวช
หลายปีก่อน พระครูวิจิตรสุธาการ เคยทำนายไว้ว่า ชะตาเกิดของคนเหนือที่ชื่อใต้ (ทักษิณ) มีพลังแรงถึงระดับ 19 มากกว่านักการเมืองคนใดในแผ่นดิน และจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ซึ่งภายหลังคำทำนายเป็นจริง แม่ยายของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร คือ คุณพจนีย์ ณ ป้อมเพชร ก็ผันตัวกลายเป็นศิษย์วัดค้างคาวตั้งแต่นั้นมา รวมทั้งคอยมาสะเดาะเคราะห์ให้ลูกเขยที่วัดอยู่เป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม ช่วงก่อนการรัฐประหาร ปี 2549 พระอาจารย์เคยแนะนำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปลี่ยนนามสกุลใหม่ โดยเติมคำว่า "ดำรง" ต่อท้ายเป็น "ชินวัตรดำรง" และให้นำตาลปัตร 19 อันมาถวาย เพื่อแก้ไขดวงชะตาชีวิตให้ดีขึ้น แต่ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมทำตามที่บอก โดยให้เหตุผลว่ากลัวผู้สื่อข่าวโจมตีหาว่านายกฯ งมงายเชื่อไสยศาสตร์มากเกินไป จึงไม่ยอมเปลี่ยน กระทั่งถูกปฏิวัติยึดอำนาจในที่สุด
ต่อมา ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยไปต่างประเทศ ตนจึงได้ส่ง พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ แกนนำพรรคไทยรักไทย นำตาลปัตรปักชื่อ "พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรดำรง" จำนวน 19 เล่มมาถวาย จึงทำพิธีสวดญัตติแก้ดวงชะตาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ทุกวันนี้ พระครูวิจิตรสุธาการ หรือพระอาจารย์นวย มีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นคนมีชื่อเสียงมากมาย ทั้งนักการเมืองระดับชาติ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการ และไฮโซ ซึ่งส่วนใหญ่ จะมาให้พระอาจารย์ดูดวงชะตา รวมถึงเปลี่ยนชื่่อ-นามสกุล เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
"ส่วนใหญ่เปลี่ยนแล้วก็ได้ดีแทบทุกคน เท่าที่จำได้ก็มีจะเป็น พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผบ.ทบ. จากเดิมชื่อ "สมภพ" เปลี่ยนมาเป็น "สมทัต" หลังจากเปลี่ยนก็ได้เป็น ผบ.ทบ. ทันทีเลย หรืออย่าง พลเอกเรวัต บุญทับ ก็มาเปลี่ยนเป็น "ณพล" หรือ พลเอกจิรเดช คชรัตน์ ผู้ช่วยผบ.ทบ. จากชื่อเดิมอนุสรณ์ ก็เปลี่ยนให้เช่นเดียวกัน ที่จริง ยังมีนายตำรวจใหญ่ระดับชาติอีกหลายคน แต่อาตมาจำไม่ได้แล้ว อย่าไปรู้เลยว่าเขาเป็นใคร "
ล่าสุด "มติชนออนไลน์" สัมภาษณ์พิเศษพระครูวิจิตรสุธาการ หรือพระอาจารย์นวย ในหลายประเด็นที่คนอยากรู้
เมื่อถามถึงสิ่งที่ทุกคนอยากทราบมากที่สุด คือใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
"พระครูวิจิตรสุธาราม" ตอบแบบฟันธงในทันทีว่า "คุณยิ่งลักษณ์จะได้เป็นนายกฯคนต่อไปร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม" คนไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ และจะได้นั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำประเทศถึง 2 สมัย
"เพื่อไทยจะได้เสียงเกินครึ่ง คือ 250 เสียง ส่วนประชาธิปัตย์จะได้ไม่ถึง 200 เสียง เพราะคุณยิ่งลักษณ์มีพลังในตัวสูงถึงระดับ 19 เทียบเท่ากับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเลข 19 ในทางโหราศาสตร์ถือเป็นเลขดี เลขจักรพรรดิ์ ขณะที่ดวงชะตาของคุณอภิสิทธิ์ในช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก จะสู้กับใคร ก็แพ้เขาหมด เพราะฉะน้ัน หลังจากแพ้การเลือกตั้ง คุณอภิสิทธิ์ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเปลี่ยนหัวหน้าพรรคใหม่ เพื่อให้สู้กับคุณยิ่งลักษณ์ได้ในสมัยหน้า "
พร้อมกันนี้ พระเกจิอาจารย์วัดค้างคาว ยังได้แนะให้คุณอภิสิทธิ์เปลี่ยนชื่อหรือเพิ่มชื่อ เพื่อแก้เคล็ด เพราะชื่อ "อภิสิทธิ์" เมื่อคำนวณออกมาจะได้เลข 5 ซึ่งเป็นเลขอับ เพราะเป็นเลขของพระ หมายถึงดวงเสมอตัวพระ ส่วนคุณยิ่งลักษณ์ได้เลข 44 ซึ่งถือเป็นเลขมงคล และเมื่อนำมารวมกัน ก็เท่ากับเลข 8 ซึ่งหมายถึงดาวอังคาร ดาวนักรบ ถือเป็นเลขที่ยิ่งใหญ่
"คุณอภิสิทธิ์ต้องไปเพิ่มชื่อหรือเปลี่ยนชื่อ ต้องเอาอักษรผู้ชนะเข้าไป แต่ถึงบอกไป เขาก็ไม่เชื่อหรอก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เขาไม่เชื่อมาตั้งแต่สมัยคุณชวนแล้ว"
พระอาจารย์ยังได้ทำนายว่า สถานการณ์บ้านเมืองหลังการเลือกตั้ง ปัญหาความวุ่นวายต่างๆจะหมดไปเลย ทุกอย่างจะราบรื่น จะไม่มีการชุมนุมกันอีก เพราะเกรงใจนายกฯ ผู้หญิง และ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะได้นิรโทษกรรมกลับมา ตั้งแต่สมัยแรกที่คุณยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
"อีกไม่นานท่านจะได้กลับมา เพราะอย่างน้อย ท่านก็ทำความดีความชอบไว้กับบ้านเมืองเยอะ"
คำทำนายของพระอาจารย์ในวันนี้ ทำให้นึกย้อนไปถึงคำพูดที่ท่านเคยบอกไว้กับ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เมื่อครั้งหนึ่งว่า "เราต้องอยู่เฉยๆ ทำแต่ในสิ่งที่ดีๆ คิดดี ทำดี ไม่ต้องไปคิดแค้น ไม่ต้องไปอาฆาตพยายาทใคร แล้วเราก็จะชนะเอง เฉยเสียดีที่สุด ความอดทนยิ่งมีเท่าไหร่ ยิ่งให้ความสุขเรามากเพียงนั้น"
คำทำนายของ เจ้าอาวาสวัดค้างคาว ยังต้องรอการพิสูจน์ หลัง 3 กรกฎาคม ว่าจะแม่นยำเพียงใด?
( เรื่อง ชชานันท์ ลิ่มทอง )